ลูกสาวเหยื่อฆ่า ชี้ผู้ต้องหาหั่นศพโกหก

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ คนขับรถแท็กซี่

เข้ามอบตัวและสารภาพว่า ก่อคดีฆ่าน.ส.สุนันท์ ศรีสุวรรณ วัย 38 ปี และด.ช.โช ลูกติดของน.ส.สุนันท์กับสามีชาวญี่ปุ่น พร้อมหั่นศพเด็กชายไปทิ้ง เป็นข่าวสะเทือนขวัญ นั้น

ทางด้านนางสุณัฐชา คำแถม ผู้เรียบเรียงอาวุโสและบก.ข่าวข้นคนข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท ซึ่งเป็นผู้ที่นายศิริพงษ์ หรือใหญ่ ติดต่อเข้ามอบตัว เปิดเผยว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับน้องมินท์ ลูกสาวคนโตของน.ส.สุนันท์ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยและรอดตาย


น้องมินท์บอกว่า ลุงใหญ่ (นายศิริพงษ์) พูดโกหก แม่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะอะไรกันเลย

น้องมินท์เล่าว่า มาถึงเมื่อไทยเมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ นายศิริพงษ์ขับรถมารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยทั้ง 3 คนนั่งที่เบาะหลัง โดยแม่นั่งตรงกับเบาะคนขับ น้องโชนั่งกลาง ส่วนตัวเองนั่งริมด้านซ้าย ตอนนั้นก็ยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ยังปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวที่ไหนกันดี


หลังจากนายศิริพงษ์ขับรถมาได้ระยะหนึ่ง ก็จอดรถ หันกลับมาใช้ปืนยิงใส่ โดยน้องมินท์ก็ถูกยิง แต่แกล้งนอนนิ่งทำเป็นตาย

ตอนนั้นน้องโชกับแม่ยังไม่เสียชีวิต น้องโชร้องไห้ บอกแม่ว่าเจ็บๆ ตลอดเวลา จึงถูกนายศิริพงษ์ยิงใส่อีกครั้งแน่นิ่งไป จากนั้นนายศิริพงษ์ก็ใช้มือบีบแขนน้องมินท์เพื่อดูว่าเสียชีวิตหรือยัง ตอนนั้นน้องมินท์เล่าว่าแม้จะเจ็บบาดแผล แต่ก็ต้องนอนนิ่งๆ ด้วยความกลัว จนเมื่อนายศิริพงษ์จับตัวน้องมินท์เขย่าอย่างแรง ทำให้ทนไม่ไหวเลยลืมตาขึ้น ก่อนจะร้องขอชีวิตจากนายศิริพงษ์ โดยขอร้องว่าอย่าฆ่าหนูเลย จะให้ทำอะไรก็ยอมทุกอย่าง นายศิริพงษ์จึงใจอ่อน


น้องมินท์เล่าให้ฟังต่อว่า จากนั้นนายศิริพงษ์ได้ขับรถไปที่แฟลตย่านบางบัวทอง ก่อนจะสั่งให้น้องมินท์นั่งรอในรถพร้อมกับศพแม่

ส่วนตัวเองพาเอาศพน้องโชขึ้นไปเก็บไว้บนแฟลต และก็ลงมาขับรถออกไปนำศพแม่ไปทิ้ง จากนั้นก็ขับรถกลับมาที่แฟลตอีกครั้ง คราวนี้ นายศิริพงษ์พาน้องมินท์ขึ้นไปบนห้องด้วย ตอนนั้นน้องมินท์เล่าว่าเห็นร่างน้องโชนอนอยู่ในห้องน้ำ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นน้องโช จากนั้น น้องมินท์ก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากบาดแผลที่ถูกยิง จนกระทั่งมาตื่นเอาตอน 2 ทุ่มวันอาทิตย์ นายศิริพงษ์มาปลุกบอกว่าให้เอาขยะไปทิ้งด้วยกัน จากนั้นก็ขับรถเอาถุงพลาสติกสีดำไปทิ้งที่หมู่บ้านร้าง ก่อนจะกลับมาถึงแฟลตอีกครั้งในช่วงเที่ยงคืนวันเดียวกัน ระหว่างนั้น น้องมินท์บอกว่ามีความคิดที่จะหนีเหมือนกัน แต่ไม่กล้า ประกอบกับอ่อนเพลียจากบาดแผล ทั้งนี้ ในเรื่องรายละเอียดลึกๆ ตนก็ยังไม่ได้ถามมากนัก เพราะเห็นว่าน้องมินท์บาดเจ็บจึงพาตัวมารักษาที่ร.พ.พระราม 9 ก่อน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สน.ตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกตัวนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา

ไปห้องประชุม ชั้น 3 โดยมีพล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอต ผบก.น.7 พ.ต.อ.สุธีร์ เนรกัณฐี รองผบก.น.7 พร้อมชุดพนักงานสอบสวนร่วมสอบสวนบางประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย ก่อนนำตัวไปทำแผน 14 จุด ตั้งแต่จุดแรก คือสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ไปรับผู้ตาย และเด็กอีกสองคน รวมถึงจุดที่ทิ้งศพที่ลาดหลุมแก้ว และจุดที่ทิ้งเด็ก ที่หมู่บ้านร้าง ในพื้นที่สน.ตลิ่งชัน

ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำตัวนายศิริพงษ์ มาทำแผนรับสารภาพภายในรถแท็กซี่คันก่อเหตุ นายศิริพงษ์มีอาการ นิ่งเฉย

ไม่ได้มีอาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด  จากนั้นทางเจ้าหน้าที่นำปืนที่ใช้ก่อเหตุคือปืนขนาด .357 โดยใช้ตำรวจหญิงนั่งเบาะหลังทางด้านขวา ซึ่งเป็นที่ผู้ตายนั่ง พร้อมนำตุ๊กตา 2 ตัวมาเป็นตัวแทนเด็ก 
ภายหลังทำแผน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ควบคุมผู้ต้องหากลับมาที่ห้องขัง สน.ตลิ่งชัน พร้อมกล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา เมื่อช่วงเช้า ในประเด็นที่สงสัย ขณะเดียวกันได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ไปทำการสอบปากคำมารดาของผู้ต้องหาที่ไปปฏิบัติธรรมวัดย่านสมุทรสาคร ว่าให้การตรงกันหรือไม่ และประเด็นทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งยังหาไม่เจอ ขณะเดียวกันเราคงจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ผู้ตายลงจากเครื่องบินจนกระทั่งขึ้นรถแท็กซี่  เพื่อเป็นหลักฐานในคดี ให้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและจะพยายามที่จะให้สรุปสำนวนคดี

ด้าน นายเจา ไผ่ตระการ หรือลุงโจ เพื่อนสนิทของน.ส.สุนันท์ เดินทางจากบ้านพัก อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เพื่อมาพบน้องมินท์บุตรสาวคนโตวัย 13 ปี ของน.ส.สุนันท์

ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระราม 9 หลังเด็กหญิงขอพบตัวหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ
ลุงโจ เพื่อนสนิทของผู้ตาย เล่าว่า รู้จัก น.ส.สุนันท์ สมัยไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 10 ปีก่อน ทุกครั้งที่ผู้ตายกลับมาเยี่ยมบ้านก็จะพบกันตลอด เมื่อต้นเดือนผู้ตายได้โทรศัพท์มาจากญี่ปุ่น เล่าว่ามีปากเสียงกับเพื่อนชายคนหนึ่ง โดยพยายามทวงเงินและรถคืน แต่ไม่สำเร็จ หากเป็นอะไรไปเพื่อนชายคนนี้คือฆาตกร

ทั้งนี้ ลุงโจไม่เชื่อเหตุผลที่ผู้ต้องหาให้การกับตำรวจ เพราะมั่นใจประเด็นเสียชีวิตเป็นเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายที่ผู้ต้องหายืมไป ส่วนน้องมินท์ทางครอบครัวของตนยินดีรับเป็นบุตรบุญธรรมส่งเสียจนจบมหาวิทยาลัย


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์