แอ้ดลงดับไฟใต้เผาอีกรร.ที่ยะลา

"บอมบ์สถานีรถไฟ เผา รร."


โจรใต้จยย.บอมบ์สถานีรถไฟที่อ.เจาะไอร้อง เผาอีกร.ร.ยะลา-สงขลา รถบด ตู้โทรศัพท์ "แอ้ด"ควง"อารีย์"ลงใต้อีกรอบวันพุธนี้ เน้นพบปะกลุ่มเยาวชนทั้งน.ศ.ม.ราชภัฏ น.ร.โรงเรียนสอนศาสนาธรรมวิทยา นายกฯไม่วิตกขอโทษแล้วยังมีเหตุรุนแรงต่อเนื่อง ระบุรู้อยู่แล้วว่าไม่ยุติลงในเวลาเร็ววัน ศาลปัตตานีไกล่เกลี่ยคดีญาติคนตายคดีตากใบ 75 คนฟ้อง 6 หน่วยราชการเป็นจำเลย เรียกค่าเสียหายกว่า 100 ล้าน แต่ตกลงยอมจ่าย 42 ล้าน

-อาก้าถล่มดับภารโรงที่ระแงะ

เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 7 พ.ย. ร.ต.ท.นรเศรษฐ์ สุขศรี ร้อยเวรสภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสายป่าไผ่-ลูโบ๊ะดีแย หมู่ 2 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จึงรายงาน พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.อ.บาเจาะ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุ 2 ข้างเป็นป่ายางรกทึบ พบผู้เสียชีวิตอยู่บนเบาะด้านคนขับในรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีแดงเลือดหมู ทะเบียน กข 6703 นราธิวาส อยู่ในสภาพกระจกด้านข้างถูกกระสุนปืนแตกเป็นรูพรุน จำนวน 4 รู กระจกหน้าแตก ลื่นไถลไปตกข้างคูน้ำริมถนน ตรวจสอบทราบชื่อ คือนายมะลาเซ็ง เจ๊ะโซ๊ะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 10 บ้านอาแน ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นนักการภารโรงโรงเรียนบ้านลูโบ๊ะดีแย ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนอาก้า ที่บริเวณลำคอ ท้ายทอย ปาก ลำตัว และมือรวม 5 นัด เสียชีวิตคาที่ จึงลำเลียงนำศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลระแงะ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายมะลาเซ็ง ผู้เสียชีวิต ได้ขับขี่รถยนต์เก๋งส่วนตัวออกมาจากบ้านพักเพียงลำพัง เพื่อมุ่งหน้าจะไปทำงานที่โรงเรียนดังกล่าว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายจำนวน 4 คน ใช้รถยนต์กระบะไม่ทราบสี และยี่ห้อเป็นพาหนะ ขับตามประกบจากด้านหลังมาจากบ้านพัก เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่จำนวนหลายนัด ดับสยองดังกล่าว

-บึ้มสถานีรถไฟบ้านไอสะเตีย

เวลา 09.30 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.วัฒนา เกศอำไพ ร้อยเวรสภ.อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณด้านข้างของสถานีรถไฟบ้านไอสะเตีย หมู่ 8 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จึงประสานไปยัง พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร และหน่วยเกี่ยวข้องไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นดรีม สีดำ ทะเบียน กบง 793 นราธิวาส ซึ่งจอดอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.1012 ฉก.31 ประมาณ 5 เมตร สภาพพังยับ โดยมีเบาะและเศษชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ปะปนกับเศษสะเก็ดระเบิดกระจายเกลื่อนพื้น อาทิเศษเหล็กตัดสั้น หัวตะปู เศษดินระเบิด แอมโมเนียไนเตรต เศษกล่องเหล็ก เชื้อปะทุ เศษวงจรและซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ร.อ.อดิศร คำช่วย ผบ.ร้อยฯ นำกำลังรวม 12 นายไปสร้างเพิงที่พักกันแดดริมทางประจำสถานีรถไฟบ้านไอสะเตีย ซึ่งอยู่ด้านหน้าของสถานี ต่อมารถไฟสายต้นทาง อ.สุไหงโก-ลก ปลายทาง จ.นครศรีธรรมราช แล่นมาจอดเทียบที่สถานีเพื่อส่งชาวบ้านลง จากนั้นจึงแล่นออกจากสถานีอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่ระเบิดได้เกิดระเบิดขึ้นดังสนั่นหวั่นไหวแต่โชคดีที่ระเบิดทำงานไม่เต็มที่ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดพบว่า คนร้ายนำระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ประกอบบรรจุไว้ในถังน้ำมันของรถจักรยานยนต์ จุดชนวนระเบิดด้วยสัญญาณของโทรศัพท์มือถือ

-ตชด.ชุมพรจับอาวุธสงคราม


เมื่อเวลา 02.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.สุกิจ คล้ายอุดม รองผกก.ตชด.41 ชุมพร สั่งการร.ต.ท.ปิยภัทร ทองพันธเลิศกุล หัวหน้าชุดปฏิบัติการด้านการข่าว กองร้อยตชด.416 (หน.ชปข.ร้อย ตชด.416) พร้อมกำลังกว่า 20 นาย ออกตรวจสกัดจับอาวุธสงครามตามปกติและได้รับรายงานว่าจะมีการขนอาวุธสงครามไปส่งชายแดนภาคใต้ จึงวางกำลังสกัดจับกุมนายไชยยันต์ หรือเหลือ ทองคำ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 8 ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร นายสุทธิหรือโอะ แสงแก้ว อายุ 49 ปี และนายธีรพงษ์ หรือตุ้ย คงสุวรรณ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเป็นกลุ่มขบวนการค้าอาวุธปืนสงครามส่งขาย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ประกอบด้วยอาวุธปืนกลมือสังหาร เอ็มทรี จำนวน 24 กระบอก อาวุธปืนสงคราม เอสเค 2 กระบอก อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ม.ม. 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 22 นัด กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 10 นัด กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 8 นัด เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลางและควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่กก.ตชด. 41 ชุมพร ค่ายอาภากรเกียรติวงศ์

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ทราบว่ารับซื้ออาวุธปืนสงครามทั้งหมดมาจากชายแดนไทย-พม่าเขตพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะส่งไปขายต่อให้กับลูกค้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแต่ละครั้งจะนัดหมายให้ลูกค้ามารับของในพื้นที่ของ จ.สุราษฎร์ธานี และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือจังหวัดใกล้เคียงตามที่ได้นัดหมายกัน ซึ่งปืนกลมือสังหารจะขายกระบอกละ 10,000-15,000 บาท ปืนสงคราม เอชเค กระบอกละ 15,000-20,000 บาท หรือบางครั้งก็จะซื้อขายแลกเปลี่ยนกับยาบ้า โดยยาบ้า 5 ถุง ถุงละ 200 เม็ด ต่ออาวุธปืน 1 กระบอก หลังสอบสวนขยายผลเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมอาวุธปืนและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

-ยิงดับอส.ยะหริ่งพร้อมเมีย

เวลา 23.10 น. วันที่ 6 พ.ย. ร.ต.ต.ศิริพงษ์ อ่อนละมูล ร้อยเวรสภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนภายในหมู่บ้านตะปอเยาะหมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.ไพศาล ไชยบุตร ผกก. พ.ต.ท.เจตน์ เจริญยืน รอง.ผกก.ป.และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่เกิดเหตุพบศพนายวาหะ อาโรง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 258/3 หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ถูกยิงด้วยปืน.38 จำนวน 3 นัด เข้าขมับซ้าย และหน้าอกซ้าย นอนเสียชีวิตบนถนน ใกล้ๆ กันมีรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ ตรวจพบกระสุนปืน.38 จำนวน 1 นัด

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไปทำธุระนอกบ้าน ขากลับก่อนถึงบ้านประมาณ 5 เมตร คนร้ายไม่ทราบจำนวนขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาชักปืนยิงใส่ 3 นัด แล้วหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวน
บึ้มใต้- ทหารและตำรวจตรวจซากรถจักรยานยนต์ ที่คนร้ายนำระเบิดมาซุกไว้ แล้วนำไปจอดข้างสถานีรถไฟบ้านไอสะเตีย อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ก่อนใช้มือถือจุดชนวนระเบิด แต่โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.

เวลา 07.00 น. พ.ต.ต.อันธีร์ ก่ออารีย์ สารวัตรเวร สภ.อ.เมือง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสาย 42 ยะหริ่ง-ปัตตานี ม.3 ต.ตานา อ.เมือง จ.ปัตตานี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันทีพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมจิตร นาสมยนต์ ผกก.สภอ.เมือง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กขย 498 ปัตตานี ล้มอยู่กลางถนน ข้างรถมีศพชายสภาพถูกยิงที่ศีรษะกะโหลกหลุดนอนตายคารถ ทราบชื่อ นายมะซอเร บากา อายุ 36 ปี อาชีพอาสาสมัครป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม สภ.อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 ม.3 ต.หนองแรด อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และศพหญิงภรรยานายมะซอเร ทราบชื่อภายหลังว่านางอุซนี ตุยง อยู่บ้านเลขที่ 20/6 ม.5 ต.ปิตูมูดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายมะซอเร ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีภรรยานั่งซ้อนท้าย ออกจากที่ทำงานซึ่งเป็นเวรยามโรงงานผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือ ของบริษัทกาโนเอ็กเพรสซ์ จำกัด มุ่งหน้ากลับบ้านพักที่ ต.หนองแรด เมื่อขับรถมาถึงที่สามแยกบ้านปูตารงมีคนร้าย คนขับรถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนสงครามอาก้า จำนวนหลายนัดกระสุนถูกที่ศีรษะและลำตัวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังก่อเหตุคนร้ายยังได้เอาอาวุธปืนพกสั้นของผู้ตายไปด้วย ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนอาก้าสภาพใหม่เอี่อม จำนวนหลายนัด สำหรับประเด็นสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

-บุกเผาร.ร.วอดที่บันนังสตา

ต่อมาเวลา 06.00 น. วันที่ 7 พ.ย. พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่มอาบ ผกก.สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ้านตะบิงตีงีสามัคคี หมู่ 13 บ.ปาลอบาต๊ะ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา รุดไปตรวจสอบพร้อมกับประสานตำรวจกองวิทยาการเขต 45 ยะลา จากนั้นพ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รองผบก.ภ.จ.ยะลา นำกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ยะลา และตำรวจกองวิทยาการเขต 45 ยะลา เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบเพลิงลุกไหม้ภายในห้องครัว และห้องสหกรณ์ด้านหลังโรงเรียนหลังห้องเรียนชั้นประถมปีที่ 6 โดยเพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ซึ่งต้นเพลิงลุกไหม้ด้านหลังห้องดังกล่าวลุกลามจนได้รับความเสียหายเนื่องจากภายในห้องมีหนังสือเรียนจำนวนมาก เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

จากการสอบสวนชาวบ้านให้การว่า ขณะเกิดเหตุช่วงเวลา 02.30 น. เกิดไฟพวยพุ่งออกจากภายในห้องดังกล่าว ชาวบ้านออกมาช่วยกันนำน้ำมาดับใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นมือของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ด้านนายมามะ แอลา อายุ 36 ปี ชาวบ้านหมู่ 13 บ.ปาลอบาต๊ะ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนว่าไฟไหม้โรงเรียน จึงรีบวิ่งออกมาดูพบว่าไฟกำลังลุกไหม้ด้านหลังของห้องสหกรณ์ จากนั้นจึงร่วมกับชาวบ้านกว่า 30 คนหิ้วถังน้ำเข้าไปช่วยกันดับไฟ เนื่องจากเกรงว่าไฟจะลุกลามมาติดที่อาคารด้านหน้าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจึงสามารถดับไฟไว้ได้ จากนั้นนายอาทิตย์ หามิดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะเข้ามาตรวจที่เกิดเหตุช่วงเช้าเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยขณะเดินทางเข้ามาตอนกลางคืน

สำหรับโรงเรียนบ้านตะบิงตีงีสามัคคี ตั้งอยู่หมู่ 13 บ.ปาลอบาตะ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา มีนายประวิทย์ จันทร์แจ้ง เป็นผอ.โรงเรียน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนรวม 115 คน ครู 10 คน

-รองผู้ว่าฯยะลามั่นใจเปิดเรียน13พ.ย.


วันเดียวกันเมื่อเวลา 06.00 น. ศูนย์วิทยุสภ.อ.บันนังสตารับแจ้งว่าเกิดเหตุลอบวางเพลิงรถบดถนนของบริษัทปัตตานีก่อสร้าง บนถนนในหมู่บ้าน ที่หมู่ 3 บ.ทรายแก้ว ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพลิงลุกไหม้รถบดถนนเสียหายบางส่วน

ต่อมาเวลา 06.10 น.รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ริมถนนสาย 410 บ.ปีแซลคะ หมู่ 8 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา จึงรุดไปตรวจสอบพบเศษกระสอบป่านชุบน้ำมันตกอยู่ภายในตู้ดังกล่าวจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

จากนั้นเมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุมวอร์รูม ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดยะลาส่วนขยาย นายณฐพลฒ์ วิเชียรเพริศ รองผู้ว่าฯยะลา เรียกประชุมร่วมกับพ.อ.รังสรรค์ ศิริรังษี รองผู้ว่าฝ่ายทหาร พ.อ.ชินวัตร แม้นเดช ผบ.ฉก.1 ตัวแทนผู้บริหารสถานศึกษาตัวแทนครูในเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเฉพาะกิจ นายอำเภอ ผกก.สถานีตำรวจทั้ง 7 อำเภอในพื้นที่ เพื่อร่วมประเมินสถานการณ์หามาตรการรักษาความปลอดภัยโรงเรียนและครู หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียน 5 แห่ง นอกจากนั้นคนร้ายยังได้โทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิตครูหากเดินทางไปโรงเรียน ใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง

นายณฐพลฒ์ กล่าวภายหลังประชุมว่า วันนี้สามารถสรุปให้หน่วยงานที่ดูแลความมั่นคงในพื้นที่ รวมทั้งผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 2 เขตเพื่อวางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยครูให้เกิดความเชื่อมั่น เพราะขณะนี้บรรดาครูหลายคนถูกคนร้ายโทรศัพท์ข่มขู่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินการดูแลความปลอดภัยครูในเส้นทางที่เดินทาง และสำคัญที่สุดจะให้ชุมชนมีส่วนร่วม

โดยเชื่อมจากผู้ใหญ่บ้าน และชรบ. ที่จะเข้ามาร่วมดูแลในส่วนนี้ นอกจากนั้นโครงการจ้างงานเร่งด่วนที่จะให้ชาวบ้านมาทำหน้าที่เป็นเพื่อนครู ดูแลครูขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้รับรอนุมัติแล้ว

รองผู้ว่าฯยะลา กล่าวอีกว่า สำหรับการปิดโรงเรียนในพื้นที่อ.บันนังสตา จ.ยะลา จำนวน 33 โรงนั้น เพื่อปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยครูและโรงเรียนว่าเป็นที่พอใจของครูหรือไม่ ส่วนในพื้นที่เขตการศึกษายะลา เขต 1 นั้น เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีโรงเรียนในพื้นที่รอยต่อของอ.บันนังสตา จำนวน 3 แห่ง ที่ปิดการเรียนการสอน เช่น โรงเรียนบ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา และอีก 2 แห่งที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดกำลังดำเนินการดูแลในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยในการประชุมร่วมกันวันนี้ได้ข้อสรุปว่าจะเปิดเรียนตามปกติวันจันทร์ที่ 13 พ.ย. และวันที่ 8 พ.ย. พล.ต.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ จะเดินทางมาพร้อมกับรมว.ศึกษาธิการ เพื่อเข้าพบกับบรรดาครู และผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่จ.ยะลา เพื่อรับทราบปัญหา และแผนการดูแลรักษาความปลอดภัย ตนมั่นใจว่าเมื่อเปิดเรียนวันจันทร์ที่ 13 พ.ย.นี้ ก็คงจะมีมาตรการชัดเจนจากทุกฝ่ายเพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น
อีก 2 ศพ- นายมะซอเร บากา อส.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และนางอุซนี ตุยง ภรรยา ถูกคนร้ายประกบยิงเสียชีวิตทั้งคู่ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน คาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.

-130คนไทยพอใจที่นายกฯขอโทษ


วันเดียวกันนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ปลัดจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับจากเยี่ยม 130 คนไทยที่ประเทศมาเลเซียว่า คณะมีทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และผู้นำศาสนา ได้พบปะพูดคุยเนื่องในวันรายออีดิ้ลฟิตรี โดยสอบถามความเป็นอยู่และเล่าถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ฟัง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะพล.อ.สุรยุทธ์ ที่กล่าวขอโทษเกี่ยวกับการสลายม็อบที่อ.ตากใบ แทนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ทั้งนี้ท่าทีของ 130 คนไทยที่อยู่ในมาเลเซียยังไม่มีท่าทีที่จะกลับประเทศไทย แต่คาดว่าทุกคนต้องกลับมายังบ้านเกิดอย่างแน่นอน เพียงแต่รอดูสถานการณ์ในพื้นที่และแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดใหม่ก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ เปิดเผยภายหลังประชุมครม.ว่า วันที่ 8 พ.ย.จะลงพื้นที่จ.ยะลา แต่ไม่ได้มีวาระพิเศษอะไร ลงไปพูดคุยกับเยาวชน เหมือนกับที่ลงไปพูดคุยกับผู้นำศาสนา

ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่ที่สถานการณ์ยังมีความรุนแรงต่อเนื่องทั้งที่ได้กล่าว "ขอโทษ" ไปแล้ว นายกฯกล่าวว่า ไม่หนักใจอะไร เพราะตระหนักดีว่าปัญหาภาคใต้คงไม่ได้ยุติลงในระยะเวลาสั้นๆ

-อนุมัติตั้งร.ร.ราชประชานุเคราะห์

เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.ได้ให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้จัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 5 โรง ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล และสงขลา ในกรอบเงินจำนวน 292.67 ล้านบาท แบ่งเป็นงบรายจ่าย 5 รายการแต่ไม่รวมงบลงทุนก่อสร้าง เนื่องจากครม.ชุดที่แล้วได้อนุมัติวงเงินค่าก่อสร้างแล้ว โดยให้ใช้งบประมาณปี 2550 จำนวน 83.229 ล้านบาท ปี 2551 จำนวน 111.503 ล้านบาท และปี 2552 จำนวน 97.937 ล้านบาท ส่วนการดำเนินการก่อสร้างนั้น ขณะนี้ได้มีการมอบงานแล้วให้กรมการทหารช่างของกองทัพบกเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และให้แรงงานฝีมือในท้องถิ่นเข้ามาช่วย โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จในวันที่ 12 ส.ค.2550 ซึ่งจะรองรับนักเรียนได้ทั้งหมด 810 คน

นางเนตรปรียา กล่าวว่า ครม.ยังอนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูจำนวน 305 อัตราและลูกจ้างประจำอีก 44 อัตรา ทั้งนี้โรงเรียนราชประชานุเคราะห์จัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส และเด็กกำพร้าซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะจัดการศึกษาตั้งแต่ขั้นปฐมศึกษาไปจนถึงมัธยมปลาย ซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นนักเรียนที่อยู่ประจำ อีก 20% จะเป็นนักเรียนที่เดินทางไปกลับ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยเรื่องความปลอดภัย และได้ย้ำว่าเรื่องความปลอดภัยต้องให้เป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง เช่นรั้วโรงเรียนที่บางโรงยังเป็นรั้วลวดหนาม นายกฯบอกว่าต้องให้เป็นรั้วอิฐบล็อกเพื่อความปลอดภัย รวมทั้งยังอยากให้ชุมชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะวัตถุประสงค์ที่ตั้งโรงเรียนเพราะอยากให้ชุมชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์ด้วย จึงอยากให้มีการศึกษาว่าชุมชนอยากจะให้โรงเรียนตั้งที่ไหน รวมทั้งได้พูดคุยกันในครม.ว่าในเรื่องการศึกษานั้นเราจะเน้นในเรื่องของศาสนาพุทธและอิสลามเพื่อให้เกิดความสามัคคีขึ้นในชุมชน โดยเด็กจะได้เรียนทั้งภาษาไทย ภาษายาวี และภาษาต่างประเทศอื่นๆ ด้วย

-รมว.ไอซีทีฟันธงบึ้มป้องกันยาก


เวลา 08.30 น. วันที่ 7 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ที่ยังจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือว่า โทรศัพท์มือถือที่ใช้ซิมการ์ด จริงๆ แล้วไม่ได้ใช้ซิมการ์ด ซิมการ์ดเป็นเครื่องรับโทรศัพท์ เพราะฉะนั้นการที่บอกว่าเกิดจากโทรศัพท์ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น เป็นการกันยากมาก และวิธีกันที่จะไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ คือต้องปิดเซลล์ทั้งหมด ซึ่งก็จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเมื่อปิดแล้ว ผู้ก่อเหตุก็ไปใช้วิธีอื่นได้ เช่น รีโมต แต่ที่ทำๆ กันคือ ส่งสัญญาณรบกวนไม่ให้โทรศัพท์ทำงานในพื้นที่ที่สงสัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ขณะเดียวกันได้ให้บริษัททศท คอร์ปอเรชั่น และการสื่อสารแห่งประเทศไทย ตั้งทีมขึ้นมาพิจารณาว่าจะทำอะไรได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามกระทรวงคงไม่ลดการส่งสัญญาณโทรศัพท์ลงไปมากกว่านี้แล้ว เพราะลดในระดับที่เหมาะสมแล้ว ถ้าลดลงมากกว่านี้โทรศัพท์มือถือก็ใช้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่านอกจากตัดสัญญาณรบกวนแล้วจะหาทางจัดการด้วยวิธีอื่นและหารือกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยหรือไม่ นายสิทธิชัย กล่าวว่า ได้ประสานไปยังประเทศเพื่อบ้านให้ลดสัญญาณลงแล้ว เพราะฉะนั้นสัญญาณจากประเทศเพื่อนบ้านที่ข้ามมาประเทศไทยก็จะน้อยลง แต่แนวทางปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก มีทางเดียวและวิธีที่ดีที่สุดคือประชาชนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลว่ามีอะไรที่ผิดสังเกตหรือไม่

"ในเรื่องควบคุมซิมการ์ด เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ เพราะตราบใดที่มีโทรศัพท์มือถือใช้ มันไม่มีประโยชน์อะไร คือระเบิดไม่ใช่ซิมการ์ดระเบิด แต่เป็นเรื่องของโทรศัพท์มือถือรับสัญญาณมาแล้วสัญญาณไปจุดระเบิดอีกที เพราะฉะนั้นซิมการ์ดที่ให้ลงทะเบียนก็เพื่อต้องการทราบว่าใครเป็นคนซื้อเท่านั้นเอง" นายสิทธิชัย กล่าว

-รัฐยอมชดเชยคดีตากใบ42ล้าน

สำหรับความคืบหน้าคดีตากใบที่ญาติของผู้เสียชีวิต จำนวน 75 คน เป็นโจทย์ยื่นฟ้องต่อศาลเรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ศาลจังหวัดปัตตานี ประชาชนจากจ.นราธิวาส และจ.ปัตตานีประมาณ 200 กว่าคนทั้งหมดเป็นญาติของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ที่มีการสลายม็อบที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิตในขณะลำเลียงผู้ชุมนุมมาที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จำนวน 78 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 พร้อมด้วยทนายความจากคณะทำงานของสภาทนายความ นำโดยนายพีระพงษ์ ระบิงเกา กรรมการทนายความ จ.ปัตตานี นายอนุกูล อาแวปูเตะ และเพื่อนทนายอีก 5 คน เพื่อนัดไกล่เกลี่ยคดีข้อพิพาท กรณีตากใบ ตามโครงการไกล่เกลี่ยสามัคคี 60 ปีครองราชย์ พิธีลงนามข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อยุติข้อพิพาท กรณีตากใบ พร้อมด้วยนายไพโรจน์ โปเล็ม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดปัตตานี และตัวแทนจำเลยที่ 1 คือกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับมอบอำนาจแทนจากจำเลย ที่ 2 กองทัพบก จำเลยที่ 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 4 กระทรวงมหาดไทย จำเลยที่ 5 กรมการปกครอง และจำเลยที่ 6 จังหวัดนราธิวาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลงกันได้และชดเชยค่าเสียหายจำนวนเงิน 42,201,000 บาทให้กับญาติของผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่สามารถทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้คดีเสร็จกันได้ในวันนี้ ทั้งนี้เนื่องจากคดีนี้ฝ่ายจำเลยมีฐานะเป็นส่วนราชการทั้งสิ้น และมีหนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค.0406.2/ว.64 ลงวันที่ 1 เม.ย. 2548 กำหนดว่าการที่มีส่วนราชการซึ่งเป็นคู่ความในศาลจะตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีทุนทรัพย์เกิน 2 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องได้รับรอนุมัติจากกระทรวงการคลังก่อน จึงนัดมาฟังคำชี้แจงการจ่ายค่าชดเชยวันที่ 20 ธ.ค.นี้อีกครั้ง

-กก.สิทธิฯเผยถือเป็นเรื่องดี


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นับเป็นคดีประวัติศาสตร์คดีแรกที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประชาชนยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐ โดยมีนางสีตีรอกายะ สาแล๊ะ โจทก์ที่ 1 กับพวกรวม 75 คน กับจำเลยที่ 1 คือ กระทรวงกลาโหม ที่ 2 กองทัพบก ที่ 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 4 กระทรวงมหาดไทย ที่ 5 กรมการปกครอง และที่ 6 จังหวัดนราธิวาส ข้อหาความผิดละเมิดเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 103,140,462.46 บาท ศาลรับคำฟ้องตามหมายเลขคดีดำ 899/2548 ในเดือนต.ค.2548 และคดีอยู่ระหว่างนัดไต่สวนพยาน จนวันนี้ได้ไกล่เกลี่ยคดีกันและรัฐยอมชดเชยค่าเสียหาย

นางมัรยัม สาและ ญาติของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า การที่มาวันเดียวกันนี้เพื่อตกลงตามข้อไกล่เกลี่ยระหว่างผู้เสียหายกับพนักงานของรัฐ และตลอดเวลาในการเรียกร้องและสู้คดีได้รับการช่วยเหลือจากทีมของสภาทนายความมุสลิมและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงแม้เงินที่ได้จะไม่มากพอ แต่เพื่อความสมานฉันท์และสันติสุขในพื้นที่ ทุกคนจึงยินยอมตามข้อตกลงด้วยความสมัครใจ

ด้านนายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพยายามพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อให้มีวันเดียวกันนี้ โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 4 อัยการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าควรถอนคดียินยอมชดเชยค่าเสียหายตามคำเรียกร้องของญาติผู้เสียหาย เพราะที่ผ่านมาเคยมีคดีที่ยอมตกลงชดเชยค่าเสียหายให้ แต่เราไม่ได้ดำเนินการเท่านั้นเอง แต่เมื่อมาวันนี้ได้ตกลงกันยินยอมถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

-"วิจิตร"เห็นใจครูปิดร.ร.ใต้

วันที่ 7 พ.ย. นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีโรงเรียนหลายแห่งใน จ.ยะลา ปิดโรงเรียนชั่วคราวเนื่องจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ครูอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อตนเอง และนักเรียน ก็ต้องใช้วิธีปิดโรงเรียน และเรื่องนี้เราได้ให้อำนาจสถานศึกษากับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดูแลอยู่แล้ว ซึ่งคนที่อยู่ในสถานการณ์จะทราบดีว่า หากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติจะต้องทำอย่างไร ทั้งนี้มาตรการปิดโรงเรียนจะใช้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ขณะเดียวกันเมื่อมีการปิดโรงเรียนเกิดขึ้นก็จะต้องสอนชดเชยและไม่ทำให้การศึกษาของเด็กเสียไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ครูจะต้องทำหน้าที่หนักและเหนื่อยมากขึ้น อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ตนจะลงพื้นที่รับฟังและติดตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดำเนินการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยครู หรือมาตรการเยียวยาด้วยวิธีอื่นเพียงพอหรือไม่ หรือต้องมีการเพิ่มเติมอะไรให้ครูมั่นใจว่า จะทำหน้าที่โดยไม่ต้องห่วงกังวลกับความปลอดภัย อีกทั้งจะได้นำข้อมูลประกอบการพิจารณาและจัดเป็นพื้นที่พิเศษด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า สำหรับการย้ายฐานกำลังรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนออกไป อาจทำให้โรงเรียนรู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องปิดเรียนนานขึ้นหรือไม่นั้น เมื่อมีการย้ายฐานกำลังออกไปก็ต้องคิดถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่น ไม่ใช่การตั้งฐานจะเป็นวิธีเดียว ซึ่งเรื่องนี้ตนจะหารือกับหน่วยงานความมั่นคงด้วย โดยจะดูถึงโครงสร้างของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะต้องมีการปรับโครงสร้างให้สัมพันธ์ครอบคลุมด้านการศึกษาด้วย

-"แอ้ด"ควง"อารีย์"ลงดับไฟใต้

เมื่อเวลา 08.45 น.วันเดียวกันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมครม.ว่า วันที่ 8 พ.ย.จะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อพบปะกับกลุ่มเยาวชนจริง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกฯเป็นไปตามแนวทางสันติวิธีที่ต้องการลงไปเจรจาและรับฟังข้อเสนอแนะกับทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า วันที่ 8 พ.ย. เวลา 08.00 น.พล.อ.สุรยุทธ์พร้อมด้วยนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย จะเดินทางโดยเครื่องบินจากกรมการขนส่งทหารบก(ขส.ทบ.) ไปยังสนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี เพื่อพบปะกับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อ.เมือง จ.ยะลา จากนั้นนายกฯและคณะเดินทางไปยังโรงเรียนธรรมวิทยาเพื่อพบปะกับเยาวชนตามโครงการสานใจสู่ใจใต้ ก่อนไปรับประทานกลางวันที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้(กอ.สสส.จชต.) และช่วงบ่ายนายกฯและคณะจะไปมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเพื่อพบกับครูอัตราจ้าง แล้วไปบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ก่อนเดินกลับกทม.เวลา 18.00 น.

-ยิงดับครูร.ร.ปัตตานี


เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.ต.ประชา ช่วยดี สารวัตรเวรสภ.ต.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายลอบยิงนายปราบ แสงดารา อายุ 47 ปี ครูสอนป.2 ร.ร.บ้านเขาวัง ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายบ้านปูลากาซิง-กูแบซีลา ม.4 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ก่อนเกิดเหตุขณะที่นายปราบกำลังเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ออกจากที่ทำงานร.ร.บ้านเขาวัง เพื่อกลับบ้านพัก 167/1 ต.สะเต็ง อ.เมือง จ.ยะลา ระหว่างทางได้มีคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นจำนวน 1 นัด กระสุนถูกที่ศีรษะเสียชีวิตคาที่ สำหรับประเด็นสาเหตุเจ้าหน้าที่ระบุว่าน่าจะเกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์ใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับเป็นครูคนแรกที่ถูกยิงในพื้นที่จ.ปัตตานี หลังจากที่ก่อนหน้านี้คนร้ายได้ทิ้งใบปลิวข่มขู่จะลอบทำร้ายครู


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์