ได้ ´เก๋งแดง´ ฆ่า สวป.

ยึดรถเก๋งที่คนร้ายใช้ก่อเหตุได้แล้ว


คดีสังหาร พ.ต.ต.กิติศักดิ์ สถิตพานิช ช่วยราชการ สวป.สภ.อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา บนถนนสายเอเชียหน้าเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจสามารถติดตามยึดรถเก๋งที่คนร้ายใช้ก่อเหตุได้แล้ว หลังพบหลักฐานสำคัญว่ากลุ่มมือปืนรายนี้สังกัดในซุ้มของข้าราชการหน่วยงานแห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ และเป็นแก๊งเดียวกับที่ฆ่านายสนม เสมอภักดิ์ สมาชิก อบต.คลองสะแก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา

รถคันดังกล่าวหลังเกิดเหตุคนร้ายฆ่า


โดยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 ส.ค. พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผกก.สส.ภ.1 พร้อมกำลังตำรวจ เดินทางไปที่อู่ซ่อมรถยนต์ชื่อ อู่กมล เลขที่ 20/3 หมู่ 4 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อหาเบาะแสรถยนต์ของคนร้าย โดยเรียกนายกมล หรือแก๊ป ยุวภาควิน อายุ 42 ปี เจ้าของอู่มาสอบถาม ได้รับการยืนยันว่า เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้ทำสีรถยนต์ให้กับลูกค้ารายหนึ่งชื่อ นายสุชาติ คงสมแก้ว อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 9/4 หมู่ 1 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
เป็นรถมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีแดง ทะเบียน กท 2549 นนทบุรี พ.ต.อ.พีระพงศ์จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศุภกร จันทร์บุตร รอง ผกก.สส.ภ.1 ตรวจสอบ กระทั่งได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถคันดังกล่าวหลังเกิดเหตุคนร้ายฆ่า พ.ต.ต.กิติศักดิ์ ทางตำรวจ สภ.อ.อุทัยได้ยึดรถไปเก็บไว้ที่หน้าโรงพัก ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. โดยไม่มีการตรวจสอบใดๆ จนกระทั่งนายสุชาตินำหลักฐานการเป็นเจ้าของรถไปแสดงขอรับรถกลับคืนไปแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 ส.ค.

จากจุดเกิดเหตุคนร้าย ก่อเหตุ


หลังทราบข้อมูล พ.ต.ท.ศุภกรจึงขอหมายศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจค้นบ้านของนายสุชาติทันที เป็นบ้านยกพื้นสูงห่างจากจุดเกิดเหตุคนร้ายยิง พ.ต.ต.กิติศักดิ์ประมาณ 3 กม. พบรถคันดังกล่าวจอดอยู่หน้าบ้าน ติดป้ายทะเบียน กจ 9596 พระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบปรากฏว่า เป็นป้ายทะเบียนปลอม ส่วนกระจกหลังมีร่องรอยเปลี่ยนใหม่ ไฟท้ายมีรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนแตกทะลุซุ้มล้อ ฝากระโปรงหลังด้านซ้ายมีรอยถูกยิงจนบุบ ภายในรถยังพบเศษกระจกมีรอยคราบเลือด เบาะนั่งคนขับ หัวเกียร์และพื้นวางเท้ามีรอยคราบเลือด และร่องรอยการล้างทำความสะอาด ตำรวจเชื่อว่าน่าจะเป็นรถคันเดียวกันกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.กิติศักดิ์ จึงได้อายัดรถคันดังกล่าวไปตรวจสอบพร้อมกับนำตัวนายสุชาติไปสอบปากคำ โดยมี พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชนินทร์ ปรีชาหาญ รอง ผบช.ภ.1 รับรายงานเดินทางไปร่วมสอบสวน

ตำรวจสันนิษฐานว่า.....


เบื้องต้นนายสุชาติให้การอ้างไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ ส่วนรถคันดังกล่าวเช่าซื้อมาจากเต็นท์รถมือ 2 แห่งหนึ่งใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ 3 เดือนก่อน ในวงเงินร่วม 2 แสนบาท โดยมีผู้มีพระคุณคนหนึ่งเป็นคนออกเงินดาวน์ให้จำนวน 45,000 บาท จากนั้นนำมาให้ลูกค้าเช่าขับ คืนเกิดเหตุมีลูกค้าคนหนึ่งขอเช่าไปขับ
แต่นายสุชาติไม่ยอมบอกว่าคนที่เช่าชื่ออะไร และเมื่อถูกสอบเค้นหนักเข้านายสุชาติกลับคำให้การอ้างว่า คืนเกิดเหตุขับรถพาภรรยาไปรับประทานอาหารในตลาดแกรนด์ ซึ่งคำให้การของนายสุชาติตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อจึงควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หลักฐานโดยเฉพาะรอยกระสุนและคราบเลือดที่พบภายในรถยนต์รวมทั้งพยานแวดล้อม เมื่อนำมาประมวลเข้าด้วยกันตำรวจสันนิษฐานว่าขณะเกิดเหตุคนร้ายอาจจะถูกกระสุนปืนของ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ได้รับบาดเจ็บไปเช่นกัน หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายได้นำรถไปล้างทำความสะอาดคราบเลือดแล้วเปลี่ยนกระจกหลังรถ เพื่อทำลายหลักฐาน กระทั่งถูกตำรวจตามอายัดเอาไว้ได้ ซึ่งตำรวจจะได้ประสานตำรวจกองวิทยาการตรวจสอบหาหลักฐาน คาดว่าการจับกุมนายสุชาติครั้งนี้เป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การคลี่คลายคดี

ในช่วงสายวันเดียวกัน


พ.ต.อ.กมล ปั้นศิริ ผกก.สภ.อ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ว่า เมื่อคืนวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะขับรถเก๋งมิตซูบิชิ แชมป์ ผ่านมาถึงหน้าโรงแรมกรุงศรีริเวอร์ เชิงสะพานปรีดีธำรงค์ ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยา มีคนร้ายใช้รถเก๋งมิตซูบิชิแลนเซอร์ สีแดง เป็นพาหนะขับตามประกบยิงหลายนัด แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บมีเพียงตัวรถได้รับความเสียหาย เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นแก๊งเดียวกับที่ยิง พ.ต.ต.กิติศักดิ์ เนื่องจากรถยนต์ที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุลักษณะคล้ายกัน พ.ต.อ.กมลจึงประสาน พ.ต.อ.วินิจ ตันติวงศ์ ผกก.วท.เขต 12 (พระนครศรีอยุธยา) พ.ต.ท.ฤทธิรงค์ บุณยะกาญจน์ สว.วท.เขต 12 นำกำลังตำรวจกองวิทยาการกว่า 30 นาย พร้อมเครื่องมือตรวจจับวัตถุเข้าตรวจสอบ แต่ไม่พบหลักฐานใดๆ จึงถอนกำลังกลับ

ตำรวจระดมกำลังกว่า 200 นาย


มีรายงานว่า วันเดียวกัน ตำรวจได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าเป็นแหล่งกบดานของคนร้ายในคดีฆ่า พ.ต.ต. กิติศักดิ์ รวม 13 จุด ประกอบด้วยพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา 3 จุด อ.เสนา 3 จุด อ.วังน้อย 2 จุด อ.อุทัย 2 จุด อ.บางบาล 2 จุด และ อ.ลาดบัวหลวง 1 จุด โดยตำรวจระดมกำลังกว่า 200 นาย เข้าตรวจค้นพร้อมกันทุกจุดในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 18 ส.ค. นอกจากนี้ เมื่อเวลา14.30 น. นางบุญมี สถิตพานิช พร้อม พ.ต.อ.มาโนช สถิตพานิช รอง ผบก.อก.ภ.1 แม่และพี่ชายของ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอรับทรัพย์สินของ พ.ต.ต.กิติศักดิ์คืน ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น กระเป๋าเงิน 1 ใบ และรถเก๋งโตโยต้าสีน้ำเงิน 1 คัน โดยนางบุญมีกล่าวว่า ได้เช่าเรือนำอัฐิของลูกชายไปลอยอังคารที่แม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดพนัญเชิงวรมหาวิหาร อีกส่วนจะนำไปเก็บไว้ ที่วัดหลวงพ่อพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก

ผู้ต้องสงสัย


สำหรับนายสุชาติผู้ต้องสงสัยภายหลังตำรวจนำตัวไปสอบนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน ตำรวจปล่อยตัวออกมา แต่ยังคงอายัดรถเก๋งไว้ ตรวจสอบ โดยนายสุชาติกล่าวอีกว่า ตำรวจนำตัวไปสอบ สวนถึงที่มาของรถและรอยกระสุน ซึ่งตนได้ให้การไปตามความเป็นจริงว่า ขณะไปซื้อรถดื่มสุราเมาจึงไม่ได้สังเกต มาทราบอีกทีว่ากระโปรงหลังรถมีรอยกระสุนปืน สอบถามเจ้าของคนเก่าทราบว่ารถเคยถูกยิงมาก่อน คืนวันเกิดเหตุ พาภรรยาไปกินข้าวต้มที่ตลาดแกรนด์ กลับเข้าบ้านช่วงดึก ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวแต่อย่างใด


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์