จ่อยิงแสกหน้า ดับสวป.ตงฉิน

"โดนเข้าไปสามนัด"


เมื่อเวลา 04.30 น.วันที่ 10 ส.ค. พ.ต.ท.ไพฑูรย์ อยู่พะเนียด สารวัตรเวร สภ.อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงบนถนนสายเอเชีย หน้าเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมู่ 3 ต.หันตรา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.วราวุธ พุกประยูร ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.พิชัย พูนพล รอง ผบก.ภ.จ. พ.ต.อ.กมล ปั้นศิริ ผกก. ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าโคโรลล่า สีเขียว ทะเบียน ฐม 5423 กรุงเทพมหานคร

จอดติดเครื่องยนต์อยู่ริมถนน ตรงพื้นถนนหน้ารถพบเลือดกองใหญ่ ปลอกกระสุนปืน 11 มม. 9 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ สถิตพานิช อายุ 38 ปี ตำแหน่งสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยาและเป็นน้องชายของ พ.ต.อ.มาโนชญ์ สถิตพานิช รอง ผบก.อก.บช.ภ.1 มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าแสกหน้า 1 นัด ลำคอ 1 นัด ชายโครงซ้ายทะลุปอด 1 นัด เสียชีวิตเวลาต่อมา


"แฟรงค์รัชดา"


พ.ต.อ.อดิศักดิ์ น้อยประเสริฐ ผกก.สภ.อ.อุทัย เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมผู้ตายนำกำลังตำรวจออกตั้งจุดตรวจบนถนนบริเวณหน้าตลาดแกรนด์ ต.ธนู อ.อุทัย ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการปราบปรามของผิดกฎหมาย ระหว่างนั้นมีนายธราธร ทับทิมทอง หรือฉายา แฟรงค์รัชดา อายุ 40 ปี กำนันตำบลลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารชื่อ วังกุ้งใหญ่ ใน อ.วังน้อย ซึ่งเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ ขับรถเก๋งผ่านมาพอดี พ.ต.ต.กิติศักดิ์จึงเรียกตรวจค้น พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.

ไม่มีใบอนุญาตพกพาจึงจับกุม ทำให้นายธราธรแสดงความไม่พอใจ เกิดการโต้เถียงกันรุนแรง พร้อมกันนี้นายธราธรโทรศัพท์ไปเรียกพรรคพวกประมาณ 5-6 คน ที่นั่งดื่มกินอยู่ที่ร้านข้าวต้มในตลาดละแวกใกล้เคียงมาช่วยเจรจาให้ปล่อยตัว แต่ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ไม่ยอม ยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน พรรคพวกของนายธราธรยังโทรศัพท์ไปหาพรรคพวกย่านรัชดาฯ กทม. ให้ช่วยเคลียร์อีกแรงแต่ก็ไม่เป็นผล พร้อมกันนี้ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ได้ควบคุมตัวนายธราธรไปโรงพักตั้งข้อหาดำเนินคดี หลังจากนั้น พ.ต.ต.กิติศักดิ์ได้แยกตัวขับรถกลับที่พักโรงแรมปลายนารีสอร์ต ต.ข้าวเม่า อ.อุทัย กระทั่งมาทราบถูกยิงเสียชีวิต รู้สึกเสียใจ เพราะเป็นนายตำรวจมือดี


"ยิงขึ้นฟ้าขู่ ก่อนไป"


ขณะเดียวกัน ตำรวจสอบปากคำนายมาโนช ธนะรัตน์ อายุ 25 ปี พนักงานดับเพลิง อบต.ธนู ให้การว่าขณะเกิดเหตุขับรถผ่านมาตามถนนสายดังกล่าวถึงหน้าเรือนจำ พบตำรวจถูกยิงเสียชีวิต จึงเข้าไปดู จำได้ว่าคือ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ถูกยิงนอนหงายหายใจรวยรินในชุดเครื่องแบบตำรวจ มือขวากำปืนขนาด 11 มม.ไว้แน่น โดยมีวิทยุสื่อสารตกอยู่ข้างตัว จึงช่วยเหลือนำส่ง รพ. นอกจากนี้ยังพบรถเก๋งมิตซูบิชิ แลนด์เซอร์ สีแดง ไม่ทราบทะเบียนขับออกไปจากที่เกิดเหตุ พร้อมกับยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด คาดว่าน่าจะเป็นมือปืนที่ก่อเหตุ

ขณะที่พยานอีกรายให้การเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ พ.ต.ต.กิติศักดิ์นำนายธราธรส่งโรงพักจึงได้ขอตัวกลับที่พัก ระหว่างนั้นมีพรรคพวกของนายธราธรคนหนึ่งจำได้ว่าเป็นคนมีสี สังกัดแก๊งมาเฟียย่านรัชดาฯ กทม. ตะโกนถาม พ.ต.ต.กิติศักดิ์ว่า ไอ้น้องพักที่ไหน ไม่นอนโรงพักหรือ พ.ต.ต.กิติศักดิ์จึงตอบกลับไปด้วยความซื่อว่า ผมเพิ่งย้ายมาใหม่ 1 เดือน ยังไม่มีที่พัก ต้องเช่าโรงแรมปลายนารีสอร์ตอยู่ชั่วคราวครับ ก่อนที่ พ.ต.ต.กิติศักดิ์จะขับรถเก๋งออกจากโรงพักไปพบจุดจบ


"โกรธแค้นแทนลูกพี่"


จากคำให้การของพยานรวมทั้งพยานแวดล้อมที่พบในที่เกิดเหตุ ตำรวจประมวลเหตุการณ์เข้าด้วยกันแล้วลงความเห็นว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนใกล้ชิดนายธราธร โกรธแค้นแทนลูกพี่ที่ถูก พ.ต.ต.กิติศักดิ์จับกุมแบบไม่ไว้หน้า เมื่อทราบว่า พ.ต.ต.กิติศักดิ์ขับรถกลับที่พักคนเดียวโดยใช้เส้นทางดังกล่าว จึงขับรถไล่ตามไปทันกันที่หน้าเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ เรียกให้ พ.ต.ต.กิติศักดิ์หยุดรถลงไปพูดคุยแต่ไม่ สามารถตกลงกันได้ คนร้ายจึงชักปืนออกมากระหน่ำยิงอย่างเหี้ยมโหด แต่ด้วยสัญชาตญาณนายตำรวจมือปราบ

พ.ต.ต.กิติศักดิ์ได้ชักปืนออกมายิงสู้คนร้าย คาดว่าคงถูกคนร้ายได้รับบาดเจ็บไปเช่นเดียวกัน โดยหลังเกิดเหตุตำรวจได้กระจายกำลังกันออกติดตามคนร้าย คาดว่าอาจจะหลบหนีไปกบดานอยู่ในความคุ้มครองของแก๊งมีสีมาเฟียย่านรัชดาฯ กทม. ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจเชื่อว่านายธราธรอาจไม่มีส่วนรู้เห็น เนื่องจากช่วงเกิดเหตุถูกจับกุมอยู่บนโรงพัก และใช้ตำแหน่งประกันตัวออกไปในตอนเช้าวันเดียวกัน


"เรียกประชุมสายสืบกว่า 200 นาย"


ต่อมาวันเดียวกัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชนินทร์ ปรีชาหาญ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ โชติมา รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วราวุธ พุกประยูร ผบก.ภ.จ. พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าเรือนจำ จากนั้นได้เรียกตัวนายมาโนช ธนะรัตน์ พยานที่ขับรถผ่านมาพบ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ถูกยิงไปสอบปากคำ โดยขอใช้สถานที่ในเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่สอบปากคำ ใช้เวลานานกว่า 30 นาที ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เรียกประชุมนายตำรวจระดับ หน.สถานี และชุดสายสืบกว่า 200 นาย

ก่อนจะแบ่งสายแยกย้ายกันออกตามล่าคนร้าย โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวว่า ในชั้นต้นได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือขณะผู้ตายขับรถกลับที่พักอาจจะพบกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัย จึงลงไปตรวจค้นและถูกยิง ส่วนประเด็นที่สองคนร้ายอาจจะขับรถตามหลังปาดหน้าให้จอดเพื่อพูดคุย แต่ไม่สามารถตกลงกันได้จึงเกิดการยิงกันขึ้น เพราะลักษณะรถยนต์ของผู้ตายยังจอดติดเครื่องยนต์และเปิดไฟหน้า ส่วนจะเกี่ยวโยงกับคดีจับนายธราธรหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายเร่งด่วนแล้ว โดยให้ตำรวจกองปราบปราม มาร่วมทำคดีด้วย


"ประวัติมือปราบ"


สำหรับประวัติของ พ.ต.ต.กิติศักดิ์เป็นชาว จ.พิษณุโลก จบจากโรงเรียนพลตำรวจบางเขนเมื่อปี 2532 รับราชการครั้งแรกในตำแหน่ง ผบ.หมู่หน่วยปราบจลาจล ก่อนจะย้ายไปเป็นตำรวจจราจร สน.พระราชวัง ในปี 2535 สอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน (นรต.รุ่น 49) หลังจบถูกส่งไปเป็นรองสารวัตร สภ.อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ จนกระทั่งปี 2539 ย้ายไปเป็นรองสารวัตรจราจร สภ.อ.เมืองนนทบุรี ต่อมาในปี 2546 ย้ายไปเป็น สวป.สภ.อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะย้ายไปเป็น สวป.สภ.อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2549 ที่ผ่านมา โดยระหว่างที่ย้ายมาอยู่ สภ.อ.อุทัย พ.ต.ต.กิติศักดิ์นำกำลังตำรวจออกกวาดล้าง โดยเฉพาะบรรดารถซิ่งจนราบคาบ สำหรับศพ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ตั้งสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดเสนาสนาราม ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา และจะมีพิธีรดน้ำศพในช่วงเย็นวันเดียวกัน


"สั่งชุดเฉพาะกิจ ตามจับให้ได้"


ทางด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เปิดเผยในเรื่องเดียวกันว่าได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผบช.ภ.1 จัดชุดเข้าไปสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงอย่างมากที่คนร้ายยิงตำรวจในเครื่องแบบเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้จัดชุดเฉพาะกิจของ บช.ภ.1 เข้าไปในพื้นที่ จ.พระนคร-ศรีอยุธยา เพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดีอุกฉกรรจ์ค้างเก่า และกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้างในพื้นที่ เนื่องจากมีคดีอาชญากรรมเกิดถี่มาก รู้สึกเสียดายต่อการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ ผู้ตายเองเป็นนายตำรวจมีความตั้งใจ เข้มแข็งในการทำงาน เป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชา

ปกติคนธรรมดาเมื่อพบตำรวจในเครื่องแบบคงไม่ทำอะไร ไม่ยิงต่อสู้ แต่กรณีดังกล่าวเป็นการยิงตำรวจในเครื่องแบบ เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเอาตัวมาดำเนินคดีให้ได้


"ปูนบำเหน็จ เป็น พล.ต.อ."


ส่วนบรรยากาศที่วัดเสนาสนาราม ต.หัวรอ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ตั้งศพ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ ช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผช.ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงาน โดย พล.ต.ท.อชิรวิทย์เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจ เพราะ พ.ต.ต. กิติศักดิ์ถือเป็นนายตำรวจมือดีคนหนึ่ง เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงปูนบำเหน็จ 5 ขั้น 7 ชั้นยศ เป็น พล.ต.อ. พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ ครอบครัวเบื้องต้นจำนวน 2 แสนบาท


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์