ศาลนัดสอบ แฝดทำป่วน

โจรสองพี่น้องฝาแฝด ทำตำรวจกับอัยการหัวปั่น

ครั้งแรกแฝดผู้พี่ไปก่อเหตุชิงทรัพย์ ถูกจับกลับอ้างใช้ชื่อแฝดน้อง ถัดไปอีกไม่กี่วัน แฝดผู้น้องตัวจริงไปก่อคดีลักทรัพย์ถูกจับเหมือนกันความเลยแตก จึงต้องให้พ่อแม่จำเลยมาชี้ตัวยืนยัน ว่าใครชื่ออะไรกันแน่ เพราะทั้งคู่เหมือนกันอย่างกับแกะจนแยกไม่ออก ส่วนแฝดผู้พี่ที่ถูกจับครั้งแรก เจออีกข้อหาแสดงตนเป็นคนอื่น
   
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีคำสั่งนัดสอบถามจำเลย

คือนายพิชัย หรีรักษ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 381 หมู่ 10 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นผู้ต้องหาคดีหมายเลขแดงที่ อ.3570/2552 และนายพิชิต หรีรักษ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเดียวกัน ผู้ต้องหาคดี ฝ.3498/2552 ทั้งสองคนเป็นพี่น้องฝาแฝด เพื่อทำการนัดสอบถามจำเลย โดยมีอัยการเป็นโจทก์ และมีพ่อแม่ของจำเลยทั้งสองเข้าร่วมรับฟังด้วย เพื่อชี้ยืนยันว่าผู้ต้องหาคนไหน คือนายพิชัยและนายพิชิต เนื่องจากทั้งสองคน มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน โดยนายพิชัยเป็นแฝดผู้พี่ นายพิชิตเป็นแฝดผู้น้อง
   
สำหรับคดียุ่งเหยิงนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ส.ค. 52 มีผู้ต้องหาชื่อ นายพิชิต หรีรักษ์ ถูกศาลสั่งพิพากษาจำคุก คดีชิงทรัพย์เป็นเวลา 15 ปี

แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เลยลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงเหลือจำคุก 7 ปี 6 เดือน จากนั้นส่งตัวนายพิชิตเข้าเรือนจำกลางสมุทรปราการ ต่อมาอีกไม่กี่วันเดือนเดียวกัน พนักงานอัยการได้รับฟ้องดำเนินคดีนายพิชิต หรีรักษ์ ผู้ต้องหาก่อคดีลักทรัพย์ แต่เมื่อตรวจสอบประวัติแล้วพบว่า นายพิชิต หรีรักษ์ ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่เลยต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
   
จากการตรวจสอบหลักฐานและผู้เกี่ยวข้องพบว่า ข้อเท็จจริงคือเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา นายพิชัยแฝดผู้พี่ไปก่อคดีชิงทรัพย์จนถูกตร.จับ แต่ได้แอบอ้างใช้ชื่อนายพิชิตของแฝดผู้น้อง

คดีนี้ศาลจังหวัดสมุทรปราการ สั่งจำคุกเป็นเวลา 15 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเพราะจำเลยรับสารภาพเหลือ 7 ปี 6 เดือน พอนายพิชัยเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ต่อมานายพิชิตแฝดผู้น้องจึงไปก่อคดีลักทรัพย์ และถูกจับยอมรับสารภาพตามตรงว่าชื่อนายพิชิต ความเลยแตก เนื่องจากนายพิชิต มีประวัติถูกควบคุมกันอยู่ในเรือนจำ จึงต้องมีการนัดสอบถามจำเลยและพ่อแม่ของจำเลยดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายพิชัยแฝดผู้พี่อีก 1 ข้อหา คือแสดงตนเป็น   ผู้อื่นเพื่อความอันเป็นเท็จ ก่อนนำตัวสองแฝดพี่น้องโจร เข้าไปชดใช้กรรมในเรือนจำกลางสมุทรปราการตามเดิม.