ลวนลาม แอร์บินไทย

ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พ.ย. นายสมศักดิ์ ศรีนวล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ กรรมการบริษัทการบินไทย ในฐานะเป็นกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เพื่อขอให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกสหภาพฯ และพนักงานที่ปฏิบัติงานในอาคารผู้โดยสาร โดยเฉพาะสุภาพสตรีว่า ถูกคุกคามทางเพศและในรูปแบบอื่นๆ เช่น จับมือ จับแขนในลานจอดรถ แอบดูพนักงานหญิงในช่วงที่เข้าห้องน้ำ รวมทั้งการลวนลามด้วยวาจา และพูดจาข่มขู่พนักงานหญิง

นายสมศักดิ์กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาบริษัทได้ขอให้ พนักงานที่จะไปปฏิบัติงานภายในอาคารผู้โดยสาร หรือเข้าห้องน้ำอย่างน้อย 2 คน แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ ดังกล่าวลดลงหรือมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายและค่อนข้างรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ดังนั้น ได้ขอให้ พล.อ.อ.ชลิตช่วยประสานงานกับ ทอท.หามาตรการรักษาความปลอดภัยในอาคารผู้โดยสาร เพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับพนักงานของบริษัท ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน


คนงานก่อสร้างบางคน แตะเนื้อต้องตัว แสดงพฤติกรรมเข้าลวนลาม


รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพนักงานถูกคุกคามข่มขู่มาโดยตลอด และเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงกลางคืน เพราะผู้โดยสารน้อยและงานบางส่วนยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ผู้รับ เหมาก่อสร้างต้องเร่งก่อสร้างในช่วงกลางคืน แม้ว่าพนักงานจะแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่หาตัวผู้ต้องหาไม่เจอ ดังนั้นต้องการให้พนักงานก่อสร้างออกจากพื้นที่อาคารผู้โดยสารช่วงเวลา 17.00 น. ซึ่ง พล.อ.อ.ชลิต รับปากว่าจะเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร็ว

พื้นที่ในสนามบินสุวรรณภูมิมีหลายส่วนที่ยังมีคนงานก่อสร้างเข้าไปปฏิบัติงาน และคนงานบางคนมี พฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อเจอพนักงานสตรีที่ลานจอดรถได้แสดงพฤติกรรมเข้าลวนลาม เดินล้อมหน้าล้อมหลัง แตะเนื้อต้องตัว นอกจากนี้ ยังมีบางคนปีนขึ้นไปบนฝ้าหลังคาห้องน้ำหญิงภายในอาคารที่พักผู้โดยสาร และเจาะรู เพื่อดูพนักงานสตรีทำภารกิจส่วนตัว สร้างความหวาดกลัวให้แก่พนักงานเป็นอย่างมาก นายสมศักดิ์กล่าว


มีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะนับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ


ด้าน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ทอ.) ในฐานะประธานบอร์ดการบินไทย กล่าวภายหลังรับทราบเรื่องแล้วว่า จะมีการนำปัญหาดังกล่าวเข้าเป็นวาระ เร่งด่วนต่อที่ประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 17 พ.ย.นี้ เพื่อแก้ปัญหาโดยด่วน

ขณะที่นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ถ้าพบว่าเป็นเรื่องจริงต้องดำเนินคดีกับคนงานก่อสร้างที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมทั้งยกเลิกสัญญากับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างภายในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิทันที

อย่างไรก็ดี เรื่องที่พนักงานสาวในสนามบินสุวรรณภูมิถูกคนงานก่อสร้างลวนลามนั้น มีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะนับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิได้ไม่นาน แต่กลับไม่มีผู้เสียหายรายใดกล้าออกมายืนยัน กระทั่งมีการทำหนังสือร้องเรียนออกมาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้

ส่วนปัญหามลพิษทางเสียง อันเกิดจากเสียงเครื่องบินที่บินขึ้น-ลง ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปมาตรการแก้ปัญหา 4 ประการ ได้แก่ 1. การกำหนดประเภทของเครื่องบินที่จะใช้สนามบิน 2. การกำหนดวิธีการบิน ซึ่งจะมีรายละเอียดเทคนิคการบิน ขึ้น-ลง 3. การจ่ายค่าชดเชยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และ 4. การจัดการปัญหาร่วมกัน เช่น การบังคับให้ ทอท. ควบคุมตามมาตรการที่ระบุในอีไอเอ การติดตั้งสถานีตรวจวัดระดับเสียง การติดตามปัญหาสุขภาพของประชาชนนั้น


ส่วนเรื่องมลพิษทางเสียง มีแนวทางแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว


ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ว่าที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ให้ความเห็นชอบตามมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้ว โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เร่งดำเนินการตามเงื่อนไขที่ระบุในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ทันที โดยเฉพาะการโยกย้ายและการจ่ายค่าชดเชยชาวบ้าน ซึ่งในวันที่ 15 พ.ย.นี้ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว. คมนาคม จะเดินทางไปรับฟังปัญหาของชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบทางเสียงของสนามบินสุวรรณภูมิที่วัดบางโฉลงใน จ.สมุทรปราการ หลังพบว่ามีเสียงดังเกิน 95 เดซิเบลในช่วงที่เครื่องบินบินผ่าน และค่อนข้างมีความถี่เฉลี่ย 2 นาทีต่อลำ ถ้ามาตรการทั้งหมดถูกนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ปัญหาเสียงดังจะลดลงได้



พญ.อัมพร เปิดเผยว่า ชาวบ้านเกิดความเครียด เพราะไม่สามารถปรับตัวกับเสียงดัง


ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 13 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ผลจากการให้บริการชาวบ้านในหมู่บ้านร่มฤดี หมู่บ้าน สราญวงศ์ และหมู่บ้านร่มสุข เมื่อปลายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่าชาวบ้านที่มารับคำปรึกษาเกิดความเครียด จากการที่ไม่สามารถปรับตัวกับเสียงดังของเครื่องบินจนส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย ตกใจง่าย โมโหง่าย ไม่มีสมาธิ วิตกกังวล และหวาดกลัว โดยเฉพาะกลุ่มเด็กกับคนสูงอายุ จะกลัวเสียงเครื่องบิน และกลัวเงาของเครื่องบินที่ทาบลงมาที่พื้น ส่วนเด็กเล็กก่อนวัยเรียนจะตกใจตัวสั่น ส่วนวัยทำงานจะรู้สึกกดดัน เคว้งคว้าง และอาจมีผลต่อการปรับตัวทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เพราะความเครียดจะนำไปสู่ความก้าวร้าวรุนแรง จะแสดงออกมาในรูปของการไม่ยอมรับ ทั้งนี้ น่าเป็นห่วงว่าถ้า 3 เดือนผ่านไป ยังไม่สามารถปรับตัวได้จะกลายเป็นภาวะสุขภาพจิต และสุขภาพกายตามมา

กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังปัญหาคือ กลุ่มผู้สูงอายุ เพราะไปไหนไม่ได้ต้องอยู่แต่ที่บ้าน ส่วนเด็กยังมีกิจกรรมที่โรงเรียน แต่ในอนาคตอาจมีผลกับปัญหาการฟัง เพราะถ้าเทียบความดังจากเครื่องบินจะดังกว่าเสียงของซาวอะเบาต์ ส่วนผู้ใหญ่จะมีผลความรู้สึกไม่มั่นคงต่ออนาคต เพราะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเป็นความกังวลใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ถือว่าชาวบ้านเป็นผู้ป่วย เพียงแต่ต้องการกำลังใจ พญ.อัมพร กล่าว พร้อมแนะว่า ชาวบ้านไม่ควรใช้ยานอนหลับเข้าช่วย เพราะจะทำให้ติดและเลิกยาก ทั้งนี้ อยากให้ปรับสุขภาพการนอน เช่น ให้อาบน้ำสบายๆ ก่อนนอน หาห้องนอนในมุมสงบๆ ออกกำลังกาย เป็นต้น


ขอขอบคุณ : ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
(หนังสือพิมพ์ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศ)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์