พบแล้วมือคาร์บอมบ์แบงก์กสิกรไทย

พบมือคาร์บอมบ์หน้าแบงก์กสิกรไทย รือเสาะมาจาก อ.ยี่งอ เป็นกลุ่ม”ลุกมัน เจ๊ะปอ” ร่วมกับ “อุสตาสเลาะ” เร่งส่งจนท.ล่าตัว


เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 12 ส.ค. นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส

พ.ต.อ.สามารถ วิชัยขัทขะ ผกก. สภ.รือเสาะ พ.ท.จักรกฤช ศรีนนท์ ผบ.ฉก.30 เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีความมั่นคง จำนวน กว่า 30 นาย ได้ร่วมกันประชุมเครียดเพื่อติดตามความคืบหน้า และดูภาพวีดีโอที่บันทึกได้จากโทรทัศน์วงจรปิดเหตุคาร์บอมบ์หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขา อ.รือเสาะ พบมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ในโดยพบว่า มีวัยรุ่นจำนวน 1 คน ที่ นำรถเก๋ง ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีดำ บรรจุระเบิด แล้วนำมาจอดไว้บริเวณหน้าธนาคาร จากนั้นจึงได้เดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนมารอรับแล้วพากันหลบหนีไป แล้วไปขึ้นรถ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดได้บันทึกพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย ทั้ง 2 รายได้ ซึ่งคนที่นำรถยนต์มาจอดทิ้งไว้เป็นบุคคลที่มาจากพื้นที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ขี่รถจักรยานยนต์มารอรับนั้น เป็นคนในพื้นที่ อ.รือเสาะ

แหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.รือเสาะ  เปิดเผยว่าหลังก่อเหตุคนร้ายขึ้นรถจักรยานยนตืหลบหนีแล้วมาขึ้นรถรถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูบีชี  รุ่น แลนเซอร์ สำแดง

ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน พาหลบหนีออกนอกพื้นที่อีกทอดหนึ่ง หลังจากที่ได้นำรถจักรยานยนต์ไปซ่อนที่บ้านพักของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่บ้านสาวอ ต.สาวอ อ.รือเสาะ และล่าสุดเจ้าหน้าที่พอจะรู้ตัวคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดกลุ่มนี้แล้ว ซึ่งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าประกบไล่ล่าคนร้ายกลุ่มนี้ต่อไป

ส่วนคนร้ายกลุ่มนี้ คาดเป็นกลุ่มของคนนายลุกมัน เจ๊ะปอ ร่วมกับ อุสตาสเลาะ และพวกรวม 15 คน

แบ่งเป็นผู้ประกอบวัตถุระเบิด จำนวน 3 คน พาหลบหนี 2 คน นำรถยนต์คาร์บอมบ์มาวางไว้ 1 คน คุมเชิง 2 คน ดูต้นทางอีก 7 คน ได้ร่วมกันประชุมวางแผนเพื่อก่อเหตุร้ายในช่วงเดือนรอมฏอน เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ตำบลเก๊ะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.รือเสาะ โดยได้สั่งการให้กลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ อ.รือเสาะ และ อ.ยี่งอ ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ โดยนำรถยนต์คาร์บอมบ์คันเกิดเหตุมาจากเต้นท์ขายรถยนต์มือสองแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลห้วยปิง จ.ปัตตานี ซึ่งมีนายมะ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของรถคนล่าสุด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนผู้เกี่ยวข้องต่อไป


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์