รวบทันควัน นางนพมาศ ลักทรัพย์นศ.

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 11 พ.ย.


พ.ต.ต.ชาญวุธ ไชยรุ่งเรือง หัวหน้าสถานีตำรวจชุมชนมหาวิทยาลัยนเรศวร อ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ในห้องเลขที่ 1304 หอพักพรวลัย และห้องเลขที่ 402 หอพักกุลสตรี ต.ท่าโพธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัยนเรศวร และคนร้ายเตรียมจะหลบหนีออกจากหอพักพรวลัย จึงนำกำลังตำรวจชุดสายตรวจไปตรวจสอบ

พบหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาดียืนอยู่บริเวณบันไดหอพักพรวลัย


โดยกอดกระเป๋าสะพายสีเขียวไว้แนบอกท่าทีมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นปรากฏว่าพบ

กระเป๋าสตางค์สีดำ 1 ใบ
จอคอมพิวเตอร์แอลซีดียี่ห้อซัมซุง 1 จอ
กล้องถ่ายวีดิโอขนาดเล็ก 1 ตัว
โทรศัพท์มือถือโนเกีย 1 เครื่อง
เครื่องบันทึกข้อมูลคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา 1 เครื่อง
เสื้อและกระโปรงนักศึกษา 3 ชุด อยู่ในกระเป๋าสะพาย

ทราบชื่อผู้ต้องสงสัยคือ น.ส.อมรรัตน์ สุ่ยหล้า หรือโอ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/3 หมู่ 6 ต.บ่อทอง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

ระหว่างตรวจค้นอยู่นั้น ได้มี น.ส.พณิตา จูมทอง


อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 3 สาขาวิชาการบัญชี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เจ้าของห้องพักเลขที่ 1304 หอพักพรวลัย มาชี้ยืนยันว่าสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของ น.ส.อมรรัตน์เป็นทรัพย์สินของตนที่ถูกขโมยไป สอบสวนเบื้องต้น

น.ส.อมรรัตน์ให้การรับสารภาพว่า

ได้ร่วมกับนายสุรพงษ์ หรือเจ๊ก มีแก้ว อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 6 ต.บ่อทอง อ.บางระกำ ซึ่งเป็นลูกของป้า เข้าไปลักทรัพย์จากห้องพักของ น.ส.พณิตาจริง หลังก่อเหตุนายสุรพงษ์หลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิดก่อนที่ตำรวจจะมาถึงที่เกิดเหตุ โดยปล่อยให้ตนยืนรอเก้อเพียงลำพังจนถูกจับได้ พ.ต.ต.ชาญวุธจึงนำตัว น.ส.อมรรัตน์ พร้อมกำลังตำรวจติดตามไปที่บ้านของนายสุรพงษ์

ปรากฏว่าพบนายสุรพงษ์หลบซ่อนอยู่ในบ้าน


ตรวจค้นพบทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร่วมกันลักทรัพย์ ไปจากห้องเลขที่ 402 หอพักกุลสตรี คือ

โทรศัพท์มือถือยี่ห้อดีบีเทล พร้อมเครื่องชาร์จแบตเตอรี่
และรถ จยย.ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

ซึ่งเป็นพาหนะที่ใช้ในการก่อเหตุ จึงควบคุมตัว น.ส.อมรรัตน์ และนายสุรพงษ์พร้อมของกลางนำส่ง ร.ต.อ.สันตสิริ เมตตาวงศ์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองพิษณุโลก ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด

น.ส.พณิตาผู้เสียหายให้การว่า


รู้จักกับ น.ส.อมรรัตน์ เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามาตีสนิท โดยอ้างว่าเรียนอยู่ ปี 1 เอกนาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน และเพิ่งประกวดนางนพมาศในงานลอยกระทงของอำเภอบางระกำ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประจำปี 2549 เมื่อต้นเดือน พ.ย. และอยากจะเข้าประกวดในระดับสูงขึ้นไปอีก จึงขอร้องให้ ช่วยติวภาษาอังกฤษให้ ตนเห็นว่าเป็นนักศึกษารุ่นน้องเลยให้ความช่วยเหลือ

ก่อนเกิดเหตุเมื่อเย็นวันที่ 10 พ.ย. น.ส.อมรรัตน์เดินทางมาหาที่ห้องพักและนั่งติวภาษากันจนดึก จากนั้น น.ส.อมรรัตน์ก็อ้างว่าไม่มีรถกลับบ้านที่ อ.บางระกำ ขอนอนพักด้วย ซึ่งตนก็อนุญาต

ตลอดทั้งคืน น.ส.อมรรัตน์มีท่าทางกระสับกระส่ายและถามเวลาบ่อยครั้ง โดยอ้างว่านัดให้แฟนหนุ่มมารับตอนตี 5


อีกทั้งยังเปิด-ปิดไฟและเข้าห้องน้ำบ่อยมาก พอใกล้สว่างตนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้อง ลุกขึ้นมาดูก็ไม่เห็น น.ส.อมรรัตน์แล้ว พอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลาก็ไม่พบ

จึงเปิดไฟตรวจสอบทรัพย์สินปรากฏว่าหายไปหลายอย่าง มั่นใจว่า น.ส.อมรรัตน์ขโมยไปแน่ จึงเรียกเพื่อนห้องข้างๆแล้วโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้ทราบ กระทั่งตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด

ด้าน น.ส.อมรรัตน์ให้การรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า


เคยเรียนอยู่สาขาวิชานาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จริง แต่เรียนได้เพียง 2 เดือนก็ลาออก ส่วนตำแหน่งนางนพมาศได้เข้าประกวดและชนะเลิศจริง สำหรับสาเหตุที่ต้องลักทรัพย์เพื่อจะนำไปขายหาเงินมาจ่ายค่าหอพัก ส่วนชุดนักศึกษาที่ลักมานั้นเพื่อจะเก็บไว้ใส่ในปีการศึกษาหน้า

ซึ่งตั้งใจจะสอบเอ็นทรานซ์ใหม่อีกครั้ง และเพิ่งจะก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพราะรู้มาว่ามีคดีคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ตามหอพักนักศึกษาหลังมหาวิทยาลัยนเรศวรเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยถูกตำรวจจับได้เลย จึงอยากเลียนแบบบ้าง

โดยวางแผนร่วมกับนายสุรพงษ์ ญาติผู้พี่

ซึ่งมีอาชีพเป็นกุ๊กที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.บางระกำ แต่ต้องหยุดกิจการมานานเนื่องจากถูกน้ำท่วม เข้าไปลักทรัพย์ที่หอพักทั้ง 2 แห่ง กระทั่งถูกตำรวจจับได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ว่าจะก่อเหตุเป็นครั้งแรก จึงให้ชุดสืบสวนสอบปากคำขยายผลต่อไป


แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์