ดช.เล่นถ่านไฟฉาย-บึมใส่ไส้ทะลัก

สลดเด็กชาย 9 ขวบเล่นซุกซนนำเอาถ่านไฟฉายมาต่อเล่นกับสายไฟแล้วเกิดระเบิดตูมใส่ลำตัว ไส้ทะลัก

แม่พยายามอุ้มขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาลแต่แพทย์สุดปัญญาจะยื้อชีวิตได้ สิ้นใจตายอนาถ ด้านตำรวจเผยยังสรุปสาเหตุไม่ได้ต้องรอผลพิสูจน์จากนิติเวชก่อน
เตือนพ่อ-แม่ระวังบุตรหลานอย่าให้เล่นถ่านไฟฉายหรือแบตเตอรี่โทรศัพท์

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 10 เม.ย. ร.ต.ท.คงเทพ บุญนาค ร้อยเวร สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากแพทย์ว่า

มีเด็กชายได้รับอุบัติเหตุมาเสียชีวิตที่ร.พ.นครพนม จึงรุดไปสอบสวน พบแพทย์และพยาบาลกำลังช่วยกันตกแต่งบาดแผลให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ทราบชื่อภายหลังคือ ด.ช.ธนัทชัย อรรคนิตย์ อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป. 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ธาตุพนม

ขณะที่นางปรีดา อรรคนิตย์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 355 ถนนพนมพนารักษ์ หมู่ 2 ต.ธาตุพนมเหนือ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ยืนร่ำไห้รอให้การว่า
 
เมื่อเวลา 12.30 น.วันเดียวกัน ขณะที่ตนและญาติรวม 6-7 คนกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้าน ส่วนด.ช.ธนัทชัยลูกชายได้นำถ่านไฟฉายออกมาเล่นในห้องโถงซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 6-8 เมตร สักพักได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังตูมสนั่น จึงรีบอุ้มร่างที่โชกเลือดของลูกชายนำส่ง ร.พ.นครพนม จนกระทั่งทนพิษบาดบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา

นางปรีดากล่าวว่า

ปกติบุตรชายจะเป็นเด็กที่ซุกซน ชอบนำเอาของเล่นมาทุบแกะเอาชิ้นส่วนของมอเตอร์และถ่านอยู่เสมอ ในช่วงเกิดเหตุ ด.ช.ธนัทชัยนำเอาถ่านไฟฉายสีเขียว ยี่ห้อหนึ่ง ขนาด 2 เอ 1.5 โวลต์ จำนวน 2 ก้อนที่ตนซื้อมาซ่อนไว้บนหลังตู้กับข้าว เพื่อจะรอเปลี่ยนใส่นาฬิกาห้อยติดฝาผนัง
ขณะที่ลูกชายนำเอาถ่านยี่ห้อดังกล่าวมาต่อกับสายไฟสีขาว-แดง 1 คู่ ยาวประมาณ 20 ซ.ม. แล้วฉีกปลายสายไฟออก ก่อนนำไปต่อเข้ากับขั้วบวกและขั้วลบ กระทั่งได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นบ้านดังกล่าว

แม่ของด.ช.วัย 9 ขวบกล่าวต่อว่า

ขณะนั่งมากับรถพยาบาลของ ร.พ.ธาตุพนม เพื่อนำตัวลูกชายส่งมารักษาตัวที่ ร.พ.นครพนม
ก็ยังพูดคุยกันเป็นปกติ แต่มีเลือดยังไหลไม่หยุด และเห็นไส้ทะลักบริเวณหน้าท้องมีบาดแผลฉกรรจ์ เป็นรูเล็กๆ หลายจุดคล้ายสะเก็ดระเบิด ส่วนที่แขนซ้ายมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด

ด้าน ร.ต.ท.คงเทพกล่าวว่า
 
เบื้องต้นแพทย์ยังไม่สามารถลงความเห็นว่าการเสียชีวิตเกิดจากสาเหตุอะไร ต้องรอผลการชันสูตรอย่างละเอียดจากนิติเวชอีกครั้งภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม อยากจะขอฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองว่า ในช่วงปิดภาคเรียนควรดูแลเด็กใกล้ชิด ไม่ควรให้เด็กนำสิ่งของอิเล็กทรอนิกส์ออกมาเล่น ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์แบตเตอรี่มือถือระเบิดเป็นอุทาหรณ์มาแล้ว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์