คำให้การพ่อผัวทมิฬ ฆ่าด.ต.กิ๊กลูกสะใภ้ กลัวแย่งสมบัติลูกชาย


คนในครอบครัว "วิเศษสิงห์" รู้ดีว่าในระยะหลังมานี้ นายบุญยิ่ง วิเศษสิงห์ วัย 61 ปี มักจะอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ

ยิ่งในตอนหลังที่ต้องมาสูญเสียลูกชายไป เหลือเพียงลูกสะใภ้ที่ยังคงอยู่ด้วยเพื่อปรนนิบัติรับใช้ จึงทำให้นายบุญยิ่งเอ็นดูลูกสะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก ถึงขนาดยอมยกสมบัติที่มีอยู่ให้หวังฝากผีฝากไข้

แต่แล้วนายบุญยิ่งก็ต้องมาเจอเรื่องที่บั่นทอนจิตใจ ทำให้เครียดจนแทบไม่ต้องเป็นอันทำอะไร เมื่อมีข่าวว่าลูกสะใภ้แอบไปสนิทสนมกับด.ต.วสันต์ สุขประสิทธิ์ ผบ.หมู่ (ป) สภ.พนมทวน ตำรวจประจำป้อมยามใกล้บ้านพักในอ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
เลยทำให้นายบุญยิ่งอดคิดไม่ได้ว่านายดาบตำรวจผู้นี้จะมาหลอกเอาสมบัติที่ยกให้ลูกสะใภ้ไป

ในที่สุดนายบุญยิ่งก็หยิบยื่นความตายให้ดาบวสันต์เพื่อตัดปัญหา!!?

แผนฆ่าดาบวสันต์อยู่ในหัวนายบุญยิ่งมากมายหลายแผน ตอนแรกนายบุญยิ่งตั้งใจจะใช้มีดเชือดคอตอนดาบวสันต์มาเข้าเวรที่ตู้ยามปากเขว้า หมู่ 8 ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ้านพักเลขที่ 69 หมู่ 8 ของนายบุญยิ่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้โอกาส เพราะดาบวสันต์ไป-กลับไม่เป็นเวลา และในบางครั้งก็มีเพื่อนตำรวจอยู่ด้วยในป้อมจึงไม่สบโอกาสฆ่า

ยิ่งนานวันความแค้นของนายบุญยิ่ง ก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทำอะไรดาบวสันต์ไม่ได้ นายบุญยิ่งก็หันมาทะเลาะกับลูกสะใภ้และคนในบ้านเพื่อเป็นการระบาย เมาเหล้าเอะอะโวยวายจนชาวบ้านแถวนั้นเห็นเป็นเรื่องปกติ



และในวันที่ 19 มิ.ย. ก็เป็นอีกวันที่นายบุญยิ่ง หาเรื่องทะเลาะกับคนในครอบครัวทั้งวัน พอโมโหค้างจึงออกไปซื้อเหล้ามานั่งกินไปเรื่อยๆ จวบจนรุ่งเช้าของอีกวัน

ในมือถือแก้วเหล้า แต่สมองครุ่นคิดถึงแต่การปลิดชีพดาบวสันต์ จนกระทั่งในตอนสายของวันเดียวกัน ดาบวสันต์ได้ขับรถมาจอดด้านข้างป้อมยาม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยไม่รู้ว่ามีแววตาเพชฌฆาตจ้องมองอยู่อย่างไม่กะพริบ

นายบุญยิ่งตัดสินใจใช้โอกาสนี้ลงมือสังหาร วิ่งเข้าไปคว้าปืนลูกซองสั้นที่เตรียมไว้ กระชับใส่เอวเดินตรงรี่เข้ามาหาดาบวสันต์ในขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัว ซึ่งกว่าดาบวสันต์จะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เมื่อนาทีนั้นนายบุญยิ่งได้มายืนจังก้าอยู่ตรงหน้า ด้วยแววตาอันโกรธแค้นแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา
ในมือถือปืนลูกซองสั้นจ่อมาที่เหยื่อที่ยืนตะลึงอยู่ตรงหน้า

จังหวะนั้นดาบวสันต์ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เพราะรู้ว่านายบุญยิ่งเอาจริงไม่ได้แค่ขู่

แต่ความไวหรือจะสู้ความเร็วของลูกปืนได้ เมื่อนายบุญยิ่งตัดสินใจลั่นไกใส่ร่างดาบวสันต์ที่ตกอยู่ในทางปืนพอดิบพอดี

ปัง....!!

หลังสิ้นเสียงปืนคำรามร่างดาบวสันต์ล้มทรุดลงทันที..

เมื่อเห็นว่าจัดการเป้าหมายสำเร็จ มือปืนขี้เมารายนี้พยายามจะหลบหนี แต่ก็ถูกตำรวจที่อยู่ในป้อมยามไล่จับกุมเอาไว้ได้ในเวลาต่อมา ก่อนที่จะรีบพาร่างดาบวสันต์ส่งโรงพยาบาลทันที



หลังเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตำรวจนายนี้ พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร ผบก.ตร.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ฐานันดร์ นาคขำพันธ์ ผกก.สภ.พนมทวน พ.ต.ท.ยุทธชัย มีสายมงคล สว.สป.สภ.พนมทวน พ.ต.ต.ชาญศักดิ์ ฟักเหลือง สวป.สภ.พนมทวน และร.ต.ท.ชลวรรษ์ กลั่นบุศย์ ร้อยเวรฯ จึงรุดมาสอบสวนและตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบเพียงกองเลือดปนมันสมองของเหยื่อกระสุน กองอยู่ที่บริเวณหลังป้อมติดแท็งก์น้ำ โดยนายดาบตำรวจวสันต์ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา เนื่องจากถูกกระสุนปืนลูกซองเข้าอย่างจังที่ท้ายทอย เป็นแผลเหวอะหวะ

ปลิดชีพด.ต.วสันต์ลงในที่สุด

ส่วนการดำเนินคดีกับนายบุญยิ่งมือปืนรายนี้ หลังจับตัวได้ตำรวจนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพทันที พร้อมตั้งข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่า เป็นคนยิงด.ต.วสันต์จริง ทำเพราะระแวงด.ต.วสันต์ เกรงว่าจะมาแอบติดพันลูกสะใภ้ตนเอง ซึ่งเป็นแม่ม่าย เพราะลูกชายเพิ่งตายไป ตนจึงยกสมบัติให้ลูกสะใภ้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ดินและทรัพย์สินเงินทองอื่นๆ แต่มาตอนหลังลูกสะใภ้เกิดมาสนิทสนมกับด.ต.วสันต์ จึงต้องวางแผนลอบสังหาร เพราะกลัวด.ต.วสันต์จะมาหลอกฮุบสมบัติ

"พ่อผัวทมิฬ" ย้อนปูมหลังให้ฟังว่า

ครอบครัวตนรู้จักกับด.ต.วสันต์ มานานหลายปีแล้ว เพราะบ้านอยู่หลังป้อมยาม จึงมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี เคยทำกับข้าวไปนั่งกินกันที่ป้อมตำรวจบ่อยๆ แต่มาระยะหลังเริ่มไม่ถูกกัน เพราะปัญหาเหล่านี้ ทำให้ครอบครัวตนเกิดระหองระแหงกันเป็นประจำ จึงคิดหาวิธีฆ่าดาบวสันต์เพื่อตัดปัญหา

"ตอนแรกผมเตรียมมีดปลายแหลมไว้หวังเชือด แต่บังเอิญช่วงหลังๆ ดาบวสันต์ไม่มาเข้าเวร จึงไม่มีโอกาสลงมือ จนกระทั่งคืนก่อนเกิดเหตุผมทะเลาะกับลูกสะใภ้และภรรยา เลยนั่งกินเหล้าจนเช้า รอจนกระทั่งเห็นดาบวสันต์ขับรถมาจอดหลังป้อม จึงไปหยิบปืนลูกซองสั้นเดินมาหาดาบวสันต์ที่กำลังนั่งเล่นอยู่ข้างป้อม เมื่อเจอกันดาบวสันต์วิ่งหนีไปหลังป้อม ผมวิ่งตามไปทันจึงยิงใส่ 1 นัดเข้าท้ายทอยแล้วจึงพยายามหลบหนีแต่ก็ถูกจับกุมจนได้" นายบุญยิ่ง กล่าวทิ้งท้าย

คดีนี้ผู้การฯ เรวัช ยกให้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ คนร้ายก่อเหตุขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่ จึงสั่งพนักงานสอบสวนเร่งสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด

การจากไปของด.ต.วสันต์ สร้างความเศร้าใจให้เพื่อนตำรวจโรงพักพนมทวนยิ่งนัก เพราะนายดาบตำรวจวสันต์นับเป็นตำรวจที่ทำงานดีคนหนึ่ง และเป็นที่รักของเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกคน

ไม่น่ามาจากไปเพราะเรื่องแบบนี้!!?

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์