ปล้นทอง500บาทกลางเมืองอุดรใช้หนี้พนันบอล

ล่าระทึก หลังคนร้ายสวมชุดพรางทหารลากอาก้ายิงถล่มร้านทองกลางเมืองอุดรธานีกลางวันแสกๆ กวาดทอง 500 บาท มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท

ขึ้นรถเผ่นหนีก่อนไปจอดเปลี่ยนรถกลางซอย ฮ.บินไล่ตามถึงขอนแก่น รวบแล้ว 2 เหลืออีก 1 เป็นสาวผมยาว คนร้ายรับสารภาพก่อเหตุปล้นร้านทองเพื่อต้องการหาเงินใช้หนี้พนันบอล เผยหลังก่อเหตุแบ่งทองให้ "เจ๊ติ๊ก" เจ้ามือโต๊ะบอล 
เหตุการณ์คนร้ายบุกปล้นร้านทองกลางเมืองอุดรธานีอย่างอุกอาจ เปิดเผย เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 15 กรกฎาคม ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุปล้นร้านทองเอ็งน่ำเฮง บริเวณห้าแยกน้ำพุ ถนนทหาร เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.พิษณุ สุริยะ ร้อยเวร สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สนั่น ชวาลธรรม รักษาการ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.สุวัฒนชัย มะลิทอง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังรุดไปตรวจสอบ


เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบถาดใส่ทองในตู้โชว์หน้าร้านหายไป 4 ถาด ผนังหลังร้านมีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า และพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

   น.ส.ธนัชพร เอ็งอุทัยรัตน์ อายุ 24 ปี ลูกสาวเจ้าของร้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและแม่ขายทองอยู่หน้าร้านแต่ไม่มีลูกค้า ขณะที่แม่เดินไปเข้าห้องน้ำหลังร้าน คนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมชุดลายพรางทหาร สวมหมวกปีกลายพรางทหาร ปิดบังใบหน้า ขับรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ กาแลนท์ ซิกม่า สีดำ จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ มาจากทางวงเวียนห้าแยกน้ำพุ ย้อนศรมาจอดหน้าร้าน โดยคนร้ายคนหนึ่งถืออาวุธปืนอาก้าวิ่งเข้ามาในร้าน พร้อมกับยิงปืนเข้าไปหลังร้าน 1 นัด เพื่อข่มขู่คนในร้าน ส่วนคนร้ายอีกคนปีนตู้โชว์ทอง ก่อนเลื่อนเปิดกระจกตู้โชว์ หยิบเอาถาดใส่ทอง 4 ถาด มีทองรวมน้ำหนักประมาณ 500 บาท มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถยนต์หลบหนีไปทางห้าแยกกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม

  ต่อมาตำรวจได้รับแจ้งพบรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ กาแลนท์ ซิกม่า สีดำ ทะเบียน กฉ 7720 ชลบุรี ซึ่งเป็นรถคนร้ายจอดติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้กลางซอยบุญไชย ถนนโภคาณุสรณ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งอยู่ห่างจากร้านทองเอ็งน่ำเฮง ประมาณ 800 เมตร ตรวจสอบภายในรถพบหมวกปีกลายพราง ผ้าขนหนูสีฟ้า ป้ายทะเบียนรถยนต์ วางอยู่เบาะคนขับ ส่วนเบาะด้านหลังพบถาดใส่ทอง 4 ถาด หมวกปีกลายพราง เสื้อเชิ้ตสีขาว วางอยู่ นอกจากนี้ยังพบสร้อยคอทองคำ 2 เส้น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ตกอยู่ในรถ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

  จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในซอยดังกล่าว พบคนร้าย 2 คน ขับรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ แล้วลงมาจากรถอย่างเร่งรีบ

วิ่งไปขึ้นรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีขาว ติดสเกิร์ต สปอยเลอร์ แต่งคล้ายรถแข่ง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีผู้หญิงผมยาวเดินเข้าไปในรถ ก่อนที่คนร้ายจะขับรถคันก่อเหตุมาถึง โดยคนร้ายได้ขับหลบหนีไปทาง จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานตำรวจทางหลวง และตำรวจ สภ.หนองหาน และกุมภวาปี ให้สกัดจับ แต่ยังไม่มีวี่แวว ขณะเดียวกันได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ติดตามไล่ล่าคนร้ายที่หลบหนีเข้าพื้นทื่ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น

  พ.ต.อ.สนั่นกล่าวว่า ตำรวจกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่พบในรถคันที่คนร้ายจอดทิ้งไว้ โดยเฉพาะลายนิ้วมือแฝง รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งที่ร้านทองที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิดในซอยบุญไชยที่สามารถจับภาพคนร้ายขณะเปลี่ยนรถยนต์ไว้ได้ ซึ่งครั้งนี้คนร้ายทิ้งหลักฐานไว้มากน่าจะติดตามจับกุมได้ไม่ยาก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคนร้ายขับรถหลบหนีอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปทาง จ.ขอนแก่น โดยใช้เส้นทาง อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเส้นทางสายรอง ผ่านมาทางบ้านโคกสี ก่อนเข้าสู่ถนนหลักถนนศรีจันทร์ขอนแก่น มุ่งหน้าเข้าตัวเมือง

โดยมีทีมตำรวจจากอุดรธานี นำโดย พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี ติดตามอย่างกระชั้นชิด และมีตำรวจขอนแก่นที่ได้รับการประสานเข้าสมทบติดตามมาเป็นระยะ นอกจากนี้ตำรวจยังใช้เฮลิคอปเตอร์บินวนเวียนชี้เป้าเป็นการกดดันอีกทางหนึ่งด้วย กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. คนร้ายขับรถมาตามถนนศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นย่านธุรกิจการค้าก่อนเข้าสู่ตัวเมืองอย่างรวดเร็ว โดยฝ่าไฟแดงมาเป็นระยะๆ กระทั่งผ่านหน้าโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น มุ่งหน้าเข้าตัวเมือง ได้ขับชนรถจักรยานยนต์คันหนึ่งเข้าอย่างจัง จนทำให้คนขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนรถยนต์ของคนร้ายได้รับความเสียหายเช่นกัน สปอยเลอร์ด้านหน้าพังเสียหาย แต่คนร้ายก็ยังไม่หยุดรถ โดยมีรถของตำรวจเร่งเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ

 เมื่อผ่านสี่แยกเรือนจำก็ฝ่าไฟแดงจนเกือบชนรถยนต์ที่วิ่งสัญจรหลายครั้ง กระทั่งมาถึงแยกไฟแดงวัดศรีจันทร์ เลี้ยวซ้ายมาถึงบริเวณปั๊มแก๊สแอลพีจี มีพลเมืองดีใช้ก้อนหินขว้างใส่รถจนทำให้คนขับเสียหลักขับพุ่งเกยฟุตบาทหน้าร้านขายวัสดุก่อสร้าง

 จากนั้นคนร้ายซึ่งเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน เปิดรถวิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศละทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งติดตามและล้อมรอบบริเวณที่เกิดเหตุไว้

พร้อมกันประชาชนให้ออกห่าง เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธร้ายแรง ในที่สุดก็สามารถจับกุมคนร้ายเป็นชาย 2 คน พร้อมของกลางทองคำ 1 ถุง น้ำหนักประมาณ 300 บาท อาวุธปืนอาก้าเอเค 47 พับฐาน 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มีดสปาร์ต้า 3 เล่ม เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น  ทราบชื่อคือ นายฉัตรชัย น้อมมนัส อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 6 ต.อูบมุง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี และนายธนิต (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว จ.นครสวรรค์

 ส่วนผู้ต้องสงสัยเป็นชายอีก 1 คน ที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ได้รับการปล่อยตัวไป หลังพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเพียงวัยรุ่นที่เล่นสนุกเกอร์อยู่ในบริเวณที่ตำรวจเข้าจับกุม

 พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.4 เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร้านทองเอ็งน่ำเฮง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้สั่งการให้ สภ.เมืองอุดรธานี สกัดจับและติดตามคนร้าย ซึ่งทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปทาง จ.มหาสารคาม จึงสั่งการให้นำเฮลิคอปเตอร์ร่วมขึ้นบินตรวจหาและตรวจพบไล่ติดตามคนร้ายเข้าไปในเขต สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อตามไปคนร้ายได้ทิ้งรถหลบหนี และตำรวจได้ไล่ติดตามจนสามารถจับกุมคนร้ายเป็นชายได้แล้ว 2 คน ซึ่งยังมีคนร้ายที่เป็นหญิงอีก 1 คน ที่ยังหลบหนีไปได้ ซึ่งน่าจะจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด
 
 "การดำเนินการครั้งนี้ ตำรวจได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่คนร้ายทิ้งรถคันสีดำไว้ และเมื่อตรวจสอบหมายเลขทะเบียนกับ จ.ชลบุรี ซึ่งเลขตัวถังจะเป็นหลักฐานยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหา โดยได้ตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถแล้ว ส่วนอาวุธปืนที่ยึดได้น่าจะเป็นอาวุธที่ใช้กระทำความผิด ตามที่เห็นในภาพกล้องวงจรปิดจากร้านทอง" พล.ต.ท.สันติกล่าว

 พ.ต.ท.กริช ปัตลา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายธนิต และนายธวัชชัย ให้การรับสารภาพว่า

นายธนิตเคยถูกตำรวจจับกุมข้อหาลักทรัพย์ที่ จ.นครสวรรค์ และหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาลไปหลบซ่อนอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี จนได้รู้จักกับเจ๊ติ๊กไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เจ้ามือโต๊ะบอลใน จ.อุบลราชธานี และได้เล่นพนันบอลโลกจนเป็นหนี้ 3 หมื่นบาท ส่วนเจ๊ติ๊กเป็นทั้งผู้รับแทงและเล่นพนันบอลจนเป็นหนี้หลายแสนบาท ต่อมาเจ๊ติ๊กได้ชักชวนตนมาปล้นทองใช้หนี้พนันบอลที่ จ.อุดรธานี โดยเจ๊ติ๊กได้โทรศัพท์หานายธวัชชัยซึ่งเป็นกิ๊กเก่า เมื่อนายธวัชชัยยอมตกลงร่วมปล้น เจ๊ติ๊กจึงหาอาวุธปืนและรถขับมาพบกันที่ จ.อุดรธานี เมื่อคืนวันที่ 14 กรกฎาคม

 จากนั้นทั้งหมดไปพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี โดยนายธวัชชัยได้นำแฟนสาวซึ่งไม่ทราบชื่อนามสกุลมาด้วย จากนั้นได้วางแผนและซ้อมแผนปล้น 2 รอบ เมื่อปล้นจริงเสร็จแล้ว พวกตนได้ขับรถหลบหนีไปทางถนนนิตโย แบ่งทองประมาณ 10 บาทให้แฟนสาว นายธวัชชัย และลงรถที่หน้าตลาดหนองบัว เขตเทศบาลนครอุดรธานี จากนั้นพวกตนขับรถมุ่งหน้าไป จ.ขอนแก่น แบ่งทองให้เจ๊ติ๊ก แล้วลงรถที่ถนนบายพาสขอนแก่น ก่อนจะขึ้นรถโดยสารสาย จ.อุบลราชธานี แยกย้ายกันหลบหนี ส่วนพวกตนขับรถเข้าไปในตัวเมือง จ.ขอนแก่น กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมได้พร้อมของกลาง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์