บุกเดี่ยวชิงเงินล้านห้าที่หน้าแบงก์

พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ พิทยาจรัสกิจ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.อ.เมืองสุรินทร์ รับแจ้งมีเหตุชิงทรัพย์ที่หน้าธนาคารนครหลวงไทย สาขาสุรินทร์ ตั้งอยู่ริมถนนธนสาร ใกล้สี่แยกน้ำพุ กลางใจเมืองสุรินทร์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ไปสอบสวนที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบก.ภ.จ.สุรินทร์ พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชาญพนา รอง ผบก.ภ.จ.สุรินทร์ พ.ต.อ.บุญยศ บุญไพศาล ผกก.สภ.อ.เมืองสุรินทร์ และกำลังฝ่ายสืบสวน

ข้างรถติดสติกเกอร์โรงแรมเพชรเกษม จอดบริเวณด้านหน้าธนาคารใกล้บันไดทางขึ้น โดยมีนายเทียน แสกระโทก คนขับรถตู้ กับนางยุวดี เร็นรัมย์ อายุ 41 ปี พนักงานการเงินของโรงแรมเพชรเกษม และห้างสรรพสินค้าเพชรเกษมยืนรอให้การด้วยสีหน้าตกใจ สอบสวนทั้งคู่ให้การว่า ทำงานอยู่โรงแรมเพชรเกษมซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุราว 800 เมตร ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถตู้นำเงินสด 1.5 ล้านบาทของโรงแรมมาฝากที่ธนาคารนครหลวงไทย

นายเทียน คนขับได้จอดรถให้นางยุวดีลงก่อนเพื่อจะขับไปหาที่จอดรถจังหวะที่นางยุวดีเดินขึ้นบันไดธนาคารพร้อมถือเงินสดทั้งหมดใส่กระเป๋าถือแบบสุภาพสตรีจะนำไปเข้าธนาคาร วินาทีนั้นได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น รูปร่างผอม สวมเสื้อผ้าร่มสีดำ กางเกงยีน และสวมหมวกกันน็อก วิ่งโจนทะยานเข้ามาประชิดตัวนางยุวดีทางด้านหลัง แล้วกระชากกระเป๋าเงินจากมือไปอย่างรวดเร็ว วิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเมท สีเทาดำ สภาพเก่า ไม่ติดทะเบียนที่ติดเครื่องจอดไว้หลบหนีไป ส่วนนางยุวดีถึงกับตกใจทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้รีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารที่อยู่ด้านในแต่ไม่ทันจึงแจ้งตำรวจ

เงินทั้งหมดเป็นเงินรายได้ จากกิจการทั้งโรงแรมและห้างสรรพสินค้าที่เก็บรวบรวมไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปกติจะแยกเงินฝากธนาคาร 3 แห่ง คือธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารทหารไทย และธนาคารกรุงเทพ แต่วันนี้ได้ให้แคชเชียร์นำเงินเข้าเฉพาะธนาคารนครหลวงไทย ส่วนคนร้ายน่าเป็นอดีตพนักงานในสังกัดที่ไล่ออกไปเพราะรู้เวลานำเงินเข้าธนาคาร

คนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี และทราบรายละเอียดการนำเงินฝากธนาคาร เท่าที่ดูจากเส้นทางหลบหนี เชื่อว่าน่าจะมีคนร้ายอีกกลุ่มมารอรับแล้วเปลี่ยนตัวอำพรางสายตาเจ้าหน้าที่ระหว่างหลบหนี คาดว่าอาจมีเกลือเป็นหนอน โดยมีคนในร่วมมือกับคนร้ายหรือฝีมือพนักงานของโรงแรมที่ถูกไล่ออกไป เนื่องจากรู้รายละเอียดเป็นอย่างดี

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ