พ่อ2นศ.ร้องลูกชายถูกดต.ยิงเจาะกะโหลก

คมชัดลึก :ผู้ใหญ่บ้านงอมถ้ำ-อดีตนายกอบต.ท่าแฝก ร้องสื่อขอความเป็นธรรม หลังลูกชาย 2 คน ถูกดต.ยิงเจาะกะโหลก ระบุ เป็นนักศึกษาเรียนดี ด้านผบช.ภาค 6 มีคำสั่งไล่ออกจากราชการ งดให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน ขณะที่ดาบตำรวจปืนโหด เตรียมมอบตัวสู้คดี


ตนจึงขอถุงยางมือจากพยาบาล และดูศพลูกชายครั้งสุดท้าย กลับตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าบริเวณใบหน้าและศีรษะของลูกมีรู คล้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืน


ซึ่งไม่ใช่จากการเกิดอุบัติเหตุ ส่วนนายเอกพันธ์ จันทร์ต๊ะพงษ์ เพื่อนที่เสียชีวิต ลักษณะบาดแผลก็ไม่ต่างกัน จึงเดินทางไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุพร้อมนายจบ จันทร์ต๊ะพงษ์ อดีตนายก อบต.ท่าแฟก พ่อของนายเอกพันธ์ จันทร์ต๊ะพงษ์ พร้อมญาติจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุเป็นถนนสายน้ำปาด-ปากนาย ซึ่งเป็นถนนเชื่อมต่อระหว่างหมู่ 5 บ้านป่ากั้งกับหมู่ 3 บ้านงอมสัก ไม่มีบ้านเรือน มีเพียงที่ไร่ของชาวบ้าน กลางถนนพบจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีขาวดำ เลขทะเบียน กรก- 202 อุตรดิตถ์ ล้มอยู่ พร้อมกองคราบเลือดจำนวนมาก จึงต้องรอให้ถึงตอนเช้า เพื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เนื่องจากระยะที่เกิดเหตุไกลจาก สภ.ท่าปลา มากถึง 140 กิโลเมตร


นายศักดิ์นรินทร์ กล่าวว่า ผลจากการชันสูตรพลิกศพนายอัศวิน ถูกยิงด้วยอายุปืน .38

เข้าที่กกหูซ้ายทะลุหน้าผากขวา แก้มขวาทะลุแก้มซ้าย และที่แขนซ้ายบนทะลุแขนซ้ายล่าง รวมทั้งสิ้น 3 นัด ส่วนนายเอกพันธ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน เข้าที่กะโหลกศีรษะด้านซ้ายทะลุขวา ชายโครงขวาทะลุปอดข้างซ้ายและที่ใต้ไหล่ข้างซ้ายทะลุด้านขวา รวม 3 นัด
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นทราบว่า นายเอกพันธ์ ถูกยิงและนอนเสียชีวิตในสภาพที่ถูกจักรยายนต์ทับร่างไว้ ส่วนนายอัศวิน นอนเสียชีวิตอยู่ในพงหญ้าข้างทางห่างจากจุดเกิดเหตุราว 10 เมตร ทั้งคู่นอนจมกองเลือด และพบหัวกระสุนปืนตกอยู่จำนวนหนึ่ง


นายศักดิ์นรินทร์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชาย คือนายอัศวิน ไปซ่อมเครื่องยนต์รถไถนาให้ญาติ ตกเย็น นายเอกพันธ์ นำหมูป่าที่ซื้อมา ทำอาหารนั่งรับประทานด้วยกันพร้อมกับทุกคนในบ้าน

ประมาณ 23.00 น.ของคืนวันเกิดเหตุ ลูกชายได้ออกไปส่งนายเอพันธ์กลับบ้าน ที่หมู่บ้านป่ากั้ง ห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตร เมื่อไปส่งเพื่อนที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายเอกพันธ์เกิดรู้สึกห่วงเพื่อนจึงขออนุญาตพ่อแม่ กลับมาส่งและนอนด้วยกันที่บ้านงอมถ้ำ ซึ่งเป็นบ้านของตน เมื่อออกจากหมู่บ้านป่ากั้งมาได้ประมาณ 500 เมตร พบรถปิคอัพแคปสีน้ำเงิน ยี่ห้อฟอร์ด ไม่ทราบเลขทะเบียน ซึ่งชาวตำบลท่าแฝก รู้ดีว่าเป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งมียศเป็นดาบตำรวจชุดสายตรวจประจำป้อมยามตำบลท่าแฝกจอดขวางถนน ขณะลูกชายและเพื่อนกำลังกลับบ้าน


“จากนั้นเรียกให้เด็กทั้งคู่ลงจากจักรยานยนต์ และด้วยความกลัวจึงพยายามหันหัวรถหนี แต่นายเอกพันธ์ถูกยิงจนล้มลงไปก่อน และถูกจักรยานยนต์ทับร่างไว้ไม่สามารถหนีได้ทัน จึงถูกกระหน่ำยิงจนเสียชีวิต ส่วนนายอัศวิน ลูกชายของผมเห็นท่าไม่ดีก็พยายามวิ่งหนีหลบไปที่พงหญ้าข้างทาง ระหว่างหลบหนีก็ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่แขนซ้าย ล้มลงคนร้ายได้เดินตามอย่างใจเย็น ประชิดตัวลูกชาย ผมเชื่อว่าวินาทีนั้น เพื่อความอยู่รอดลูกชายอาจมีการยกมือไหว้ร้องขอชีวิตแต่ความโหดเหี้ยม อัมหิต จึงถูกกระหน่ำยิ่งซ้ำ เข้าที่กกหูซ้าย ขณะกำลังหันหลังวิ่งหนี มีพยานผ่านไปพบเห็นเหตุการณ์ ดาบตำรวจจึงขับรถหนีไป ” นายศักดิ์นรินทร์กล่าว


ไม่เข้าใจว่าสาเหตุใด คนร้ายถึงลงมือฆ่าลูกชายพร้อมเพื่อนอย่างโหดเหี้ยม ทั้งๆที่ 2 คน เป็นเด็กดี ความประพฤติเรียบร้อย และเรียนเก่ง

เป็นที่รักของคนทั้วตำบลท่าแฝก ช่วงเข้าเรียนต่อวิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ระดับ ปวช.ก็ได้โควตาและได้ทุนการศึกษา จากนั้นไปฝึกงานเฟอร์นิเจอร์ ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไซ ในพระบรมราชินูประถัมภ์ จ.อยุธยา ผลการฝึกงานดีเยี่ยม ทางศูนย์ฯจึงอนุมัติให้ศึกษาต่อระดับ ปวส. หลังเรียนจบ ปวช.จากวิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ ดังนั้น ทั้ง 2 คนจึงกลับบ้านเพื่อมาเตรียมเอกสาร ยื่นเรียนต่อที่ศูนย์ฯ มาได้เพียง 3 วันกลับต้องมาเสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่เป็นลูกชายคนโต ที่ครอบครัวหวังว่าจะเป็นกำลังสำคัญหากเรียนจบ ช่วงปิดภาคเรียนจะเข้ากรุงเทพฯไปหางานทำ เก็บเงินส่งตัวเองเรียน เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว แต่มาจบอนาคตอย่างคาดไม่ถึง


นายศักดิ์นรินทร์กล่าว ญาติพี่น้องส่วนใหญ่หวั่นว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดีนี้ และเชื่อว่าตำรวจอาจช่วยเหลือกันเป็นพิเศษ

จึงอยากขอพึ่งเจ้าหน้าที่ชุดพิเศษจากกรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอ ให้เข้ามาช่วยดูแลคดีนี้โดยตรง สำหรับศพลูกชาย ยังไม่ทำพิธีฌาปณกิจศพ จะรอจนกว่าคนร้ายมอบตัวและรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าลูกชาย และด้วยเหตุผลใด พร้อมให้คนร้ายขอขมาศพก่อนแล้วจึงจะเผา หากไม่เป็นเช่นนี้จะนำศพไปแห่ที่ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์


ด้านนายจบ จันทร์ต๊ะพงษ์ อดีตนายก อบต.ท่าแฝก พ่อนายเอกพันธ์ จันทร์ต๊ะพงษ์ กล่าวว่า การจากไปของลูกชาย นายเอกพันธ์ นำมาเศร้าโศกเสียใจมาให้กับครอบครัว


ช่วงที่เกิดเหตุชาวบ้ายพยามติดต่อ ดาบตำรวจดังกล่าวให้มาดูที่เกิดเหตุปรากฏว่าไม่ได้อยู่ที่ป้อม และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้าเกิดเหตุไม่มีกี่ชั่วโมง มีพยานพบว่ายังอยู่ในหมู่บ้าน 
ทางครอบครัวนำศพของทั้งคู่ไปทำการผ่าพิสูจน์ศพที่โรงพยาบาลพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก แผนกนิติเวช โดยนพ.เชาวกิจ ศรีเมืองวงศ์ ผลการผ่าพิสูจน์พบหัวกระสุนปืนชนิดและขนาดเดียวกันฝังอยู่ที่กะโหลกสมองชั้นในของนายอัศวิน และพบหัวกระสุนลูกปืนชนิดและขนาดเดียวกันฝังอยู่ที่ปอดข้างซ้ายของนายเอกพันธ์ จึงวิงวอนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมกับชีวิตของลูกชาย อย่าให้ตายฟรี ส่วนสาเหตุการลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เหมือนเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ขอให้คนร้ายที่ลงมือได้รับโทษ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และชาวบ้านกำลังจัดเตรียมงานศพ พ.ต.อ.สมชาย สวัสดิศักดิ์ ผกก.สภ.น้ำปาด


มอบหมายให้ พ.ต.ท.อุดร ศรีสว่าง รอง ผกก. และพ.ต.ต.สมพงษ์ โสภา สวป.นำหรีดมาร่วมไว้อาลัย โดยแม่ของนายเอกพันธ์ ถึงปล่อยโฮร้องให้เสียงดัง พร้อมระบายความในใจต่อหน้าตำรวจว่า การสูญเสียลูกชายเงินทองไม่สามารถช่วยอะไรได้ แม้นช่วยเงินเป็นแสนเป็นล้านไม่อยากได้ เพราะไม่สามารถทดแทนชีวิตลูกชายก็ไม่สามารถหวนกลับคืนฝืนคืนมาได้ แต่อยากได้ความยุติธรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชายมอบให้กับลูกชายแทนมากกว่า


พล.ต.ต.พจน์ ไทยกล้า รอง ผบช.ภาค 6 รักษาการ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุได้รวบรวมข้อมูลและตรวจสอบตำรวจในพื้นที่

ปรากฏว่า ด.ต.ชาญชัย องอาจ ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.น้ำปาด ปัจจุบันเป็นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าสายตรวจหน่วยบริการประชาชน ต.ท่าแฝก อ.ท่าปลา ไม่อยู่ในพื้นที่และไม่สามารถติดต่อได้ และเป็นเจ้าของรถคันที่พยานกล่าวถึง คดีนี้อุฉกรรจ์และสะเทือนขวัญต่อประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์อย่างมาก ทาง พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารทูล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร 6 ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษพร้อมมีคำสั่งให้ ดต.ชาญชัย องอาจ ออกจากราชการไว้ก่อน ทั้งนี้ให้มีการออกหมายจับ


“หลังจากที่มีคำสั่งออกหมายจับ ทางญาติพี่น้อง ดต.ชาญชัย ก็ติดต่อขอเข้ามอบตัวที่ สำนักงานตำรวจภูธร 6 ด้วยคดีนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ จึงให้มีการส่งมอบตัวกันที่ สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งผู้ต้องหาก็เข้ามามอบตัวด้วยตนเองพร้อมญาติวันนี้ โดยมี พ.ต.อ.ประยูร คำสุข รอง ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เป็นผู้รับมอบและส่งต่อให้ พ.ต.อ.สุวิชา กตัญญู ผกก.สภ.ท่าปลา เพื่อให้พนักงานดำเนินการสอบสวนสอบปากคำ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 
 
หลังก่อคดีหลบหนีไปอยู่ที่ จ.ชุมพร แต่ตำรวจก็สามารถสืบทราบและติดตามเอาอาวุธปืนที่ผู้ต้องหานำไปฝากไว้กับญาติมาประกอบสำนวนคดีนี้ได้

หลักฐานที่ได้ค่อนข้างแน่นหนาสามารถเอาผิดผู้ต้องหารายนี้ได้แน่นอน ในชั้นพนักงานสอบสวนได้สั่งห้ามให้ประกันตัว เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วก็ส่งให้ศาลเพื่อดำเนินคดีทันที ขอยืนยันว่า คดีนี้ไม่มีการช่วยเหลือให้ตำรวจที่ก่อคดีพ้นผิดแน่นอน ญาติผู้ตายไม่ต้องกัง วลและเป็นห่วง ซึ่งเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง นอกจากออกราชการแล้วยังมีการตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดวินัยร้ายแรงด้วย โทษถึงขั้นไล่ออกพร้อมถอดยศ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์