ป่วนใต้ฆ่าสยอง ครูกับผช.ผญบ.

"ไม่ได้ลงรายละเอียดแต่จะเน้นย้ำความร่วมมือ"


เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปประเทศมาเลเซียว่า เป็นการเดินทางไปเพื่อแนะนำตัวหลังจากได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และไปเพื่อประสานความสัมพันธ์ทางทหาร เมื่อถามว่า จะหารือถึงการแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า

คงไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่จะเน้นย้ำในเรื่องความร่วมมือ พร้อมขอให้ช่วยเจรจากับต่างประเทศ ในฐานะที่มาเลเซียเป็นประธานองค์การที่ประชุมกลุ่มประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม (โอไอซี) ส่วนปัญหาเรื่องบุคคล 2 สัญชาตินั้น เรื่องนี้พูดกันมานาน และพยายามทำกันมานานแล้ว แต่เป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะมีคน 2 สัญชาติจำนวนมาก เชื่อว่าหากแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้สถานการณ์ปัญหาในภาคใต้น่าจะดีขึ้น

"ประชุมวิสามัญสอบสวนความไม่สงบในภาคใต้"


ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นนัดแรก เพื่อเลือกประธานและตำแหน่งต่างๆ โดยที่ประชุมเลือก พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ มีนายโสภณ สุภาพงษ์

เป็นรองประธานคนที่ 1 นายไพศาล พืชมงคล เป็นรองประธานคนที่ 2 และ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ เป็นโฆษก โดยจะประชุมทุกวันพุธ แต่หากจำเป็นก็จะเพิ่มวันพฤหัสบดีอีก 1 วัน ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มอบให้กรรมาธิการทุกคนไปคิดและเขียนความเห็นเรื่องของปัญหาภาคใต้ใน 3 ประเด็น คือ 1. ปัญหาจริงที่เกิดขึ้น 2. ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาว่าจะแก้อย่างไรและใครควรเป็นผู้ปฏิบัติ และ 3. จะมีการช่วยเหลือและแก้ปัญหาอย่างไร

"เยี่ยมเยาวชนโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ โครงการวิทยาศาสตร์"


เมื่อเวลา 12.30 น. ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลอง 5 จ.ปทุมธานี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมเยาวชนในโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 4 ที่อยู่ระหว่างการเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า อยากให้เยาวชนของโครงการได้นำประสบการณ์ที่ได้รับกลับไปถ่ายทอดให้พ่อแม่พี่น้องฟังว่า อะไรที่น่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้บ้าง

และขอให้ตั้งใจเล่าเรียน ในอนาคตหากใครอยากเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงยินดีที่จะจัดทุนการศึกษาให้เรียนทันที อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ ตนจะเดินทางลงไป จ.นราธิวาส เพื่อพบกับนักเรียนนักศึกษาในหลายโรงเรียน และจะไปเยี่ยมคนไทยพุทธที่ออกมาจาก อ.บันนังสะตา จ.ยะลา มาอาศัยอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม เพื่อไปให้กำลังใจ

"สอบถามความเป็นอยู่ชาวบ้านอพยพ"


ส่วนความคืบหน้ากรณีชาวไทยพุทธ จากพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา หนีภัยโจรใต้มาอาศัยอยู่ ที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา จำนวนกว่า 200 คนนั้น เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกันนี้ นายปิเตอร์ ลิค เจ้าหน้าที่กาชาดสากล ซึ่งมาปฏิบัติงานดูแลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางมากับล่ามชาวฝรั่งเศส เข้าพบกับพระครูเขมวงศานุการ เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม เพื่อสอบถามถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ วัด ซึ่งทางกาชาดสากลจะได้หาทางช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมต่อไป

พระครูเขมวงศานุการกล่าวว่า ขณะนี้มีชาวบ้านมาอาศัยอยู่ที่วัด 72 ครอบครัว จำนวนกว่า 200 คน ขณะนี้ยังไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก เนื่องจากมีหน่วยงานราชการและภาคเอกชนเดินทางมาช่วยบริจาคทั้งสิ่งของและเงิน แต่ถึงอย่างไรชาวบ้านก็ไม่ต้องการที่จะอยู่กันแบบนี้ตลอดไป เพราะมีผลกระทบทางด้านอาชีพ หลังจากอพยพมาอยู่ที่วัด การกรีดยางก็ต้องหยุด การทำสวนผลไม้ก็ทำไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องเงินค่าครองชีพ ชาวบ้านบางครอบครัวมีบุตรเรียนอยู่ในระดับมัธยมหรืออุดมศึกษา ได้รับความเดือดร้อน ไม่มีรายได้ ส่งให้ลูกเรียน หากปล่อยให้นานวันออกไปการช่วยเหลือก็อาจจะลดน้อยลงไปตามเวลา ขอฝากให้หน่วยงานราชการได้พิจารณาหาอาชีพหรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ด้วย

"เข้าตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือ"


ต่อมาเวลา 09.30 น. พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร. พร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมชาวไทยพุทธที่วัดนิโรธสังฆาราม พร้อมมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคและเงินช่วยเหลือจำนวน 50,000 บาท โดย พล.ต.อ.โกวิทกล่าวว่า ชาวบ้านที่ถูกคนร้ายลอบเผาบ้านเรือนได้รับความเสียหายนั้น จะให้ทางตำรวจตระเวนชายแดนไปช่วยก่อสร้างบ้านให้ใหม่ สำหรับการช่วยเหลือ หากชาวบ้านต้องการจะกลับไปดูแลบ้านเรือนสวนผลไม้ ก็จะจัดส่งตำรวจเข้าไปเป็นเพื่อน จากนั้น ผบ.ตร.เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้ายะลา ประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ และปรับแผนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ใหม่

ที่ห้องพิจารณา 4 ศาลจังหวัดปัตตานี ศาลได้นัดตัดสินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงเป็นคดีแรก เมื่อเวลา 09.00 น. นายสมเดช เอี้ยมวิเชียรเจริญ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการปัตตานี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอาดือนัน เส็ง จำเลยที่ 1 นายอภิสิทธิ์ มาหะมะ หรืออาหามะ จำเลยที่ 2 และนายอับดุลเลาะห์ ดือราแม จำเลยที่ 3 ในคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ อั้งยี่ ซ่องโจร ก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ความผิดต่อชีวิตและพยายามฆ่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 47 ได้เกิดระเบิดขึ้น 2 แห่งในเขต อ.เมืองปัตตานี จุดแรกเกิดระเบิดขึ้นใกล้จุดตรวจรูสะมิแล ในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ตำรวจบาดเจ็บ 1 นาย เวลาไล่เลี่ยกัน เกิดระเบิดหน้าบริษัทพิธานพานิชย์ จำกัด เป็นเหตุให้ จ.ส.ต.บุญเอก เพชรศรี และ จ.ส.ต.สฤษดิ์ กะละเต็บ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเสียชีวิตทันทีทั้ง 2 นาย

"ระเบิดเพิงขายของ พบเศษชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดกระจายเกลื่อนพื้น"


ศาลพิเคราะห์ตามพยานหลักฐานแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 114, 209 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง และ 210 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้ง 3 เป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในความผิดฐานสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบ หรือกระทำความผิดอื่นใด อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อเป็นกบฏ อันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 พฤติการณ์การกระทำผิดของจำเลยทั้ง 3 เป็นภัยต่อความมั่นคง เห็นสมควรให้ลงโทษในขั้นสูง ลงโทษจำคุกคนละ 15 ปี คำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยทั้ง 3 คงจำคุกจำเลยทั้ง 3 คนละ 10 ปี ภายหลังการตัดสินเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ไปขึ้นรถบัสเพื่อนำฝากขังต่อที่เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานีต่อไป

ขณะที่เหตุร้ายรายวันยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.ท.ธนัตถ์ อุปฮาด ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิดที่เพิงขายของหลังคามุงจากของนายสามะ บือราเฮง ผช.ผญบ.บาโงระนะ บริเวณสามแยกบ้านบาโงระนะ ถนนสายระแงะ-รือเสาะ หมู่ 5 ต.มะรือโบตก ที่เกิดเหตุพบเศษชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดแสวงเครื่องกระจายเกลื่อนพื้น มีทหารบาดเจ็บชื่อ จ.ส.อ. วีระวัฒน์ นิลานนท์ อายุ 46 ปี สังกัด ร้อย ร.1313 ฉก.34 ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาเล็กน้อยและมีอาการหูอื้อ สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ จ.ส.อ.วีระวัฒน์ หน.ชุด รปภ.ครู นำกำลัง 4 นาย ขี่รถ จยย.2 คัน มาวางกำลังดูแลเส้นทางให้ครูและนักเรียน รร.บ้านบาโงระนะ และ รร.บ้านมะรือโบตก โดย จ.ส.อ.วีระวัฒน์ยืนอยู่ริมถนนฝังตรงข้ามกับเพิงขายของ ปรากฏว่าคนร้ายซึ่งลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็ก ได้จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์ มือถือ ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น แรงระเบิดถูก จ.ส.อ.วีระวัฒน์บาดเจ็บดังกล่าว

"ปิดการเรียนอยู่ไม่มีกำหนด ครูขวัญเสียกันมาก"


ต่อมาเวลา 16.30 น. ร.ต.ท.พิบูลย์ ธนิตกุล ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีครูถูกยิงบนถนนพิธานอำนวยกิจ หมู่ 1 ต.รือเสาะออก จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก. นายดลเดช พัฒนรัฐ นอภ.รือเสาะ ไปตรวจสอบ พบกองเลือดข้างรถ จยย.ยามาฮ่า รุ่นเมท ทะเบียน ท-8991 ยะลา ที่ล้มอยู่ริมถนน ส่วนผู้ถูกยิงถูกนำส่ง รพ.รือเสาะ และเสียชีวิต ทราบชื่อ ว่าที่ ร.ต.(หญิง) กุลลธิดา อินจำปา อายุ 33 ปี รอง ผอ.รร.บ้านลาเมาะ หมู่ 3 ต.รือเสาะออก อยู่บ้านเลขที่ 379/8 ถนนสิโรรส อ.เมืองยะลา ถูกยิงด้วยปืน .38 เข้าอกขวาและที่ก้นรวม 3 นัด โดยหลังโรงเรียนเลิก ผู้ตายขี่รถ จยย.ออกจากโรงเรียน เพื่อจะไปขึ้นรถไฟที่สถานี รถไฟรือเสาะ กลับบ้านที่ จ.ยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุห่างจากโรงเรียน 4 กม. มีคนร้าย 2 คนนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.ไล่ตามประกบยิงเข้าใส่ 3 นัด แล้วหลบหนีไป

สำหรับประวัติ ว่าที่ ร.ต.(หญิง) กุลลธิดา ผู้ตายจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโท เอกบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สอบบรรจุเป็นครูเมื่อ พ.ศ. 2540 สอนวิชาภาษาไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู คศ.2 ส่วนสถานภาพเคยแต่งงานแต่หย่าร้างกับสามี มีมีบุตรชาย 1 คน อายุ 8 ขวบ ชื่อ ด.ช.เอื้ออังกูร อาศัยอยู่รวมกัน 3 คน กับมารดาในพื้นที่ จ.ยะลา ปกติจะเดินทางไป-กลับ กับขบวนรถไฟเพื่อมาสอนหนังสือเด็กทุกวันเป็นเวลา 9 ปี ตั้งแต่บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก ล่าสุดสอบเลื่อนขั้นได้ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนและเตรียมรอเรียกบรรจุ แต่มาถูกยิงเสียชีวิตก่อน ด้านนายสังเวียน จันทร์ชู ผอ.รร.บ้านลาเมาะ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปโรงเรียนจะปิดการเรียนการสอนแบบไม่มีกำหนดเพราะคณะครูเสียขวัญอย่างมาก

"ยิงเข้าหน้าอก 1 นัดอาการสาหัส"


อีกราย เวลา 17.30 น. ร.ต.ท.เนติวุฒิ ดีแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงบนถนนบ้านต้นไม้สูง หมู่ 2 ต.ปะลุรู ที่เกิดเหตุพบรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน กษธ 820 นราธิวาส ล้มอยู่ใกล้กับกองเลือดและพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. 1 ปลอก และกระสุนด้าน 1 นัดส่วนคนถูกยิงถูก นำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก ทราบชื่อนายซัมซูเด็ง เจ๊ะมะ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 2 บ้านไอร์กวิง ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี เป็นสมาชิก อบต.ปะลุรู ถูกยิงด้วยปืน 11 มม.เข้าหน้าอก 1 นัด อาการสาหัส

ขณะที่ จ.ยะลา ก็เกิดเหตุรุนแรงไม่แพ้กัน เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 15 พ.ย. พ.ต.ต.จิระศักดิ์ วิกรัยเจริญยิ่ง สารวัตรเวร สภ.อ.รามัน รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านกอตอตือระ หมู่ 1 ต.กอตอตือระ ที่เกิดเหตุพบรถ จยย.ซูซูกิ คริสตัล สีเขียว ทะเบียน น-4630 ยะลา ล้มอยู่บนถนนเลียบริมทางรถไฟ ส่วนผู้ถูกยิงชื่อนายมะดาโอ๊ะ กะดะแซ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 4 ต.กอตอตือระ ถูกกระสุนปืนเจาะขมับขวาทะลุซ้ายและชายโครงขวาเสียชีวิต โดยนายมะดาโอ๊ะเป็น ผช.ผญบ.กอตอตือระ ก่อนเกิดเหตุขี่รถ จยย.ออกจากบ้าน พา ด.ญ.บาวารี กะดะแซ ลูกสาววัย 5 ขวบ นั่งซ้อนท้ายไปส่งโรงเรียน

"คาดโจรใต้มุ่งสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ"


ขณะถึงที่เกิดเหตุมีวัยรุ่น 2 คน ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนขับนุ่งโสร่ง ส่วนมือปืนนั่งซ้อนท้ายสวมเสื้อคลุมสีดำ ขี่รถไล่ติดตามยิงนายมะดาโอ๊ะเสียชีวิต ส่วน ด.ญ.บาวารีได้รับบาดเจ็บจากรถล้มเล็กน้อย หลังก่อเหตุคนร้ายมุ่งหน้าไปทาง ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา สาเหตุเชื่อว่าเป็นฝีมือโจรใต้มุ่งสังหารเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นเป้าหมาย

ส่วนเหตุร้ายใน จ.ปัตตานี เกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.30 น. พ.ต.ท.นรัตน์ เทพเฉลิม รอง ผกก.สส. สภ.อ.ทุ่งยางแดง ไปตรวจสอบเหตุยิงกันบนถนนสายบ้านชะเมา-บ้านบาราแง หมู่ 2 ต.น้ำดำ พบรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บค 2914 ยะลา ตกอยู่ในคูน้ำข้างทาง สภาพตัวถังฝังผู้โดยสารถูกยิงเป็นรูพรุน แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ในป่าละเมาะข้างทาง 13 ปลอก สอบสวนนายวิชิต เฉลิมพันธ์เมธากุล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/55 หมู่ 2 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา เจ้าของรถคันเกิดเหตุให้การว่า เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างถนนในหมู่บ้าน ขณะขับรถยนต์จะกลับบ้านที่ จ.ยะลา โดยมีนายไตจง บิดา นั่งคู่กันมาด้านหน้า และนายอับดุล หามะ อายุ 20 ปี นั่งอยู่กระบะหลัง ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ในป่าละเมาะ ข้างทางยิงถล่มหลายนัด ตนรีบเร่งเครื่องหลบหนีจนรถเสียหลักตกข้างทาง ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุก็รีบหลบหนีไปเช่นกัน เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของโจรใต้


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์