ฆ่าเปลือยม่ายสาว 18

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 23 มี.ค. พ.ต.ท.ประสาท ฤทธิแสง สารวัตรเวร สภ.สว่าง จ.ร้อยเอ็ด

รับแจ้งพบศพถูกฆ่าทิ้งไว้ด้านหลังอาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนบ้านนาสีใส หมู่
3 ต.พรมสวรรค์ อ.โพนทอง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อวยพร รักษาสัตย์ รอง ผบก.ภ.จ.ร้อยเอ็ด พ.ต.ท.มนตรี สิมมา สวญ. และแพทย์เวร รพ.โพนทองเดินทางไปตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณด้านหลังอาคารอเนกประสงค์ ภายในโรงเรียนดังกล่าว พบศพหญิงสาวอายุประมาณ 20-25 ปี นอนหงายขึ้นอืดอยู่บนพื้น สภาพศพสวมเสื้อยืดลายแดง เสื้อชั้นในสีเดียวกัน ส่วนท่อนล่างเปลือยเปล่า มีคราบอสุจิติดอยู่บริเวณอวัยวะเพศจำนวนหนึ่ง พบบาดแผลถูกทุบตีด้วยของแข็งบริเวณใบหน้าและศีรษะจนกะโหลกยุบแทบไม่เหลือเค้าเดิม คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 1-2 วัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าถูกคนร้ายลวงมาขืนใจก่อนทุบหัวฆ่าปิดปาก  

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญนายประภาส สีนาม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 7 บ้านหนองขุ่นใหญ่ ต.หนองขุ่นใหญ่ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งมาแจ้งความที่ สภ.สว่าง

ให้ช่วยตามหา น.ส.ปิยะรัตน์ สีนาม อายุ
18 ปี ลูกสาว ซึ่งออกจากบ้านใน อ.หนองพอก มาหาเพื่อนที่ อ.โพนทอง ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.แล้วหายสาบสูญไปอย่างลึกลับ หลังนายประภาสมาดูศพก็ยืนยันว่าศพดังกล่าวคือ น.ส.ปิยะรัตน์ลูกสาวที่หายตัวไปจริง โดยจำเสื้อที่ผู้ตายสวมใส่ได้อย่างแม่นยำ สำหรับ น.ส.ปิยะรัตน์เคยมีสามีแล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 2 ขวบ ก่อนจะแยกทางกับสามีกลับมาอยู่กับนายประภาส เย็นวันที่ 21 มี.ค. ได้ขออนุญาตออกมาพบ น.ส.รัตติยากร สองพูล อายุ 18 ปี เพื่อนสนิท ทางเจ้าหน้าที่จึงติดตามตัว น.ส.รัตติยากรมาสอบปากคำ

 จากการสอบสวนทราบว่า เย็นวันที่ 21 มี.ค. ผู้ตายมาพบ น.ส.รัตติยากรที่บ้านจริง ซึ่งกำลังตั้งวงกินเหล้า อยู่กับพลทหารบัญชา บุตรพรม อายุ 22 ปี สังกัด ร.11 พัน 1 รอ.เขตบางเขน กทม.

ซึ่งลากลับมาเที่ยวบ้านและนายสุทัศน์ สายเมฆ อายุ
18 ปี เพื่อนของพลทหารบัญชา โดยผู้ตายได้อยู่กินเหล้าร่วมวงจนเวลาประมาณ 19.00 น. พลทหารบัญชาได้ชวนผู้ตายไปเที่ยวงานฉลองบวชนาคที่บ้านนาสีใส หมู่ 3 ต.พรมสวรรค์ อ.โพนทอง เพียงสองต่อสอง โดยขอยืมรถ จยย.ของนายสุทัศน์ขี่ซ้อนท้ายกันออกจากบ้านไป จนกระทั่งเวลา 21.30 น. คืนวันที่ 21 มี.ค. พลทหารบัญชาได้ย้อนกลับมาที่บ้าน น.ส.รัตติยากรเพื่อส่งคืนรถ จยย.ให้กับนายสุทัศน์ น.ส.รัตติยากรสงสัยที่ไม่เห็น น.ส.ปิยะรัตน์กลับมาด้วย จึงสอบถามพลทหารบัญชาระบุว่า น.ส.ปิยะรัตน์กลับไปกับแฟนใหม่แล้ว


ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสุทัศน์ สายเมฆ มาสอบปากคำเป็นคนที่
2 ระบุว่าหลังออกจากบ้าน น.ส.รัตติยากรแล้ว พลทหารบัญชาได้รับสารภาพกับนายสุทัศน์ว่า ฆ่า น.ส.ปิยะรัตน์ไปแล้ว

เพราะฝ่ายหญิงโวยวายเรื่องที่แอบมีความสัมพันธ์กัน และต้องการให้พลทหารบัญชารับผิดชอบ แต่ไม่ยอมบอกว่านำศพไปทิ้งไว้ที่ไหน ก่อนที่พลทหารบัญชาจะหลบหน้าหายไป
หลังทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังไปล้อมจับพลทหารบัญชาได้ที่บ้านใหม่โชคชัย หมู่ 6 ต.วังสามัคคี อ.โพนทอง คุมตัวกลับมาสอบสวนยอมรับสารภาพว่า เคยลักลอบได้เสียกับ น.ส.ปิยะรัตน์ ที่เพิ่งเลิกกับสามีมาใหม่ๆ 1 ครั้ง จากนั้นก็แอบติดต่อกันเรื่อยมา คืนวันเกิดเหตุได้ชวนผู้ตายไปเที่ยวงานฉลองบวชนาคจริง ระหว่างทางได้ชวนผู้ตายแวะร่วมหลับนอนกันจนสำเร็จกิจ 1 ครั้ง ก่อนจะขี่รถ จยย.ผ่านมาถึงโรงเรียนบ้านนาสีใส ก็จอดแวะลักลอบมีเพศสัมพันธ์กันอีก 1 ครั้ง หลังเสร็จกิจได้เอ่ยปากให้ผู้ตายยอมมีเพศสัมพันธ์กับนายสุทัศน์อีกคน เพราะนายสุทัศน์ก็แอบชอบพอผู้ตายเช่นกัน แต่ผู้ตายไม่ยินยอมซ้ำยังด่ากราดแบบไม่ไว้หน้า จึงบันดาลโทสะคว้าไม้หน้าสามฟาดจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กลับมาอยู่บ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงนายสุทัศน์เท่านั้นที่ทราบว่าตนฆ่า น.ส.ปิยะรัตน์ไปแล้ว

 หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวพลทหารบัญชาผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ท่ามกลางไทยมุงและกลุ่มญาติผู้ตายกว่า
200 คน ที่มาเฝ้ารอรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหารายนี้ เจ้าหน้าที่ ตำรวจต้องวางกำลังคุ้มกันผู้ต้องหาอย่างเข้มแข็งใช้เวลานานกว่า 45 นาที จึงเสร็จสิ้น ก่อนจะคุมตัวกลับไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.สว่าง เพื่อรอนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์