รองอธิบดีคุกลั่นย้ายชลอเข้าแดนประหาร อดีตมือปราบน้ำตาคลอศาลฎีกายืนประหารชีวิตคดีอุ้มฆ่าแม่ลูก


ศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ คดีอุ้มฆ่า2แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ หลังต่อสู้ยาวนานถึง 15 ปี อดีตมือปราบพระกาฬ รู้ผลถึงกับเครียด นัยตาแดงกล่ำ คล้ายจะร้องไห้ เดินออกจากห้องพิจารณาคดีทุลักทุเล ทนายเตรียมยื่นถวายฎีกา รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์บอกต้องย้ายเข้าแดนประหาร

รองอธิบดีคุกเผยต้องย้าย "ชลอ" เข้าแดนประหารวันนี้


นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะดูแลเรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำกลางบางขวาง กล่าวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ถึงกรณีศาลฎีกาตัดสินลงโทษประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ในคดีอุ้มฆ่าแม่ลูกศรีธนขันฑ์ ว่า ในส่วนของเรือนจำ เมื่อคดีสิ้นสุดเด็ดขาด และศาลตัดสินประหารชีวิต วันนี้ (16) ก็ต้องย้าย พล.ต.ท.ชลอ ที่คุมขังอยู่เรือนจำกลางคลองเปรมไปไว้ที่แดน 2 หรือแดนประหาร เรือนจำกลางบางขวางทันที โดยเจ้าหน้าที่จะคุมตัว พล.ต.ท.ชลอ จากศาลฎีกาไปที่เรือนจำกลางบางขวางเลย จากนั้น พล.ต.ท.ชลอ มีสิทธิยื่นเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษภายใน 60 วัน ซึ่งปกติผู้ต้องหาจะเป็นผู้เขียนฎีกาด้วยตนเอง เพราะผู้ต้องโทษประหารชีวิตจะรู้ว่าตนเองได้เคยทำความดีในสิ่งใดไว้บ้างที่จะยกขึ้นขอพระราชทานอภัยโทษ อย่างไรก็ตาม การพระราชทานอภัยโทษเป็นพระราชอำนาจสุดแต่พระองค์จะโปรดเกล้าฯลงมา


นายกอบเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับนักโทษประหารชีวิตที่รวมทั้งผู้ที่คดียังไม่สิ้นสุดเด็ดขาด ขณะนี้มีอยู่กว่า 800 คน ส่วนนักโทษประหารชีวิตที่คดีสิ้นสุดเด็ดขาด และอยู่ระหว่างถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษมีกว่า 100 คน ทั้งนี้การดูแลพล.ต.ท.ชลอ ซึ่งเป็นนักโทษประหารชีวิต ยืนยันได้ว่า นักโทษทุกคนไม่มีอภิสิทธิ์ และการดูแลเหมือนกันทุกคน แต่ต้องยอมรับว่าความเป็นอยู่ของนักโทษในเรือนจำมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก นักโทษที่มีฐานะและมีเงินทอง เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ก็มักแบ่งอาหาร บุหรี่ หรือสิ่งของให้นักโทษที่ไม่มี อย่างกรณีพล.ต.ท.ชลอที่มีข้อสงสัยว่าอยู่ในเรือนจำก็อยู่สบาย ไม่เป็นเช่นนั้น แต่ยอมรับว่าอาจมีนักโทษที่เป็นพรรคพวกเดียวกันดูแล เพราะนักโทษที่มีฐานะก็จะมีอาหารสิ่งของจุนเจือให้นักโทษอื่น


ศาลฎีกายืน"ประหารชีวิต"คดีอุ้มฆ่า2แม่ลูกศรีธนะขัณฑ์


ที่ศาลอาญา  เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ต.ค.  ห้องพิจารณา 704  ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ เจ้าของฉายา “มือปราบพระกาฬ” , พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ อดีตสว.สส. สภ.อ.เมือง ปราจีนบุรี (ขณะนั้น), จ.ส.ต.ยงค์ กล่ำนาค อดีต ผบ.หมู่ สภ.อ.เมืองปราจีนบุรี เสียชีวิตระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ , ด.ต.สมนึก เวชศรี อดีตผบ.หมู่ สภ.อ.สระแก้ว, นายวีระชัย พลทิแสง, นายนิคม หรือป๊อด มนต์ศิริ, นายสำราญ แจ่มจำรัส หรือ ฉายา พงษ์ ปากกว้าง ,นายสมหมาย พุดเทศ (เสียชีวิต) , และนายสุภาพ ช่างสาย เสียชีวิตระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9 ตามลำดับ ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ  


ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต พล.ต.ท.ชลอ จำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และให้จำคุกตลอดชีวิต จำเล ยอีก 3 คน คือ พ.ต.ท.พันศักดิ์ จำเลยที่ 2 , นายนิคม จำเลยที่ 6 และนายสำราญ จำเลยที่ 7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และพิพากษาจำคุก จ.ส.ต.ยงค์ จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 4 ปี ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ส่วนจำเลยที่ 4 ด.ต.สมนึก พิพากษายกฟ้อง สำหรับ นายวีระชัย จำเลยที่ 5 และนายสมหมาย จำเลยที่ 8 ให้จำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน ฐานร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ


ต่อมาโจทก์ และโจทก์ร่วม อุทธรณ์ ขอให้เพิ่มโทษ ขณะที่จำเลยที่ 1, 2, 6 และ 7 อุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่ได้กระทำผิด จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 สถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 2, 6 และ 7 ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ จำเลยที่ 3 ได้เสียชีวิต ขณะอุทธรณ์คดีให้จำหน่ายคดี ส่วน นายวีระชัย จำเลยที่ 5 และนายสมหมาย จำเลยที่ 8 ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือนนั้น ได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี ซึ่งอัยการโจทก์-จำเลย ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดี ทำให้คดีของจำเลยที่ 5 และ 8 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคงมีฎีกาเฉพาะจำเลยที่1เท่านั้น 


ศาลฎีกาพิพากษาว่า โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค.-1 ส.ค. 2537 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาเพชรและทรัพย์สินมีค่าของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อับดุลอาซิซ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่ นายเกรียงไกร เตชะโม่ง อดีตคนงานไทยที่เข้าไปทำงาน ได้ลักเพชร และ นำเข้ามาในประเทศไทย ได้สืบสวนแล้วเชื่อว่านายสันติ เจ้าของร้านเพชรสันติมณี รู้ว่าเพชรอยู่ที่ใด แต่จำเลยทั้งสี่ ไม่ได้ออกหมายเรียกตัวนายสันติ มาสอบสวน แต่กลับร่วมกับจำเลยที่ 5-9 ลักพาตัวนางดาราวดี กับ ด.ช.เสรี ศรีธนะขันฑ์ ภรรยา และบุตรชายของนายสันติ ไปจากบ้านพักย่านตลิ่งชัน และนำตัวไปกักขังไว้ที่บังกะโล “กวีวิลล่า” อ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี แล้วใช้ของแข็งตีที่ศีรษะ และ ร่างกายของทั้งสองหลายแห่งจนถึงแก่ความตาย ก่อนจะลักทรัพย์สิน รวมมูลค่า 560,000 บาทไป จากนั้นนำร่างผู้ตายทิ้งไว้ในรถยนต์เบนซ์ของนางดาราวดี แล้วขับรถมาจอดทิ้งไว้ที่ทางเข้าหมู่บ้านริมบึง ถ.มิตรภาพ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ชน เพื่ออำพรางคดีว่าถึงแก่ความตายเนื่องจากอุบัติเหตุ เพื่อปกปิดความผิดของพวกจำเลยดังกล่าว จำเลยให้การปฎิเสธ ว่าผู้ตายได้ตายเพราะอุบัติเหตุ 


คดีมีประเด็นต้องพิจารณาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายทั้งสองหรือไม่ ศาลเห็นว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าเป็นอุบัติเหตุนั้น พยานโจทก์มี ชาวบ้านที่ไปพบรถที่ถนนมิตรภาพ อ.สระแก้ว จ.สระแก้ว สภาพรถเบ็นซ์ทะเบียน 8 ฉ 3237 กทม. ที่ด้านหน้าฝั่งขวาบุบเล็กน้อย กันชนมีรอยเช่นเดียวกับบังโคลน ในรถพบศพนางดาราวดี นั่งฟุบหน้า ที่ตำแหน่งคนขับ กับ ด.ช.เสรี ที่นอนหงายเบาะซ้าย พยานว่าการชนกับรถสิบล้อไม่น่าทำให้ตายได้


พ.ต.ท.พรชัย สุธีรกุล แพทย์ผู้ชันสูตรศพ เบิกความว่า บาดแผล นางดาราวดีถูกตีที่ศีรษะยาว 30 ซม. ฟกช้ำที่ท้ายทอย หน้าอกช้ำ มีแผลตามแขน ผิวหนังที่ต้นแขนฉีกขาด ส่วน ด.ช.เสรี มีรอยฟกช้ำทั้งตัว สมองบวม แสดงว่าถูกตีให้ตายด้วยของแข็งไม่มีคม ไม่น่าเกิดจากรถชน แสดงว่าถูกฆาตกรรม ขณะที่จำเลยอ้างว่า พล.ต.ต.ทัศนะ สุวรรณจูฑะ ผบก.นิติเวช บอกว่า ผู้ตายได้ตายเพราะอุบัติเหตุ แต่พยานไม่ได้นำพยานปากนี้มาเบิกความ รูปคดีจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะอุบัติเหตุดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น 


มีประเด็นต้องพิจารณาว่า จำเลยได้ลงมือกระทำผิดฐานฆ่าผู้ตายตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นหัวหน้าชุดติดตามเพชรซาอุฯ ต่อมาคนร้ายลักตัวนางดาราวดี กับ ด.ช.เสรี หายตัวไป นายสันติได้ขอร้องให้จำเลยที่ 1ช่วยติดตามตัว ผู้ตายทั้งสอง จำเลยที่1 ได้บอกว่า น่าจะเป็นการลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ และจะเป็นผู้ประสานงานให้ โดยอ้างว่าคนร้ายขอพบที่ปั๊มน้ำมันบ้าง และจำเลยที่ 1 นัด นายสันติไปพบในสถานที่ต่างๆ หลายครั้ง รวมทั้งได้ต่อว่านายสันติ ว่า ได้นำความไปร้องเรียนต่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทำให้เรื่องดัง ทั้งก่อนหน้านั้น จำเลยที่ 1 ก็เคยเรียกตัวนายสันติไปพบ และเรียกร้องเอานาฬิกาฝังเพชรราคา 1.5 แสนบาท มาแล้ว ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้แต่งเรื่องหลอกลวงนายสันติ ว่ามีคนร้ายลักพาตัวภรรยาและบุตรไปเรียกค่าไถ่ เพราะไม่เคยมีการนัดหมายไปที่ปั๊มน้ำมัน และไม่เคยมีการต่อรองราคาค่าไถ่ 


ต่อมา จำเลยที่ 1 ทราบว่า พวกของจำเลยที่ 2 แจ้งว่า ยังไม่สามารถลักพาตัวนายสันติได้ เพราะนายสันติ มีคนติดตามคุ้มกันหนาแน่น เกรงว่าการลักพาตัวนางดาราวดีกับลูก จะมีคนรู้ จึงต้องฆ่าผู้ตายทั้งสอง ซึ่งจำเลยที่ 1 บอกให้จัดการตามนั้น และวันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 1 ได้โทรศัพท์ไปสอบถามว่า เรียบร้อยหรือไม่ จำเลยที่ 2 บอกว่าเรียบร้อยแล้ว พยานโจทก์มีรายงานการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันระหว่างจำเลยที่ 2 ไปยังบ้านจำเลยที่ 1 และโทร.เข้ามือถือจำเลยที่ 1 ในวันที่ 1 ส.ค.2537 เวลา 10.57 น. 


ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 1 เคยเรียกนายสันติ มาพบเพื่อติดตามเอาเพชรเม็ดสำคัญ จำเลยที่ 1 มีหน่วยสืบสวนติดตามเพชร แสดงว่าจำเลยที่ 1มีเหตุต้องการตัวนายสันติ และร่วมวางแผนให้จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมลักพาตัว นางดาราวดี กับบุตรไป พอรู้ว่านายสันตินำความไปแจ้ง พล.อ.ชวลิต ก็เลยวางแผนให้จำเลยที่ 2 ฆ่า บุคคลทั้งสองได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงฟังไม่ขึ้น และฎีกาไม่เป็นข้อสาระที่จะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยจึงพิพากษายืน 


"ชลอ"น้ำตาคลอ ทนายเล็งยื่นถวายฎีกา

หลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ท.ชลอ ถึงกับมีสีหน้าเครียด นัยตาแดงกล่ำ คล้ายคนเสียใจ และเดินทางกลับด้วยอาการทุลักทุเล ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยื่นถวายฎีกาหรือไม่ แต่ พล.ต.ท.ชลอ ไม่ตอบ แต่นายปรอย พุ่มหมัน ทนายความขอ งพล.ต.ท.ชลอตอบว่า คาดว่าจะยื่นอยู่แล้ว แต่ต้องรอปรึกษาเจ้าตัวอีกครั้ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำพิพากษาครั้งนี้ มีอดีตตำรวจกองปราบ ทั้งชั้นประทวนระดับพลตำรวจ และ นายตำรวจในยุค 20 ปีก่อน มีทั้งพวกที่เป็นสุภาพบุรุษมือปราบ กับพวกที่เป็นตำรวจที่เป็นทีมงาน "คุ้มพระลอ" รวมทั้งพวกที่เป็นคนใกล้ชิดกับ พล.ต.ท.ชลอ เดินทางมาฟังคำพิพากษา ประมาณ 100 คน แต่นางมิเชล อดีตภรรยาไม่มาศาล พล.ต.ท.ชลอ ถูกควบคุมตัวในชุดนักโทษ มีราชทัณฑ์ประมาณ 15 คน คุมตัวโดยไม่ใส่ตรวน พล.ต.ท.ชลอ เดินมาด้วยอาการขาเสีย 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์