ใต้เผาตู้โทร.ลวง บึมรถนักข่าวพัง

"วางเพลิงเผาตู้โทรศัพท์"


เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 2 ต.ค. ขณะที่ ร.ต.ท.สุรชัย ขำทับน้ำ ร้อยเวร สภ.อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมชาย พนมอุปการ รอง ผกก.(สส.) นำกำลังตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาตู้โทรศัพท์สาธารณะข้างศาลาที่พักริมถนนสายนราธิวาส-ปัตตานี ช่วงบ้านส้มป่อย หมู่ 4 ต.กาเยาะมาตี เมื่อตอนดึกที่ผ่านมา

โดยมีนายณรงค์ นวลสกุล อายุ 43 ปี ผู้สื่อข่าวและช่างภาพสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และผู้สื่อข่าว นสพ.คมชัดลึก ประจำ จ.นราธิวาส กับนายอัสอารี สะมะแอ อายุ 40 ปี ผู้สื่อข่าวและช่างภาพสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ประจำ จ.นราธิวาส ไปบันทึกภาพทำข่าวร่วมกับสื่อมวลชนจากสำนักอื่น โดยนายอัสอารีจอดรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีน้ำตาล ทะเบียน กจ 9034 สงขลา เอาไว้ห่างจากศาลาราว 3 เมตร

"พรุนทั้งแถบ"


ระหว่างถ่ายภาพทำข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจที่เกิดเหตุอยู่นั้น ปรากฏว่าได้เกิดระเบิดขึ้นบริเวณริมถนนใกล้กับรถเก๋งของนายอัสอารีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้รถเก๋งของนายอัสอารีได้รับความเสียหาย ถูกสะเก็ดระเบิดที่ตัวถังรถด้านซ้ายพรุนทั้งแถบ กระจกประตูด้านซ้ายและกระจกหน้าแตกละเอียด แรงอัดระเบิดยังทำให้นายณรงค์กับนายอัสอารี มีอาการหูอื้อและมึนงง ตรวจสอบในจุดระเบิดพบหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 3 ฟุต

มีเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่อง เช่น เชื้อปะทุ ปุ๋ยยูเรีย กล่องเหล็ก และเศษชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือกระจายเกลื่อนในรัศมีกว้าง 15 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคนร้ายลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็ก น้ำหนัก 5 กก. มาวางไว้ในพงหญ้าริมศาลา แล้วลอบวางเพลิงเผาตู้โทรศัพท์ข้างศาลาอีกด้านหนึ่ง เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายจึงจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือให้เกิดการระเบิดขึ้น เดชะบุญไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิต แต่รถยนต์ของผู้สื่อข่าวได้รับความเสียหาย 1 คัน

"เผาวอดเสียหายกว่า 3 ล้านบาท"


ส่วนกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ้านดอนรัก หมู่ 1 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อกลางดึกวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้อาคารเรียน 2 ชั้น ถูกเผาวอดทั้งหลัง มูลค่าความเสียหายราว 3 ล้านบาท นั้น ความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายธีระ มินทราศักดิ์ รอง ผวจ. ปัตตานี พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่วิทยาการเดินทางไปตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบร่องรอยงัดประตูห้องเรียนชั้น ป.5/1

และมีกลิ่นน้ำมันเหม็นคลุ้ง นอกจากนี้ ยังพบขวดเบียร์บรรจุน้ำมัน 3 ขวดวางไว้ข้างห้องดังกล่าว ขณะเดียวกัน มีครูและนักเรียนเดินทางมาดูสภาพโรงเรียนที่ถูกเผาตั้งแต่เช้า และต่างช่วยกันเก็บอุปกรณ์การเรียนที่ไม่ได้รับความเสียหายใส่กระสอบไปไว้ที่อาคารอื่น

"เชื่อว่าทุกฝ่ายจะลดทิฐิลงแล้ว"


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้มีผู้พบแมวถูกเชือดคอทิ้งไว้ด้านหลังอาคารที่ถูกเพลิงไหม้ และมีข่าวลือว่า คนร้ายจะลอบยิงครูรวมทั้งเผาโรงเรียนด้วย ทางโรงเรียนจึงต้องรีบสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ล่วงหน้าจนเสร็จสิ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และปิดเทอมทันที จากนั้นโรงเรียนก็ถูกลอบวางเพลิงตามข่าวลือ โดยคนร้ายอาศัยช่วงที่ชุดรักษาความปลอดภัยโรงเรียน 3 คน ไปทำละหมาดที่มัสยิดลอบเข้ามาวางเพลิง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัวมาสอบปากคำต่อไป

ด้านความคิดเห็นของผู้นำศาสนาในการเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้น นายอับดุลรอซัค อาลี ประธานคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส กล่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์มีความเหมาะสมในสภาพการณ์ปัจจุบัน เพราะทุกฝ่ายต้องการคนที่มีความเป็นกลางเข้ามาแก้ไขความแตกแยกของพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะการขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ เชื่อว่าทุกฝ่ายจะลดทิฐิลงแล้วหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน อุณหภูมิการเมืองจะลดลง

"มั่นใจนายกฯใหม่แก้ปัญหาได้"


ส่วนด้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ยังมีการก่อเหตุร้ายไม่เว้นแต่ละวันนั้น คิดว่ารัฐบาลใหม่น่าจะมีการพูดคุยกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะเป็นใครนั้นทางการรู้อยู่แล้ว ขอย้ำว่าไม่ใช่เจรจา เป็นเพียงพูดคุยทำความเข้าใจกันเพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาเท่านั้น พูดได้ก็พูด พูดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพูดกันได้ ปัญหาต่างๆจะดีขึ้นแน่นอน หรืออย่างน้อยก็จะมีหนทางแก้ปัญหาภาคใต้ที่ชัดเจนกว่านี้

นายอับดุลเราะแม เจ๊ะแซ ประธานคณะกรรมการอิสลาม จ.ยะลา กล่าวว่า ผู้นำศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนรู้สึกดีใจที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งการแก้ไขปัญหาจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้สาเหตุของปัญหา มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ และจากการที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะอยู่ในตำแหน่งเพียง 1 ปีนั้น ทางคณะกรรมการอิสลามและผู้นำศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคน ขอให้ใช้เวลาในการทำงานเพื่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างจริงจัง และขอสนับสนุนการแก้ปัญหาภาคใต้โดยแนวทางสันติวิธี

"ปัญหาทุกอย่างน่าจะจบลงอย่างสันติ "


ขณะที่ นางเจนจิรา ไกรทอง แม่ค้าในตลาดสดเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างก็ดีใจและเชื่อมั่นว่า จากนี้ต่อไปการแก้ไขปัญหาความไม่สงบคงจะทำกันอย่างจริงจังเสียที เชื่อว่าเหตุร้ายจะต้องลดลงและสงบไปในที่สุด เพราะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศแล้วว่า จะแก้ไขปัญหาความไม่สงบเป็นอันดับต้นๆ และต้องขอขอบคุณ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปฯ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และช่วยให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่วัดบวรนิเวศวิหาร พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ทำงานในเรื่องของความมั่นคงมาทุกรูปแบบ และใช้เวลาคลุกคลีอยู่กับสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้มานานพอสมควร และยังมีบุคลากรที่ดีๆ ในการสนองงานอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีประสบการณ์และทำงานดีอยู่แล้ว วันนี้ถือเป็นการรวมพลังกันอย่างมหาศาลจากหลายกลุ่ม อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปัจจุบันยังน่าเป็นห่วง แต่ครั้งนี้หากมีการพูดจาทำความตกลงกันเป็นที่เข้าใจรู้เรื่อง ปัญหาทุกอย่างน่าจะจบลงอย่างสันติ ความขัดแย้งของคนในชาติจะได้ยุติเสียที


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์