วางเพลิงรถตู้-กระบะเกือบวอด ตร.เชื่อฝีมือกลุ่มก่อการร้ายใต้

วางเพลิงรถตู้-กระบะเกือบวอด ตร.เชื่อฝีมือกลุ่มก่อการร้ายใต้

โจรใต้เหิมลอบวางเพลิงรถตู้-กระบะ บ.ทีโอทีจก.ยะลา เกือบวอด ตร.เชื่อฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อเวลา 21.40 น.ของเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ศูนย์รวมข่าว 191สภ.อ.เมืองยะลาได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณลานจอดรถภายในสำนักงานบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สาขายะลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา นำกำลังตำรวจและตำรวจจากกองวิทยาการเขต 45 ยะลา ตำรวจจากสำนักนิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมประสานชุดสุนัขสงครามจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ค่ายพญาลิไท จ.ยะลา รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบบรรดาประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกำลังช่วยกันดับไฟที่กำลังลุกไหม้รถยนต์กระบะและรถตู้ ซึ่งจอดอยู่ภายในลานจอดรถ โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที เพลิงจึงสงบลง จาการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีรถได้รับความเสียหาย 5 คัน คือรถตู้หมายเลขทะเบียน ย 5033 ยะลา ณพ 5377 กทม. ณพ 8956 กทม. และกระบะหมายเลข ตฎ 6537 กทม. และบข 98 ยะลา ทั้งหมดได้รับความเสียหาย ที่บริเวณยางล้อหน้า นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังพบแกลลอนน้ำมัน 3 แกลลอนวางอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายวัยรุ่นมากกว่า 10 คน ปีนรั้วเข้ามาจากนั้นได้ใช้น้ำมันเบนซินราดที่ตัวรถที่จอดอยู่ภายในลานจอดรถ โดยคนร้ายบางส่วนได้ทุบกระจกรถยนต์ ส่วนคนร้ายอีกกลุ่มได้ใช้ผ้าชุบน้ำมันวางไว้ที่ล้อรถจากนั้นจึงจุดไฟเผา นอกจากนั้นคนร้ายอีกกลุ่มยังได้นำแกลลอนน้ำมันไปวางไว้ที่ตู้ชุมสายโทรศัพท์แต่โชคดีคนร้ายไม่สามารถจุดไฟเผาได้ทัน ที่เกิดเหตุยังพบแกลลอนน้ำมันได้เพิ่มและกรักไม้ขีดไฟ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น. พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ศปก.ตร.สน.ยะลา ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุพร้อมสั่งการให้ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากเชื่อว่ากลุ่มที่ปฎิบัติการเป็นกลุ่มที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด

โจรใต้ป่วนช่วงการเมืองวุ่นวายหนัก

ขณะที่สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นต่อเนื่องทุกวัน กลับเป็นช่วงที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้เป็นเวลาก่อความวุ่นวายในจังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น โดยช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เกิดเหตุร้ายขึ้นหลายจุด ทั้งยิงผู้บริสุทธิ์และเผาบ้านเรือนของชาวบ้าน

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 มีนาคม ร.ต.ท.สุวิชญ์ ภู่สถิตย์ ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิดขึ้นที่สถานีทวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือของดีแทค ตรงข้ามธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ถนนฉัตรวารินทร์ เขตเทศบาลตำบลปะลุรู ห่างจาก สภ.อ.สุไหงปาดี ประมาณ 900 เมตร หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก.สภ.อ.สุไหงปาดี พร้อมด้วยนายจำนัล เหมือนดำ นายอำเภอสุไหงปาดี รับทราบ และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดนอกรั้วสถานีทวนสัญญาณลึก 5 นิ้ว กว้าง 50 นิ้ว เชื้อปะทุ ปุ๋ยยูเรีย เหล็กเส้นตัดสั้น ซากชิ้นส่วนกล่องเหล็กและโทรศัพท์มือถือตกกระจายเกลื่อนเป็นรัศมีกว้าง 30 เมตร จากการตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบไว้ในกล่องเหล็กน้ำหนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ

นอกจากนั้น แรงระเบิดยังสร้างความเสียหายต่อบ้านซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีทวนสัญญาณ ซึ่งเป็นบ้านของนายเคี่ยม ทองนวล อายุ 45 ปี เลขที่ 853/2 ถนนฉัตรวารินทร์ พนักงานบริการยานยนต์ ธ.ก.ส. ฝาผนังเป็นรูพรุน และกระจกหน้าต่างชั้น 2 แตกละเอียด 2 บาน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แรงระเบิดยังส่งผลให้กระจกหน้าต่างชั้น 2 ของธ.ก.ส.แตกละเอียด 1 บาน และทราบต่อมาว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน คือ นายมะกอเซ็ง สะนิ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์ซูซูกิ คริสตัน สีดำ ทะเบียน กพช 30 นราธิวาส เพื่อพาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาลสุไหงปาดี โดยนายมะกอเซ็งถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณแขนขวา พลเมืองดีช่วยนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลสุไหงปาดีแล้ว

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงเป็นพาหนะ ถือถุงพลาสติกแบบหูหิ้วสีดำมาวางไว้ในที่เกิดเหตุ และเมื่อคนร้ายขี่รถออกไปประมาณ 3 นาที ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นและมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อสร้างสถานการณ์ร้ายให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากวางระเบิดสถานีทวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือแล้ว กลุ่มก่อความไม่สงบยังวางระเบิดปลอม โดยบรรจุอิฐมอญไว้ในกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมในถุงพลาสติกแบบหูหิ้วสีดำอีก 2 จุด ในเขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี โดยจุดแรกนำไปวางไว้บนสะพานบ้านต้นไม้สูง หมู่ 2 ต.ปะลูรู จุดที่สองที่บริเวณหน้าตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าโรงน้ำแข็ง ห่างจากจุดระเบิดสถานีทวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือประมาณ 600 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือฉีดน้ำแรงดันสูงทำลายทั้ง 2 จุด ก่อนตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดปลอม

ดักยิงญาติกำนันดัง

ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 6 มีนาคม ร.ต.ท.ศุภลักษณ์ พงศ์กาญจนะ ร้อยเวร สภ.อ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้อาวุธปืนสงครามดักซุ่มยิงชาวบ้านหน้าบ้านพักเลขที่ 1 หมู่ 3 บ้านมะนังกาแยง ต.จะแนะ อ.จะแนะ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.วิโรจน์ พานิชผล ผกก.สภ.อ.จะแนะ พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจำนวนหนึ่งไปตรวจ

ที่เกิดเหตุพบว่าบ้านพักหลังดังกล่าวเป็นของนายดิง บาโด อายุ 42 ปี และพบชาวบ้านจำนวนหนึ่งยืนรายล้อมบ้านพักพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา เนื่องจากก่อนหน้านี้ญาติของนายดิง ซึ่งเป็นกำนันดังของ ต.จะแนะ ก็ถูกคนร้ายดักซุ่มยิงเสียชีวิตมาแล้ว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ขอให้ชาวบ้านออกห่างจุดเกิดเหตุและเข้าตรวจสอบ พบว่าฝาผนังหน้าบ้านพักมีรอยกระสุนปืนเอ็ม16 และอาก้าหลายแห่งจนพรุน บริเวณรอบบ้านที่เกิดหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และอาก้า รวม 13 ปลอก ตกอยู่ที่บริเวณพงหญ้ารกทึบตรงข้ามบ้านพัก และมีร่องรอยเหยียบย้ำพงหญ้าเป็นวงกว้าง พร้อมก้นบุหรี่จำนวนหนึ่ง จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

นายดิง เจ้าของบ้านให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์กลับจากละหมาดและดื่มน้ำชาในหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากบ้านพักประมาณ 1 กม. เมื่อจะเลี้ยวรถเข้าบ้านก็มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่ดักซุ่มอยู่ในพงหญ้าตรงข้ามบ้าน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่หลายนัด จึงตกใจทำให้รถเสียหลักล้มคว่ำ แต่ยังมีสติจึงรีบคลานหลบหนีไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างบ้าน และเมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงปืนก็ออกมาดู ทำให้กลุ่มคนร้ายล่าถอยไป ส่วนสาเหตุการลอบยิงครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งจะต้องติดตามสอบสวนต่อไป

เผาตู้โทรศัพท์กลางเมืองวอด

เวลาไล่เลี่ยกันของคืนเดียวกัน ร.ต.ท.ภัทรพล วัจนสุนทร ร้อยเวร สภ.อ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงตู้โทรศัพท์สาธารณะ หน้าโรงเรียนบ้านค่าย หมู่ 2 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อทั้งหมดไปถึงจุดรับแจ้ง พบเปลวไฟกำลังโหมลุกไหม้ตู้โทรศัพท์เกือบทั้งตู้ เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองนราธิวาสไม่สามารถสกัดกั้นต้นเพลิงได้ กระทั่งเพลิงสงบจึงตรวจสอบ พบซากเศษผ้าชุบน้ำมันเชื้อเพลิงตกอยู่ด้านบนของตัวเครื่องโทรศัพท์ และมีรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่เปื้อนคราบน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วบริเวณตู้โทรศัพท์ที่ถูกเพลิงไหม้ จึงประสานเจ้าหน้าที่กองวิทยาการ จ.นราธิวาส มาตรวจสอบ เพื่อหาหลักฐานและเก็บลายนิ้วมือแฝงไปตรวจสอบ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนเป็นพาหนะ ทำทีจะเข้าไปใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะดังกล่าว และเมื่อปลอดคนวัยรุ่นทั้งสองจึงลอบวางเพลิงแล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ยิงถล่ม-เผาบ้านชาวยะลา 4 หลัง

ส่วนที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 6 มีนาคม ร.ต.ท.ปิยวุฒิ พงศ์ไพบูลย์ พนักงานสอบสวน สภ.อ.ธารโต รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.อ.ธารโต ว่ามีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านชาวบ้านหมู่ 3 ถนนสายหลักเขต 47 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา เสียหายหลายหลัง และยังลอบวางเพลิงบ้านได้รับความเสียหายอีก 1 หลัง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิพน ธรรมสถิตย์พร ผกก.สภ.อ.ธารโต และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าบ้านเลขที่ 111 หมู่ 3 บ้านซาไก ต.บ้านแหร ของ น.ส.คอมเซาะ แวฮะมะ ถูกกระสุนปืนยิงผนังบ้านได้รับความเสียหายหลายแห่ง และบ้านเลขที่ 51 และ บ้านเลขที่ 60/1 ซึ่งอยู่ใกล้กันก็มีร่องรอยถูกกระสุนปืนได้รับความเสียหายที่บริเวณผนังบ้านเช่นกัน รวมทั้งทรัพย์สินในบ้านได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ คนร้ายยังลอบวางเพลิงบ้านไม่มีเลขที่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลได้รับความเสียหายทั้งหลัง

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งหมด เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเล็กยาวไม่ทราบขนาดตกอยู่ 3 ปลอก ปลอกกระสุนปืนลูกซอง 5 ปลอก เศษหัวกระสุน และกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

น.ส.คอมเซาะ เจ้าของบ้านที่ถูกยิงเสียหายให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนนั่งอยู่ในบ้านพร้อมครอบครัว ก็มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้านแล้วใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่บ้านหลายนัด ทุกที่อยู่ภายในบ้านต่างหมอบลงกับพื้นเพื่อหลบกระสุน จากนั้นคนร้ายที่คาดว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ก็จุดไฟเผาบ้านพักร้างที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย 1 หลัง แล้วหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ต้องการสร้างสถานการณ์ข่มขู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง

พบศพชายไทยมุสลิมถูกฆ่าปาดคอ

ต่อมา เช้าวันที่ 7 มีนาคม พ.ต.อ.สิทธิพน ธรรมสถิตย์พร ผกก.สภ.อ.ธารโต จ.ยะลา นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบชายไทยมุสลิมนอนเสียชีวิตอยู่ในสวนผลไม้ ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงบ้านร้างไม่มีเลขที่

ตรวจสอบทราบชื่อ คือ นายอับดุลอาซิ จะปะกียา อายุ 41 ปี อาชีพรับจ้างกรีดยาง เดิมอยู่บ้านเลขที่ 138/5 หมู่ 3 ต.วัด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งมารับจ้างกรีดยางในบ้านซาไก โดยถูกปาดคอด้วยของมีคมเกือบขาด ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายอับดุลอาซิมาสวนยางตามปกติแล้วหายตัวไป กระทั่งพบว่าเป็นศพดังกล่าว ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ แต่ไม่ตัดประเด็นเรื่องส่วนตัว

แม่ทัพ 4 ตรวจท้าโจรใต้

ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มบุกยิงแล้วเผาบ้านชาวบ้านที่ หมู่ 4 ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 6 มีนาคมนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 มีนาคม พล.ท.องค์กร ทองประสง แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบช.ภ.9 นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าฯ ปัตตานี และพล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้มาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดยมี พ.ท.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผบ.ฉก.22 รับผิดชอบดูแลความไม่สงบในพื้นที่ รายงานสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมนำคณะเดินทางไปดูจุดรวมตัวของกลุ่มคนร้ายที่มีสัญลักษณ์ โดยนำเอาทางมะพร้าวสดผูกไว้กับต้นมะพร้าวริมทุ่งนา ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร และตรวจดูเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุและหลบหนี

พล.ท.องค์กร กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายได้เตรียมการมาก่อน มีการชี้เป้ากำหนดจุดนัดหมาย มีเส้นทางหลบหนีที่เป็นระบบ การกระทำครั้งนี้พบว่าเกี่ยวโยงกันหลายเหตุการณ์ ขณะนี้ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกำลังร่วมกันคลี่คลายคดี คาดว่าใช้เวลาไม่นานก็จะทราบกลุ่มคนร้าย

"คดีนี้กลุ่มก่อความไม่สงบมุ่งกระทำต่อชุมชนไทยพุทธ เราทราบกลุ่มและความเชื่อมโยงของกลุ่มก่อความไม่สงบแล้ว เชื่อว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันในพื้นที่ ปกติเจ้าหน้าที่ก็มีมาตรการดูแลชุมชนไทยพุทธเป็นอย่างดี แต่บางพื้นที่ประชาชนเชื่อมั่นตัวเอง อยู่ในพื้นที่มานานไม่น่าจะมีปัญหา แต่ก็ให้เจ้าหน้าที่แวะเวียนมาดู และเป็นบทเรียนให้พี่น้องในพื้นที่อื่นว่า เหตุการณ์จะเกิดขึ้นได้ทุกโอกาส ตอนนี้มีการปรับแผนให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลเข้มขึ้น และต้องมีมาตรการเพิ่มเติมขึ้นอีกในการที่จะดูแลทั้งวัดและชาวไทยพุทธ จุดเป้าหมายอ่อนแอที่ไม่สามารถป้องกันตนเองได้" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

พล.ท.องค์กร กล่าวด้วยว่า การกระทำครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามฝ่ายร่วมกับประชาชน ทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม ขอร่วมกันประณามการกระทำอันโหดเหี้ยม เพราะการกระทำกับผู้ที่ไม่มีอาวุธ ผู้ที่อ่อนแอ ถือเป็นพวกที่ไม่มีศาสนา กลุ่มคนร้ายเหล่านี้ไม่มีทางที่จะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จึงหันไปกระทำกับเป้าหมายที่อ่อนแอ ขอฝากถึงกลุ่มคนร้ายด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัฐพร้อมที่จะพบกับกลุ่มคนร้ายที่มีอาวุธกับไม่มีอาวุธ อย่ากระทำกับผู้สูงอายุ ผู้อ่อนแอกว่า ที่ไม่มีหนทางป้องกันตนเองได้เลย หากทำกับเจ้าหน้าที่มีอาวุธยังพอยอมรับได้

ด้าน พล.ต.ท.อดุลย์ ผบช.ภ.9 กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ดูพฤติกรรมคล้ายกับเหตุคนร้ายฆ่าพระวัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ที่บุกเข้าปฏิบัติก่อนหลบหนี จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันและเป็นกลุ่มที่เริ่มต้นใหม่ ซึ่งมีแนวทางสืบสวน ขอใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ต้องตามกลุ่มคนร้ายให้ได้แน่นอน ส่วนภาพวงจรปิดที่จับภาพกลุ่มคนร้ายที่วางเพลิงรถยนต์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสายบุรี จ.ปัตตานีนั้น ผบช.ภ.9 ระบุว่า ขณะนี้ได้นำภาพส่งให้ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจและสเก็ตช์ภาพคนร้าย เพื่อนำมาแกะรอยเพิ่มเติม ทำให้พอจะได้เค้าโครงบ้างแล้ว แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์