พิพากษาประหาร“สมคิด”ฆาตกรต่อเนื่อง

คมชัดลึก :ประเดิมคดีแรก ศาลประหารชีวิต “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่องฆ่าหมอนวดแผนโบราณ 5 ศพ คำสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ศาลเว้นโทษตายเหลือจำคุกตลอดชีวิต ทนายเผยแม้เจ้าตัวอยู่ในเรือนจำยังศึกษาข้อกฎหมายต่อสู้คดีพร้อมเดินหน้ายื่นอุทธรณ์ต่อ


(21ส.ค.) เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3223/2548 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายสมคิด พุ่มพวง หรือชูชาติ ชาญชัย หรือชูชาติ กิ่งแก้ว หรือวิชัย พรหมพันธ์ หรือสุวัฒน์ ชาญณรงค์ อายุ 45 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราชฆาตกรฆ่าสาวหมอนวดแผนโบราณต่อเนื่อง 5 ศพ เป็นจำเลย ในความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 339, 335
 
 คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 30 -31 ม.ค.48 จำเลยได้ก่อเหตุชิงทรัพย์รวมหลายรายการ รวมมูลค่า 50,000 บาท ของ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องสาว“ แสงตะวันคาเฟ่” จ.มุกดาหาร ไปโดยทุจริต ใช้กำลังประทุษร้ายจับ น.ส.วารุณี มัดมือไพล่หลังด้วยผ้าเช็ดหน้าแล้วจับกดน้ำตายคาอ่างอาบน้ำ เหตุเกิดที่ห้องพักเลขที่ 609 โรงแรมพลอยพาเลซ ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร จำเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวนแต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล
 
 ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.48 น.ส.วารุณี ผู้ตายถูกฆ่าสภาพศพถูกมัดมือไพล่หลังนอนคว่ำหน้าจมในอ่างน้ำภายในห้องพัก 609 รร.พลอยพาเลซ โดยสร้อยคอทองคำ โทรศัพท์มือถือ และรถจักรยานยนต์ของผู้ตายหายไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยได้แจ้งข้อหาฆ่าชิงทรัพย์ในภายหลัง
 
 คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่กระทำผิดจริงตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพนักงานต้องรับ รร.พลอยพาเลซ เบิกความว่าเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 30 ม.ค.48 ขณะที่พยานปฏิบัติหน้าที่มีผู้อ้างว่าเป็นพนักงานจากบริษัทอาเอสโปรโมชั่น โทรศัพท์เข้ามาจองห้องพักให้นายสมคิด พุ่มพวง หลังจากนั้น 10 นาที จำเลยก็เข้ามาพยานจึงให้จำเลยลงรายมือชื่อในสมุดลงชื่อของผู้เข้าใช้บริการก่อนมอบกุญแจห้อง 609 ให้เข้าพักนอกจากนี้ยังมีพยานโจทก์อีก 3 ปาก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรม และพนักงานของแสงตะวันคาเฟ่ว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.วันที่ 29 ม.ค.48 จำเลยได้เข้ามาติดต่อให้หาหญิงบริการเพื่อร่วมหลับนอนในวันที่จะเข้าพักที่ รร.พลอยพาเลซ ซึ่งพยานแนะนำ น.ส.นาง ให้แต่จำเลยไม่พอใจ จึงได้ติดต่อ น.ส.วารุณี ผู้ตายให้จำเลย โดยทั้งสองได้ตกลงราคาค่าบริการและแลกเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อกัน
 
 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ตรวจเปรียบเทียบลายมือชื่อของจำเลยในสมุทรลงทะเบียนกับลายมือชื่อที่จำเลยลงไว้ในคำให้การพบว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกัน เช่นเดียวกับกับผลการตรวจเส้นขน และเส้นผมในที่เกิดเหตุซึ่งยืนยันว่าบางส่วนเป็นของจำเลยและบางส่วนเป็นของผู้ตาย จึงเชื่อได้ว่าในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยอยู่ในห้องพักตามฟ้อง
 
 ส่วนที่จำเลยอ้างว่า เจ้านายได้จองห้องพัก 609 ให้เข้าพัก โดยขณะอยู่ที่โรงแรมได้ออกไปทำธุระกับเพื่อน แต่จากพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อเข้าพักที่ห้อง 607 และหากเข้าพักจริงก็ต้องได้รับกุญแจห้องจากพนักงานต้อนรับ ขณะที่ในทางนำสืบจำเลยก็ไม่ได้นำเจ้านายและเพื่อนที่กล่าวอ้างถึงมาเบิกความยืนยัน โดยในชั้นพิจารณามีจำเลยเพียงคนเดียวที่เบิกความซึ่งเป็นการกล่าวอ้างลอยๆไม่มีพยานปากอื่นมาเบิกความยืนยัน
 
 ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าชิงทรัพย์ผู้ตายนั้น จากทางนำสืบฟังได้จากคำรับสารภาพจำเลยชั้นจับกุมว่า หลังจากที่เกิดเหตุโกรธเคืองผู้ตายที่ด่าทอจำเลยที่ไม่ยอมจ่ายค่าตัวเพิ่มตามที่เรียกร้อง จำเลยได้เข้าประชิดด้านหลังผู้ตายแล้วบีบคอ จับกดหน้าลงในอ่างอาบน้ำนาน 5 นาที จนผู้ตายมีอาการกระตุกหมดแรง จากนั้นจึงถอดเสื้อชั้นในผู้ตายมัดมือสองข้างในลักษณะไพล่หลังก่อนปล่อยให้นอนคว่ำหน้าในอ่างน้ำ แล้วจึงได้ลักเอาทรัพย์สินไป ซึ่งหาจำเลยเจตนาฆ่าชิงทรัพย์จริงย่อมจะนำทรัพย์สินผู้ตายไปทั้งหมด แต่ปรากฏว่านอกจากทรัพย์สินที่จำเลยเอาไปแล้วยังคงเหลือแหวน และนาฬิกาข้อมือของผู้ตาย ขณะที่แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพให้ความเห็นว่าผู้ตายเสียชีวิตมาประมาณ 6-8 ชม.ซึ่งแพทย์เข้าตรวจสภาพศพในเวลา 11.00 น. เวลาเสียชีวิตของผู้ตายจึงน่าจะอยู่ที่เวลา 03.00 น.ซึ่งเป็นเวลากลางคืน ดังนั้นจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งตามฟ้องโจทก์ได้บรรยายความผิดนี้ไว้แล้ว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงสอดคล้องกับคำให้การของจำเลยซึ่งให้การหลังเกิดเหตุไม่นาน เชื่อว่าไม่มีเวลาบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้คำให้การดังกล่าวน่าเชื่อถือ
 
 พิพากษา จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและลักทรัพย์ในเวลากลางคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 และ335 (1) วรรค 1 อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ประหารชีวิตฐานฆ่าผู้อื่น และจำคุก 3 ปี ฐานลักทรัพย์ฯ คำสารภาพในชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิต และให้ชดใช้ราคาค่าทรัพย์สินแก่ญาติผู้ตายจำนวน 50,000 บาท ส่วนคำขออื่นให้ยก
 
 ภายหลัง ว่าที่ ร.ต.จุมพฏ หมวดชนะ ทนายความจำเลย กล่าวว่าจะต้องยื่นอุทธรณ์อย่างแน่นอน ขณะที่นายสมคิด ยังคงมีความผิดลักษณะเดียวกันอยู่อีกหลายคดี โดยมีคดีที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา รวม 5 คดี ซึ่งคดีนี้เป็นคดีแรกที่ศาลมีคำพิพากษา
 
 “สำหรับการต่อสู้คดีนี้ นายสมคิด ได้มีส่วนร่วมในการตรวจดูสำนวนว่าตรวงกับข้อเท็จจริงที่เคยให้การไว้หรือไม่ เพราะหลังจากที่ถูกจับกุมนายสมคิดก็ได้ศึกษาข้อกฎหมายจากคดีของตัวเองและคดีอื่นระหว่างอยู่ในเรือนจำ โดยในวันที่ 7 ก.ย.นี้ นายสมคิดก็จะไปร่วมฟังการสืบพยานที่ส่งประเด็นไปที่ศาลจังหวัดเชียงรายอีกด้วย” ว่าที่ ร.ต.จุมพฏ กล่าว
 
 ทั้งนี้นายสมคิด นอกจากก่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.วารุณี แล้ว ยังมีประวัติก่อลักษณะเดียวกันอีก 4 ศพ ในหลายท้องที่ ซึ่งผู้ตายรายที่สอง เกิดเหตุเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.48 นายสมคิดได้ลวง น.ส.ผ่องพันธ์ ทรัพย์ชัย อายุ 34 ปี หมอนวดแผนโบราณไปร่วมหลับนอนในห้องพักหมายเลข 406 โรงแรมเวียงนคร จ.ลำปาง ก่อนจะลงมือฆ่าชิงทรัพย์ รายที่สามในวันที่ 11 มิ.ย.48 นายสมคิดได้ลวงนางพัชรี อมตนิรันดร์ อายุ 38 ปี หมอนวดแผนโบราณ ไปร่วมหลับนอน แล้วใช้สายไฟรัดคอเสียชีวิตในซีซ่าร์โฮเต็ล จ.ตรัง แล้วชิงทรัพย์สิน
 
 รายที่ 4 ในวันที่ 18 มิ.ย.48 นายสมคิดได้ก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร อายุ 37 ปี หมอนวดแผนโบราณเสียชีวิตในห้องพักหมายเลข 171 โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ จ.อุดรธานี และรายที่ 5 เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.นายสมคิดได้ ก่อเหตุฆ่า นางสมปอง พิมพ์พรภิรมย์ อายุ 36 ปี หมอนวดแผนโบราณในห้องพักปิยะแมนชั่น จ.บุรีรัมย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวนายสมคิดได้เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.48 ขณะหลบหนีไปกบดานที่บ้านนางประภาพร เพียรชัยภูมิ อายุ 36 ปี แม่ม่ายลูก 4 ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายสมคิด ที่ จ.ชัยภูมิ โดยคดีฆาตกรรม 4 คดีนั้นอัยการได้ยื่นฟ้องนายสมคิดต่อศาลแล้ว ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์