ครูเหยื่อน้ำท่วมครวญ หมดตัว-แม่ตายขอย้ายบ้านหนี

"เดือดร้อนกันทั่วหน้า"


ครูนครสวรรค์ท้อชีวิต น้ำท่วม แม่ตาย เตรียมย้ายบ้านหนีหลังน้ำลด พ้อ 4 ปีท่วมครั้ง ทรัพย์สินสูญ พืชผลทางการเกษตรหายวับไปพร้อมกับสายน้ำ

อุทกภัยใหญ่ปี 2549 ไม่เฉพาะชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ครอบครัวข้าราชการอย่าง นางจินตนา ฤทธิ์ไกร อายุ 53 ปี ครู ร.ร.วัดสุวรรณาราม โรงเรียนมัธยมชื่อดังใน จ.นครสวรรค์ ซึ่งมีบ้านพักอยู่ ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ก็ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสไม่แตกต่างกัน

ครอบครัวของนางจินตนา ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม บ้านเลขที่ 5/4 หมู่ 5 ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา นอกจากบ้านแล้ว ไร่ข้าวโพด กล้วยหอม และนาข้าว กว่า 22 ไร่ ยังจมอยู่ใต้น้ำ หลังจากลงทุนลงแรงไปหลายแสนบาท ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังสูญเสีย นางเชื้อ ทรงสิทธิ์ อายุ 90 ปี มารดา ในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ด้วย


"ลงทุนมาทั้งชีวิต หมดตัวก็คราวนี้"


ทั้งนี้ นางจินตนา รับราชการครูมาเกือบ 30 ปี สามีเป็นทหาร เก็บหอมรอมริบจนมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง จึงนำมาลงทุนทำเกษตรกรรมหมดไปหลายแสนบาท หากน้ำไม่ท่วมอีกไม่นานก็คงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตนำไปขายได้เงินมาเป็นทุนสำหรับใช้จ่ายในครอบครัว แต่แล้วความหวังก็ต้องพังทลาย เมื่อน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมหลายอำเภอของ จ.อุทัยธานี จากที่ตั้งความหวังไว้ว่า ในวันที่เกษียณอายุราชการจะมีเงินสักก้อนไว้เลี้ยงชีพก็หมดสิ้นลง พร้อมๆ กับพืชผลทางการเกษตรที่เหี่ยวเฉาและเริ่มเน่า

นางจินตนา บอกว่า น้ำพักน้ำแรงที่ลงไปกับไร่ข้าวโพด สวนกล้วยหอม และนาข้าว ทำให้หมดอาลัยตายอยาก ไม่รู้จะไปเรียกร้องค่าเสียหายได้จากใคร อุทกภัยใน จ.อุทัยธานี เกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี แต่ครั้งนี้ดูจะหนักสุด หลังจากน้ำลดคงต้องหารือกับคนในครอบครัวว่า จะย้ายบ้านหนีน้ำท่วมเสียที คงจะไม่ทนอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อ แต่ต้องดูอีกทีว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนดี

"ไม่อยากเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก"


"พอน้ำลดคงต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น โดยจะหารือกันในครอบครัวอีกทีว่าจะไปอยู่ที่ไหน ส่วนตัวแล้วอยู่ที่ไหนก็ได้ ขออย่างเดียว ที่นั่นจะต้องไม่เกิดน้ำท่วมอีก เพราะทนรับสภาพไม่ไหวแล้ว ทรัพย์สินหลายอย่างได้มาด้วยความเหนื่อยยาก ต้องหมดไปเพียงชั่วข้ามคืน เหนื่อยแล้วที่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่บ่อยๆ" นางจินตนา กล่าว

การสูญเสียทรัพย์สินไป ไม่ได้สร้างความเสียใจให้แก่ครอบครัวของนางจินตนา เท่าการจากไปของนางเชื้อ มารดาผู้เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้าน ที่เสียชีวิตขณะน้ำท่วม แม้สาเหตุการตายจะเกิดจากโรคชรา ไม่ได้เกิดจากน้ำท่วมโดยตรง แต่การที่นางเชื้อเสียชีวิตขณะน้ำท่วมบ้าน การจัดงานศพจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล ต้องอาศัยศาลาวัดเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา ทั้งที่ก่อนตายนางเชื้อสั่งเสียไว้ว่า วาระสุดท้ายก็อยากให้ลูกหลานประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน

"น้ำท่วมทำอะไรไม่ได้เลย"


"โชคดีอยู่บ้างที่เราเป็นข้าราชการ แม้น้ำจะท่วมก็ยังมีเงินเดือนอยู่ หากไม่มีเงินเดือนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คงลำบากน่าดู เพราะน้ำท่วมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนอนรอให้น้ำลด ซึ่งได้เตรียมแผนไว้แล้วว่าคงต้องย้ายบ้านหนีน้ำเสียที ทนไม่ไหวแล้ว ทุก 4 ปีน้ำท่วมครั้ง หากไม่ย้ายออกเกรงว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่อีก หากเป็นอย่างนั้นจริงคงไม่ไหว เพราะอายุมากแล้ว" นางจินตนา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณรอบๆ บ้านของนางจินตนามีน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร โดยนางจินตนาและสมาชิกในครอบครัวอีก 5 คน ต้องอาศัยอยู่เฉพาะบนบ้าน ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ตามปกติ เวลาจะออกมารับของบริจาคต้องพายเรือออกมา หรือหากจำเป็นต้องออกมานอกบ้านก็จะออกมาเฉพาะกลางวันเท่านั้น เพราะกลางคืนเกรงจะถูกจระเข้ หรือไม่ก็สัตว์มีพิษ อย่าง งูเห่า และตะขาบกัด เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ลูกชายของเธอเพิ่งถูกตะขาบกัด โชคดีที่แค่บาดเจ็บ ไม่ถึงกับเสียชีวิต


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์