อาญาเถื่อนสวนผึ้งนายทุนสั่งตาย

ฆ่าโหดเมียอัยการ แค้นให้ข้อมูล 'ทหาร' บุกรุกพื้นที่ราชพัสดุ  


สั่งตาย 'เมียอัยการ' แฉข้อมูลรุก 'สวนผึ้ง' คารถโดยสาร หลังเดินทางมาดูสวนยางพารา คนร้ายแต่งชุดพรางทหารครึ่งท่อนทำทีเป็นผู้โดยสาร ขึ้นมาชักปืนจ่อยิงหัว 3 นัดซ้อน ก่อนจี้โชเฟอร์จอดรถ วิ่งหนีเข้าป่า เหยื่อสิ้นใจก่อน ถึงมือหมอ คาดถูกนายทุนสั่งเก็บเพราะเคยให้ข้อมูลบุกรุกกับฝ่ายทหาร จนถูกปองร้าย ส่วนบทสรุปสางปัญหา “สวนผึ้ง” กมธ. ชี้ ทหารสกัดบุกรุก-กรมธนารักษ์ต้องเอาใจใส่เพิ่ม ย้ำใช้ “สวนผึ้งโมเดล” เป็นแม่แบบแก้ปัญหา บุกรุกที่ดินรัฐทั่วประเทศ ชงเสนอรัฐบาล
    
หลัง “เดลินิวส์” เกาะติดนำเสนอปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุในพื้นที่อำเภอสวน ผึ้ง จ.ราชบุรี ทำให้พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและแหล่งต้นน้ำลำธารถูกทำลายมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายหน่วยงานเริ่มขยับออกมาสะ สางจัดการปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่ เสนอข่าวไปแล้วนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.ย. พ.ต.อ.ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุขกิจ รอง ผบก.ภ. จว.ราชบุรี เปิดเผยกรณีผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ที่เกาะติดข่าวการบุกรุกจนทำให้นายทุนผู้เสีย ผลประโยชน์ไม่พอใจ ลงขันจ้างมือปืนเตรียม ลงมือลอบสังหารว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ตำรวจ ชุดสืบสวนหาข่าวดังกล่าวอย่างเร่งด่วนแล้ว ว่าเป็นมือปืนกลุ่มใดซุ้มใด พร้อมจัดกำลังตำรวจคอยให้การดูแลทีมข่าว เพราะเรื่องนี้ถือเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
    
ขณะเดียวกัน ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ รอง เจ้ากรมการทหารช่างจังหวัดราชบุรี ตัวแทนจากกรมธนารักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เดินทางเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงปัญหาความเป็นมาและปัญหาการบุกรุก “สวนผึ้ง” ต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่ง รัฐสภาผู้แทนราษฎร มีนายเจะอามิง โตะตาหยง ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธาน  
    
หลังเสร็จสิ้น นายเจะอามิง ระบุว่าการประชุมครั้งนี้เป็นการรับทราบข้อมูลและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อนำเสนอ ต่อรัฐบาล และต้องการให้ประชาชนอยู่ร่วมกับหน่วยงานราชการได้ ในชั้นนี้ได้ข้อสรุปว่า รัฐบาลควรจะมีนโยบายปลูกป่าทดแทนในส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย และมอบหมายให้ทหารควบคุมดูแลการบุกรุกใหม่พื้น ที่ใหม่อย่างเข้มแข็ง สุดท้ายชาวบ้านในอำเภอ สวนผึ้งจริง ๆ ที่เดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินจะ ต้องได้รับการดูแลให้มีที่ดินทำกิน โดยเฉพาะ กรมธนารักษ์ต้องเอาใจใส่ดูแลในการที่จะปกปักรักษาพื้นที่ราชพัสดุให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
    
นายเจะอามิง กล่าวว่า กรณีที่ดินราช พัสดุในอำเภอสวนผึ้ง ถือเป็นกรณีศึกษาอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการหาแนวทางร่วมกันในการบูรณาการกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการหาจุดร่วมในการแก้ไขปัญหาให้ได้ โดยจะยึดเอาเป็น “สวนผึ้งโมเดล” เป็นบรรทัดฐานในการแก้ไขการบุกรุกที่ดิน ของรัฐ ตามที่กองทัพบกยึดเป็นต้นแบบหรือแม่แบบให้กับหน่วยงานในกองทัพนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีปัญหาอยู่ 
    
ด้าน น.ส.มาลี ศรีรัตนธรรม ทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดราชบุรี กล่าวถึงแนวทางการบูรณาการและฟื้นฟูป่าไม้ ในจังหวัดว่า เนื่องจาก จ.ราชบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 3.24 ล้านไร่ และยังมีพื้นที่ราชพัสดุ ในอำเภอสวนผึ้ง และ อ.จอมบึง อีกกว่า 5 แสนไร่ แต่ปัจจุบันมีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพื้นที่ราชพัสดุอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานที่รับผิดชอบจึงร่วมกันป้องกัน ตรวจสอบ และฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับคืนสู่สภาพเดิมตามธรรมชาติ รวมถึงปราบปรามการกระทำผิดของผู้บุกรุกป่า โดยในปี 2554 จ.ราชบุรี จะส่งเสริมให้มีการฟื้นฟูสภาพป่าที่เสื่อมโทรมหรือพื้นที่ที่ถูกบุกรุก
    
น.ส.มาลี กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นที่มีส่วนร่วมดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมจัดทำโครงการส่งเสริมการปลูกต้นไม้เพื่อเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งจัดทำโครงการ ปลูกป่าประชาอาสา และโครงการปลูกป่าในวันสำคัญต่าง ๆ ในท้องที่อย่างต่อเนื่องด้วย
    
ทั้งนี้การนำเสนอข่าวการบุกรุกสวนผึ้ง ของทีมข่าว “เดลินิวส์” นับว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เห็นได้จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มเข้ามาร่วมกันสะสางปัญหาแบบเบ็ดเสร็จจริงจัง ตั้งแต่กรมการทหารช่างจังหวัดราชบุรี เปิดยุทธการกระชับพื้นที่ขอคืนพื้นที่จากนายทุน และกรมธนา   รักษ์ ร่วมกับกองทัพบก ลงนามบันทึกความเข้าใจในการก่อสร้าง ปักหมุดวางแนวเขตในพื้นที่กายภาพในพื้นที่ และคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยนายวารุจ ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ มีมติเห็นชอบให้ตรวจสอบการบุกรุก “สวนผึ้ง” อย่างจริงจัง ทั้งการตรวจสอบเอกสารสิทธิ นส.3 และใช้กฎหมายเอาผิดกับผู้บุกรุก นอกจากนี้ จะนำ “สวนผึ้งโมเดล” ไปใช้เป็นต้นแบบแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทั่วประเทศด้วย
    
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.บุญเอก สรรพคง ร้อยเวร สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี รับแจ้งจาก รพ.สมเด็จพระยุพราช จอมบึง ว่ามีผู้ถูกยิงมารักษาตัวแต่เสียชีวิตก่อนถึงมือแพทย์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนางสุชา กลีบบัว อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีบาดแผลถูกจ่อยิงด้วยปืนไม่  ทราบขนาดเข้าที่ขมับขวาและศีรษะ รวม 3 นัด สอบสวนเบื้องต้นนายรุ่ง ช่างประดับ อายุ 36 ปี คนขับรถประจำทางสายโป่งกระทิง-ราชบุรี หมายเลขทะเบียน 10-0984 ราชบุรี ให้การว่า ผู้ตายขึ้นรถจากท่ารถในตัวเมือง จังหวะรถแล่นมาตามถนนสายจอมบึง-ราช   บุรี หน้าสนามฝึกจารุมณี มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์แต่งกายครึ่งท่อนคล้ายทหาร ทำทีเป็นผู้โดยสารขึ้นมาบนรถ จังหวะ รถแล่นต่อไปได้ประมาณ 1 กม. ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้โดยสารรายอื่นนับสิบคน 
    
นายรุ่งให้การต่อว่า หลังก่อเหตุคนร้ายใช้ปืนพกจี้บังคับตนให้จอดรถ ก่อนคนร้ายจะวิ่งหนีลงจากรถหายเข้าป่าข้างทางไป ตนจึงรีบขับรถพาเหยื่อกระสุนส่ง รพ. ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 5 กม. แต่ไม่ทันการเพราะได้สิ้นใจระหว่างทาง ทั้งนี้มีรายงานว่านางสุชาเป็นภรรยาอัยการท่านหนึ่ง โดยเบื้องต้นตำรวจ คาดว่าสาเหตุการถูกสังหารครั้งนี้น่าจะมาจากก่อนหน้านี้นางสุชาเคยเข้าให้ข้อมูลเรื่องการบุกรุก “สวนผึ้ง” ของนายทุนกับทางทหารจนถูกปองร้ายและเข้าขอความช่วยเหลือคุ้มครองจากทหาร และต้องเปลี่ยนวิธีเดินทางจากใช้รถยนต์ มาใช้รถไฟและรถโดยสารแทน เวลามาดูแลสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันในพื้นที่ อาจทำให้นายทุนเจ็บแค้นส่งมือปืนมาตามเก็บ ส่วนประเด็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัว และเรื่องอื่น ๆ ตำรวจยังไม่ตัดทิ้ง แต่มีรายงานในทางลึกจากฝ่ายทหาร เชื่อว่าการที่คนร้ายแต่งกายคล้ายทหาร น่าจะต้องการโยนความผิดหรือใส่ร้ายป้ายสีทหาร หลังออกมาเอาจริงเอาจังกับการสะสางปัญหา การบุกรุก “สวนผึ้ง”

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์