พี่เหยื่อช่างกลยันเห็นน้องถูกยิงเต็มตา

เด็กเทคโนฯ เหิมขว้างมีดไม้-ยิงปืนขึ้นรถเมล์สาย 113 หวังประกาศศักดาถล่มคู่อริ หน้าซอยรามคำแหง 164 พลาดโดนหนูน้อยวัย 9 ขวบดับ รันทดพี่ชาย 11 ขวบเห็นคาตาน้องถูกยิงล้มทั้งยืน อีกรายนักเรียนนักเลงใช้ปืนปากกายิงคู่อริใส่รถสองแถวสายบางพลี-ปากน้ำ นักเรียนหญิงวัย 12 ปีนั่งรถไปเรียน กระสุนเจาะหัวไหล่บาดเจ็บ

เหตุการณ์นักเรียนนักเลงยิงใส่คู่อริบนรถเมล์ แต่เด็กน้อยวัย 9 ขวบกลับต้องรับเคราะห์แทนถูกยิงล้มทั้งยืน เปิดเผยขึ้นเวลา 07.00 น. วันนี้(1ก.ย.) ร.ต.อ.สมพงษ์ ลึกจะบก รอง สวป.สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุเด็กนักเรียนถูกยิงได้รับบาดเจ็บบนรถโดยสารประจำทาง สาย 113 วิ่งระหว่างมีนบุรี-หัวลำโพง ที่บริเวณซอยรามคำแหง 164 แยกมิสทีน ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กทม. ผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง ไปก่อนแล้ว จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบ

 ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ ด.ช.จตุพร ผลผกา อายุ 9 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 ร.ร.วัดบำเพ็ญเหนือ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองสั้นแบบลูกปราย กระสุนเจาะเข้าใบหน้า 4 แห่ง ลำคอ 4 แห่ง และไหล่ซ้ายอีก 1 แห่ง อาการสาหัส เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถโดยสารประจำทางร่วมบริการของ บริษัทกรุงเทพขนส่ง จำกัด หมายเลขข้างรถ 113-25 ทะเบียน 10-2688 กรุงเทพมหานคร มีกองเลือดนองอยู่ที่บันไดประตูหลัง บานประตูมีรอยถูกกระสุนปืน 3 แห่ง และยังพบหัวกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ที่พื้น 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 น ส.นิตยา บูรายาว อายุ 31 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทางคันดังกล่าว ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุรับเด็กนักเรียนทั้ง 2 คนมาจากป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามห้างบิ๊กซี สาขามีนบุรี เพื่อมาลงรถที่หน้าวัดบำเพ็ญใต้ ถนนรามคำแหง ช่วงนั้นมีผู้โดยสารมากับรถจำนวนมาก จังหวะที่หนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายกดออด และรถชะลอความเร็วเพื่อจอดที่ป้ายรถเมล์ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งวิ่งกรูออกมาจากซอยรามคำแหง 164 ขึ้นมาบนรถ ใช้ไม้-มีดขว้างเข้ามาในรถ ซึ่งมีกลุ่มนักเรียนช่างกลอีกกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ที่เบาะท้าย ระหว่างที่กำลังชุลมุนอยู่นั้น ผู้โดยสารได้ตะโกนบอกคนขับให้รีบขับรถออกไปอย่าจอดที่ป้าย ขณะเดียวกันก็มีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ผู้โดยสารต่างพากันหมอบหลบอยู่กับพื้นรถ เมื่อพ้นจากจุดอันตราย ปรากฏว่าพบ ด.ช.จตุพร นอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่กับขั้นบันไดทางขึ้น-ลง ด้านหลังโดยมีเลือดไหลโชก โชเฟอร์จึงรีบขับรถพาหนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

 นายปิยะ เดชจร อายุ 35 ปี โชเฟอร์รถโดยสารประจำทางคันเกิดเหตุ กล่าวว่า ระหว่างที่ขับรถรับผู้โดยสารออกมาจากอู่ที่มีนบุรี เพื่อไปส่งที่ปลายทางสถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุและเตรียมจะจอดรถส่งผู้โดยสารปรากฏว่ามีกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนช่างกลวิ่งกรูออกมาจากซอยใช้มีดและไม้ขว้างใส่ด้านหลังรถ และยังใช้อาวุธปืนยิงขึ้นมาอีก 3 นัด กระสุนถูกด.ช.จตุพร เข้าเต็มใบหน้าและลำคอ จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่น้องคงก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ซึ่งก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

 "ปกติรถเมล์สายที่ผมขับจะไม่เคยเกิดปัญหาอย่างนี้เลย จะมีก็เป็นรถเมล์สายอื่นที่เกิดเหตุอยู่เป็นประจำ บางครั้งมีการยิงปืนใส่คนขับจนได้รับบาดเจ็บก็มี แต่สายที่ผมวิ่งไม่เคยเกิดเหตุมาก่อน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง เพราะวัยรุ่นเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยก็ต้องมารับเคราะห์ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่จะเป็นอย่างไร ถ้าลูกของตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้" นายปิยะกล่าว

 พ.ต.อ.สมบูรณ์ พุทธพงษ์ รอง ผบก.น.3 กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าวัยรุ่นที่ก่อเหตุนั้นเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ มารอดักทำร้ายเด็กนักเรียนจากโรงเรียนเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ ย่านหัวหมาก ที่โดยสารมากับรถเมล์คันดังกล่าว วันนี้เป็นวันสถาปนาของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านฉลองกรุงและเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุคงต้องการประกาศศักดาของตัวเองจึงมาก่อเหตุขึ้น จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่สายสืบและสายตรวจออกติดตามจับกุมกลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่เศร้าสลดที่หนูน้อยต้องมาประสบเคราะห์กรรมทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

  หลังเกิดเหตุ นางอังศุ ขำวงศ์ อายุ 39 ปี นายท่าปล่อยรถโดยสารสายดังกล่าว และเป็นมารดาของผู้เสียชีวิต เดินทางมาดูอาการของลูกชาย ภายหลังทราบว่าลูกชายเสียชีวิตแล้วนางอังศุถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเศร้าโศกเสียใจ สร้างความรันทดให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก พร้อมพากันสาปแช่งกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ 

 นางอังศุ กล่าวทั้งน้ำตาว่ามีลูกอยู่ 3 คน ปกติทุกเช้า ด.ช.จตุพร หรือ น้องเทียน ผู้เคราะห์ร้ายจะมาขึ้นรถประจำทางพร้อมกับ ด.ช.ปฐมพร อายุ 11 ปี เพื่อไปเรียนที่ ร.ร.วัดบำเพ็ญเหนือ โดยจะไปลงรถหน้าปากซอย รามคำแหง 164 วันนี้ลูกชายทั้งสองก็มาขึ้นรถโดยสารเป็นปกติ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายเช่นนี้กับลูกชาย

 ส่วน ด.ช.ปฐมพร อายุ 11 ปี พี่ชายเหยื่อความคึกคะนองของกลุ่มนักเรียนนักเลง กล่าวว่า ปกติตนกับน้องจะออกจากบ้านและมาขึ้นรถตรงข้ามบิ๊กซีทุกวัน และจะพากันมาลงรถตรงป้ายรถเมล์ที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุร้ายกับน้องเห็นกลุ่มคนร้ายโยนไม้มีดใส่ในรถ ตอนนั้นน้องชายยืนอยู่ด้านบนเพื่อเตรียมจะลงรถตามปกติ แต่ปรากฏว่ารถไม่จอด และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด เมื่อหันไปดูก็เห็นน้องชายถูกกระสุนปืนจนล้มทั้งยืนอยู่ที่บันไดรถเมล์ และมีเลือดไหลที่หน้า รู้สึกตกใจมาก พยายามจะเข้าไปกอดน้องเพราะสงสารแต่ไม่สามารถเข้าไปหาได้เพราะมีผู้โดยสารคนอื่นขวางอยู่เต็มรถ

 "เสียใจมากครับที่น้องต้องมารับเคราะห์ถูกลูกหลงจนตาย" ด.ช.ปฐมพงษ์ กล่าวทั้งน้ำตา

 ด้าน นางสุวรรณี น้ำผึ้ง อาจารย์ประจำชั้นของด.ช.จตุพร กล่าวว่า ปกติเด็กทั้งสองคนจะนั่งรถเมล์มาเป็นประจำ ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนพี่เป็นเด็กเงียบเฉย ส่วน ด.ช.จตุพร เป็นเด็กร่าเริง เรียนดี และเป็นครอบครัวมาจากต่างจังหวัด นิสัยดี ไม่มีปัญหาอะไร รู้สึกเสียใจที่ลูกศิษย์ต้องมาเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ตนมีลูกก็กลัวเหมือนกัน คนเป็นพ่อแม่เมื่อมาเจอสภาพนี้ก็ย่อมจะรับไม่ได้ ที่ผ่านมา เวลาคุยกับเด็กในชั้นเรียนจะสอนให้ใช้ความระมัดระวังในระหว่างเดินทางมาเรียนและกลับบ้าน ส่วนการแก้ปัญหาอยากให้ทุกฝ่ายทั้งข้าราชการ กระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ปกครอง ร่วมกันเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้

  ส่วนอีกเหตุการณ์ เมื่อเวลา 07.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.สัญญา อุทุมพร ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีนักเรียนใช้อาวุธปืนยิงกันที่หน้าอู่รถเมล์ถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีเด็กนักเรียนหญิงเคราะห์ร้ายถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำ

 หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล พบแพทย์กำลังรักษา ด.ญ.สุทธิตา ลือชา อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนนพคุณวิทยา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หัวไหล่ขวาด้านหลัง 1 นัดหัวกระสุนทะลุออกด้านหน้า

 ด.ญ.สุทธิตา กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งรถสองแถว สายบางพลี-ปากน้ำ เพื่อเดินทางมาโรงเรียนซึ่งอยู่ใกล้สามแยกการไฟฟ้าสมุทรปราการ ระหว่างที่รถวิ่งมาตามถนนพุทธรักษาได้จอดรับนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ประมาณ 5-6 คน จนกระทั่งรถวิ่งมาถึงหน้าอู่รถเมล์สาย 25 เห็นนักเรียนโรงเรียนชำนิเทคโนโลยีกลุ่มใหญ่ประมาณ 10 กว่าคนยืนจับกลุ่มกันอยู่ที่หน้าอู่รถเมล์ พอรถสองแถววิ่งผ่าน หนึ่งในกลุ่มนักเรียนที่อยู่หน้าอู่ก็ชักอาวุธปืนปากกาออกมายิงใส่รถสองแถว 1 นัด ตนรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวไหล่ขวาและกระจกหน้าต่างรถฝั่งตรงข้ามตนแตกกระจาย จึงก้มลงดูก็รู้ว่าถูกยิง ผู้โดยสารที่นั่งมาบนรถต่างพากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ โชเฟอร์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเหยียบคันเร่งพามาส่งที่โรงพยาบาล

 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับกุมกลุ่มนักเรียนชำนิเทคโนโลยีและนักเรียนเทคนิคสมุทรปราการได้กว่า 30 คนที่เตรียมตัวยกพวกตีกัน สามารถตรวจยึดอาวุธมีดได้เกือบ 20 เล่ม เบื้องต้นได้ยึดอาวุธเอาไว้เป็นของกลางพร้อมประสานแจ้งอาจารย์ฝ่ายปกครองของแต่ละสถาบันมารับตัวนักเรียนกลับไปอบรมสั่งสอนต่อไป

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์