ตรวจดีเอ็นเอ 2 ครูคดีข่มขืน

"วิจารณ์ไม่เหมาะสม"


บานปลายไปกันใหญ่ สำหรับคดีอื้อฉาวกระเทือนวงการศึกษา กรณี 2 ครูโรงเรียนประชานุกูล ย่านสายไหม บางเขน ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัด กทม. ที่ถูกผู้ปกครองเด็กนักเรียนวัย 8 ขวบ ในโรงเรียนรวม 5 ราย กล่าวหาว่าข่มขืนและกระทำอนาจาร มีการร้องเรียนไปยังนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต่อมาตำรวจ บก.ปดส. โดย พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส.

ได้จับกุมตัวครูทั้ง 2 คน คือนายลอน โสรกนิษฐ์ และนายพิมล ซุ่นศรี 2 ครูระดับ 7 ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนหญิง ขณะเดียวกัน ทางโรงเรียนกลับจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญครูทั้ง 2 คนที่ถูกกล่าวหาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ เหมาะสมนั้น


"นำส่งตรวจดีเอ็นเอ"


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ส.ค. นายลอน โสรกนิษฐ์ อายุ 58 ปี และนายพิมล ซุ่นศรี 2 ครูที่ถูกกล่าวหา พร้อมด้วยนายกิ่งแก้ว โยมเมือง ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พงส.(สบ.2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ปดส. ตามหมายเรียกเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และนำตัวส่งไปตรวจดีเอ็นเอ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานในสำนวนคดี

ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน นายลอนเผยว่า ยังงงอยู่ว่าเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร ไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ เบื้องหลังหรือไม่ และที่ถูกกระทำเช่นนี้เพราะอะไร รู้สึกมืดแปดด้านเมื่อตกเป็นผู้ต้องหา ถูกกระแสสังคมกดดันมาก ไปไหนมาไหนไม่ได้ต้องอยู่แต่ที่บ้าน ไม่กล้าออกไปแม้กระทั่งตลาด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะขอต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ขณะเดียวกัน หลังจากที่มีการบายศรีสู่ขวัญที่โรงเรียนเมื่อวันที่ 15 ส.ค. รู้สึกดีขึ้นบ้าง


"โชว์ภาพถ่าย"


ส่วนกรณีที่มีมือดีนำใบปลิวกล่าวหานางปวีณา และ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ไปแจกจ่ายที่โรงเรียนนั้น ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร แต่ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อยากเรียกร้องให้ครูที่จังหวัดสระบุรี ที่เคยถูกมูลนิธิปวีณาฯแจ้งความดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน เมื่อ 3 ปีก่อน ออกมาเปิดเผยความจริงต่อสังคม เพราะในคดีนั้น ทราบว่าผู้ต้องหาที่แท้จริงคือพ่อเลี้ยงของเด็ก ทำให้ศาลพิพากษายกฟ้องครูคนดังกล่าว

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายลอนได้นำภาพถ่ายงานศพลูกสาว ที่มีภาพนางปวีณา หงสกุล มาเป็นประธานฟังสวดพระอภิธรรมศพในคืนหนึ่ง และมีนายลอนนั่งอยู่ ข้างนางปวีณา มาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงกรณีที่นางปวีณาให้สัมภาษณ์อ้างว่าไม่เคยรู้จักกับนายลอน โดยนายลอนกล่าวว่า ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าตนรู้จักกับนางปวีณา ที่ผ่านมาเคยร่วมงานภายในชุมชนด้วยกันหลายครั้ง


"เรียกร้องให้พิสูจน์ในชั้นศาล"


ด้านนายกิ่งแก้ว ทนายความ กล่าวว่า ได้นำผู้ ต้องหาทั้ง 2 มาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดหมายไว้ แต่จะยื่นหนังสือขอเลื่อนการตรวจพิสูจน์ออกไปก่อนเนื่องจากผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตรวจพิสูจน์ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหา นอกจากนี้ ยังเตรียมทำเรื่องถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนด้วย

ส่วนที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติมนั้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนพร้อมที่จะเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หรือข้อกล่าวหาใหม่ในทันที เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้มีการพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีนี้ในชั้นศาลเท่านั้น หากผู้ใดออกมาให้ข่าวพาดพิงถึงผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้ได้รับความเสียหายจะฟ้องร้องเป็นรายๆไป เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ


"ย่าผู้เสียหายโกรธจัด"


อย่างไรก็ตาม ก่อนผู้ต้องหาทั้งสองจะขึ้นไปยังอาคาร ปดส. ได้มีย่าของเด็กผู้เสียหายรายล่าสุด ซึ่งเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกัน มีอาการโกรธแค้น เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับนายลอนพร้อมกับถามว่า ชื่อครูลอนใช่หรือเปล่า เมื่อนายลอนตอบว่าใช่ หญิงดังกล่าวทำท่าจะทำร้ายนายลอน ทำให้นายกิ่งแก้ว ทนายความ ต้องเอาตัวเข้ากัน ส่วนนายลอนเดินถอยหลังไปพร้อมกับบอกว่า มีอะไรก็ให้คุยกันดีๆ จากนั้นนายกิ่งแก้วพยายามพานายลอนเดินเข้าไปในอาคาร เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

แต่ย่าของเด็กก็ยังตรงเข้าไปหานายลอน พร้อมกับพูดจาด่าทอนายลอน หลังต่อว่านายลอนแล้ว หญิงดังกล่าวซึ่งถือกระเป๋าใบเล็กอยู่ที่มือขวา ก็เกิดอารมณ์โกรธจัดเหวี่ยงกระเป๋าฟาดหัวนายลอน แต่ทนายความกันไว้ได้จนเกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบเข้ามาห้ามปรามและแยกทั้งคู่ออกจากกัน จากนั้นนายลอนและนายพิมลได้เข้าพบพนักงานสอบสวนและยื่นหนังสือขอเลื่อนการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งพนักงานสอบสวน พิจารณาแล้วอนุญาตให้เดินทางกลับได้


"ศาลพิจารณาให้ยกคำร้อง"


ทางด้านผู้ปกครองเด็กผู้เสียหายทั้งหมด ได้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนในวันเดียวกันนี้ โดยผู้ปกครองเด็กผู้เสียหายทั้งหมดยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการให้พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้พิจารณาถอนประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์มาข่มขู่ผู้ปกครองทุกรายว่า ให้เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ เมื่อตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.เข้ามาแล้วพบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ตู้สาธารณะภายในชุมชนดังกล่าว

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ศาลอาญา นายลอนและนายพิมล พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำสั่งที่ได้ยื่นคำร้องไว้เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ขอให้ศาลมีคำสั่งแจ้งให้ พนักงานสอบสวน ให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตรวจร่างกายผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แทนการตรวจร่างกายที่สถาบันนิติเวช ศาลพิเคราะห์ คำร้องแล้วเห็นควรให้ผู้ต้องหาทั้งคู่ ดำเนินการตามช่องทางต่อพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวต่อไป จึงให้ยกคำร้อง


"ส่งทีมประสานการสอนเยียวยาจิตใจเด็ก"


หลังจากศาลมีคำสั่ง นายกิ่งแก้ว โยมเมือง ทนายความของ 2 ผู้ต้องหากล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ตนและผู้ต้องหาจะกลับไปพิจารณากับทีมกฎหมายใหม่อีกครั้งว่าจะยื่นหนังสือให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์เป็นผู้ตรวจพิสูจน์โดยตรง หรือจะกลับไปยื่นคำร้องต่อพนักงานสอบสวน เพราะผู้ต้องหาทั้งคู่ยินยอมที่จะตรวจร่างกาย แต่ขอให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์เป็นผู้ตรวจ เนื่องจากเป็นคนกลางและไม่มั่นใจต่อกระบวนการสืบสวนของพนักงานสอบสวน บก.ปดส.และมูลนิธิปวีณาฯ ขณะนี้ผู้ต้องหาและทีมกฎหมายกำลังหารือเตรียมยื่นหนังสือขอให้มีการพิจารณาเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนต่อไปด้วย

วันเดียวกัน นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัด กทม. แถลงว่า กทม.ได้จัดทีมสหวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วยนักจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์ เข้าไปประสานกับมูลนิธิปวีณาฯ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือเยียวยาจิตใจเด็ก โดยการทำงานนี้ไม่เกี่ยวกับรูปคดีใดๆทั้งสิ้น ส่วนมาตรการดูแลเด็กในระยะสั้นนั้น จะส่งทีมเข้าไปประสานเพื่อให้จัดการเรียนการสอนเป็นกรณีพิเศษ อาจจะสอนที่อื่นที่ไม่ใช่โรงเรียน ส่วนในระยะยาวจะประสานกับผู้ปกครองของเด็กว่ามีความประสงค์จะย้ายที่เรียนหรือไม่ หากย้ายไปในโรงเรียนสังกัด กทม.หรือกระทรวงศึกษา


"ตำหนิจัดบายศรีไม่เหมาะสม"


ก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ส่วนจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญครูที่โรงเรียนนั้น ครูใหญ่ไม่ได้หารือเรื่องนี้เลย ได้ตำหนิครูใหญ่ไปแล้วว่าไม่เหมาะสม เพราะจะทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และสร้างความกดดันให้กับผู้ปกครองเด็ก

อีกด้านที่ บก.ปดส. นางปวีณา หงสกุล ได้เปิดแถลงข่าวกรณีรองผู้ว่า กทม.เรียกร้องให้มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ที่ห้ามไม่ให้เปิดเผยชื่อสกุลหรือข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเด็ก ผู้ปกครอง รวมถึงการควบคุมดูแลเด็กผู้เสียหายว่า มูลนิธิฯได้รับการร้องขอจากผู้ปกครองของเด็กให้ช่วยเหลือเด็กที่ถูกกระทำ เพราะฉะนั้นมูลนิธิฯไม่ได้แยกเด็กออกจากครอบครัวโดยมิชอบ แต่ผู้ปกครองเต็มใจให้อยู่ในความอุปการะดูแลเพื่อให้เกิดความปลอดภัย หากผู้ปกครองไม่ยินยอม


"ให้ข่าวลักษณะคุ้มครองเด็ก"


มูลนิธิฯก็ไม่มีอำนาจนำเด็กมาดูแลได้ ส่วนเรื่องการเผยแพร่ภาพผ่านสื่อมวลชนหรือข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเด็กนั้น ขอเรียนว่าไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเด็กหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องในเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณแก่ตัวแต่อย่างใด แต่ข่าวที่ออกไปเป็นลักษณะปกป้องคุ้มครองเด็ก ซึ่งเป็นการคำนึงถึงประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ

นางปวีณากล่าวว่า กรณีที่ กทม.ต้องการส่งเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมประชุมด้วย มูลนิธิฯมีความยินดีและเต็มใจยิ่งที่ได้ร่วมงานกัน โดยวันที่ 17 ส.ค. จะมีการประชุมสหวิชาชีพ มีการเชิญตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตัวแทนกระทรวงศึกษาธิการและตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุมหาแนวทางการคุ้มครอง เด็ก และแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในการช่วยเหลือเด็กในแต่ละด้าน เช่น การศึกษา การฟื้นฟูสภาพจิตใจ เป็นต้น


"ไม่กลัวฟ้องกลับ วอนเห็นประโยชน์ของเด็กดีกว่า"


ส่วนกรณีที่นายลอน 1 ในผู้ต้องหา นำภาพถ่ายงานศพที่มีนางปวีณานั่งเป็นประธานอยู่ใกล้ๆนายลอนมาตอบโต้ว่า รู้จักกับนางปวีณามาก่อนนั้น นางปวีณากล่าวยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักครูทั้งสองเป็นการส่วนตัว เพราะครูในพื้นที่มีเป็นร้อยเป็นพัน จึงขอเรียนว่า ตนมีตำแหน่งเป็น ส.ส.มานาน ย่อมมีประชาชนรู้จักเป็นธรรมดา ใครๆก็ขอถ่ายรูปกับนางปวีณาเหมือนกันหมด ดังนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น ขอให้ไปต่อสู้กันในชั้นศาล โดยตนจะขอสู้คดีจนถึงที่สุด

ส่วนการที่ผู้ต้องหาทั้งคู่ ฟ้องกลับนั้น ก็ยินดี เพราะถือว่าให้ตนเจ็บเสียดีกว่าให้เด็กเจ็บ ถ้าตนไม่ทำแล้วใครจะทำ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นประโยชน์ของเด็กมากกว่าประโยชน์ของตัวเองขอเรียนอีกครั้งว่าการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย อย่าพยายามมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ เพราะสังคมรู้อยู่แล้วว่าอะไรผิดถูก


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์