ศาลตัดสิน สธ.จ่าย3ล. ดญ.ถูกตัดขา เหตุหมอชุ่ย

ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (21 ก.ย.) จ.ส.อ.เจริญ สร้อยคำ อายุ 48 ปี หัวหน้าคลังพลาธิการจังหวัดทหารบกนครพนม บ้านพักอยู่ในค่ายพระยอดเมืองขวาง ต.กุรุคุ อ.เมืองนครพนม นางประคอง สร้อยคำ อายุ 36 ปี ภรรยา ได้พา ด.ญ.ดริษา หรือน้องนิก สร้อยคำ ลูกสาว วัย 14 ปี มาฟังคำพิพากษาคดีที่ จ.ส.อ.เจริญเป็นโจทก์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ชัยมงคล จันทศ แพทย์ประจำโรงพยาบาลนครพนม เป็นจำเลย ในความผิดฐานรักษาพยาบาลด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ ด.ญ. ดริษาต้องถูกตัดขาทิ้ง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ม.ค.47 ด.ญ.ดริษา ได้รับอุบัติเหตุหกล้มเข่าซ้ายกระแทกพื้นอย่างแรง จ.ส.อ. เจริญ ผู้เป็นพ่อพาไปรักษาตัวที่ รพ.ค่ายพระยอดเมือง-ขวาง หลังแพทย์ตรวจอาการแล้วได้ส่งไปรักษาตัวต่อที่ รพ.นครพนม โดยมี นพ.ชัยมงคล จันทศ เป็นแพทย์ผู้ตรวจรักษา พบว่ากระดูกขาซ้ายของ ด.ญ.ดริษาหักอยู่ภายใน จึงผ่าตัดจัดกระดูกให้เข้าที่ก่อนเข้าเฝือกไว้ แต่ต่อมาแผล จากการผ่าตัดที่เข้าเฝือกไว้ถูกรัดแน่นมาก

ทำให้ขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงนานเกือบ 2 วัน จนบาดแผลเน่าดำคล้ำและขาหมดความรู้สึก จากนั้นวันที่ 7 มี.ค. ด.ญ.ดริษาต้อง เข้ารักษาตัวที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น เนื่องจากแผลเริ่มเน่า และมีอาการไข้ขึ้นสูงตลอดเวลา จ.ส.ต.เจริญเกรงว่าลูกสาวจะเสียชีวิต จึงยอมตัดสินใจให้แพทย์ตัดขาซ้ายทิ้ง หลังจากพยายามหาทางรักษามาหลายเดือน จึงปรึกษาทนายความยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ต้นสังกัดของ นพ.ชัยมงคล เป็นเงิน 5,770,000 บาท

ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำตัดสินพิจารณาคดีดังกล่าว โดยพิเคราะห์จากพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วเห็นว่า นพ.ชัยมงคล จันทศ แพทย์ รพ.นครพนม ได้รักษาด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ ด.ญ.ดริษาต้องถูกตัดขาซ้ายทิ้งและกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต จึงพิพากษาให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ นพ.ชัยมงคล เป็นผู้รับผิดชอบชดใช้ค่า เสียหายให้กับโจทก์เป็นเงินจำนวน 3,027,230 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง

หลังฟังคำตัดสินของศาล จ.ส.อ.เจริญกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลให้ความยุติธรรมกับครอบครัวของตน เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ต้องอดทนต่อสู้คดีมานาน จนเป็นหนี้สินเงินที่กู้ยืมมาเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปมาระหว่างบ้านพักที่ จ.นครพนม กับศาลจังหวัดนนทบุรี เกือบ 5 แสนบาทแล้ว ส่วนเงิน 3 ล้านกว่าบาท ที่ศาลให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขชดใช้ให้นั้น

แม้ว่าจะเป็นเงินไม่มาก ไม่คุ้มกับความพิการที่ลูกสาวจะต้องเป็นไปตลอด ชีวิต แต่ก็พอใจและขอขอบคุณที่ศาลให้ความยุติธรรมแล้ว อยากวิงวอนให้กระทรวงสาธารณสุขเห็นใจ อย่ายื่นอุทธรณ์เลย เพราะครอบครัวของตนเป็นเพียงข้าราชการจนๆครอบครัวหนึ่งที่ลำบากมามากแล้ว

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ