โจรย่ามใจต้มหมอซํ้าคืนภาษีได้2แสน

คนร้ายย่ามใจโทร.หาแพทย์หญิง อีก หวังหลอกเอาเงินเพิ่ม หลังจากได้เงินไปแล้วเกือบ 2 แสนบาท โดยอ้างว่าได้เงินภาษีคืน ให้ไปกดรับเงินที่ตู้เอทีเอ็ม

โดยคนร้ายยังโทร.เข้ามา จะให้ แพทย์หญิง ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มใหม่อีกครั้ง แต่แพทย์หญิงไม่เล่นด้วย ตำรวจเสียดายที่ไม่โทร.แจ้ง เพื่อดักจับคนร้ายเผยรายใหม่ เป็นทันตแพทย์หญิง เจอลักษณะเดียวกัน แต่ไหวตัวทัน เลิกเสียก่อนกลางคัน รอดแก๊งอุบาทว์มาได้ ด้านอธิบดีกรมสรรพากร ระบุการส่งเงินภาษีคืนมีวิธีเดียว เป็นเช็คธนาคารกรุงไทยเท่านั้น เจ้าตัวต้องเอาไปเข้าบัญชี ใครเจอวิธีการอื่นถูกหลอกแน่นอน

จากกรณีแก๊งต้มตุ๋นทางโทรศัพท์ ติดต่อแพทย์หญิงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ว่าโทรฯจากกรมสรรพากร มีเงินคืนจากการเสียภาษีอากร จะทำการโอนเงินให้ทางเอทีเอ็ม จากนั้นก็ให้เหยื่อไปทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็ม

โดยคนร้ายได้บอกให้กดตัวเลขต่าง ๆ มากมาย โดยที่แพทย์หญิงก็ไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งมาเล่าให้เพื่อนฟัง และเพื่อนเกิดสงสัย จึงขอดูสลิปทำให้ทราบว่าถูกหลอกให้โอนเงินไปให้คนร้ายเกือบ 2 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าของคดีนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแพทย์หญิงคน ดังกล่าวอีกครั้ง ถึงความคืบหน้าก็ได้รับการเปิดเผยว่า วันนี้เวลา 08.30 น. ยังได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคนร้ายรายนี้อีก โดยโทรฯ เข้ามาเป็นเบอร์ ++ แล้วมีเลขหลาย ๆ ตัว โดยสอบถามว่า ได้ไปตรวจสอบดูบัญชีแล้วหรือยัง ซึ่งคนร้ายคงยังไม่รู้ว่าเรื่อง ดังกล่าวได้เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ไปแล้ว แต่แพทย์หญิงได้ตอบไปว่า ยังไม่ได้ไปตรวจสอบ


คนร้ายจึงบอกว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้โอนเงินไปให้ ขอให้ตนไปที่ตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง แต่ตนบอกไปว่ายังไม่ว่าง คนร้ายจึงบอกว่าจะโทรฯมาใหม่เวลา 10.00 น.

ซึ่งตนก็ไม่ได้โทรฯแจ้งตำรวจแต่อย่างใด ต่อมาเวลา 10.00 น. คนร้ายก็โทรฯกลับมาจริง ๆ แต่ครั้งนี้เป็นเสียงผู้หญิงมีอายุหน่อย และไม่มีเบอร์โชว์ หญิงคนดังกล่าวพยายามให้ตนไปที่ตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง แต่ตนบอกว่ายังไม่ว่างอีก คนร้ายจึง วางหูไป ผู้สื่อข่าวสอบถามแพทย์หญิงว่า ทำไมไม่แจ้งตำรวจเพื่อจับคนร้าย แพทย์หญิงเหยื่อคนร้ายตอบว่า เห็นว่าตำรวจไม่ค่อยสนใจตน และที่ตนแจ้งไปแล้ว ก็มีคนรู้มากมาย และตนเริ่มที่จะอายคนแล้วว่าถูกหลอก ประกอบกับเห็นตำรวจไม่ค่อยสนใจ ก็เลยไม่ได้แจ้ง
 
ทางด้าน ร.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว รอง สว.สป.สน.บุคคโล ที่รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบไปทางธนาคารแล้วทราบ   ว่า มีผู้เบิกเงินดังกล่าวออกไปจากบัญชีที่เปิดรอไว้ ชื่อ นางงามตา โดยไปกดจากตู้เอทีเอ็มที่ จ.ชลบุรี

 จึงจะได้ประสานกับธนาคาร เพื่อให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากตู้เอทีเอ็มดังกล่าว เพื่อขอหมายจับต่อไป นอกจากนั้นจะได้ตรวจสอบ นางงามตา เจ้าของบัญชีที่เปิดรอไว้ เพื่อนำตัวมาสอบสวน ว่ามีส่วนร่วมกับแก๊งคนร้ายหรือไม่ต่อไป ผู้สื่อข่าวได้เล่าเหตุการณ์ที่แก๊งคนร้ายยังโทรฯเข้ามาหาแพทย์หญิงในช่วงเช้า และ เวลา 10.00 น. อีกครั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ร.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวอย่างเสียดายว่า แพทย์หญิงน่าจะแจ้งให้ตำรวจทราบ เพื่อจะได้ตรวจสอบที่มาของโทรศัพท์ดังกล่าว ว่ามาจากแหล่งใด ซึ่งถ้าผู้เสียหายให้ความร่วมมือกับตำรวจ ก็จะสามารถหาตัวแก๊งคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีได้เร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็ได้ส่งชุดสืบสวนไปประสานกับทางธนาคารเพื่อหาร่องรอยของคนร้ายต่อไป   
 
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากทันตแพทย์หญิงผู้หนึ่งว่า ตนเองก็เกือบถูกแก๊งนี้หลอกให้กดโอนเงินไปให้เช่นกัน แต่เกิดเอะใจเสียก่อนจึงไม่ตกเป็นเหยื่อ

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.พ. เวลาประมาณ 09.00 น. มีโทรศัพท์หมายเลข 0 จำนวน 6 ตัว เข้ามา เมื่อกดรับจะเป็นระบบอัตโนมัติว่า “ที่นี่สรรพากรเขตพญาไท ท่านมีสิทธิได้รับคืนเงินภาษี” และให้กดหมายเลขเพื่อติดต่อแผนกต่าง ๆ ของกรมสรรพากร และกด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ ตนจึงกด 9 เพื่อขอทราบรายละเอียด ก็มีเสียงผู้หญิงรับ และสอบถามตนว่ามีอะไรให้ช่วย ตนจึงสอบถามเรื่องเงินภาษีที่จะได้รับ โดยผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ได้ขอเลขบัตรประชาชนของตน และขอตรวจสอบชื่อ นามสกุล และตอบกลับมาว่า
ตนมีสิทธิได้รับเงินภาษีคืน จำนวน 12,000 บาท และให้ตนติดต่อไปที่แผนกบัญชี ซึ่งเขาโอนสายให้
 
ทันตแพทย์หญิง กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีผู้ชายรับ ตนก็บอกไปว่า สอบถามเรื่องการคืนเงินภาษี เขาก็ขอตรวจสอบรายละเอียด และบอกว่าเป็นภาษีของปี 2549 และ 2550 ที่ผ่านมา ไม่สามารถติดต่อตนได้ และวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว จะรับเงินไหม

ตนจึงถามกลับไปว่า ตนจะต้องทำอย่างไร เขาก็สอบถามบ้านเลขที่ และเลขที่บัญชีธนาคาร เราก็บอกไป เพราะคิดว่าเป็นราชการคงไม่เสียหาย ต่อมาเขาก็สอบถามต่อว่า มีเลขที่บัญชีอื่นอีกไหม ตนไม่สงสัยก็บอกไปอีก แต่มาเอะใจที่เจ้าหน้าที่ถามว่า ทั้งสองบัญชีมีเอทีเอ็มทั้งคู่ใช่ไหม แต่ตนก็ตอบไปว่าใช่ ซึ่งเขาบอกว่า คุณสามารถไปที่ตู้เอทีเอ็มได้ทันทีจะได้รับเงินเลย
 
ทันตแพทย์หญิง เล่าอีกว่า ถึงตอนนี้เรานึกออกทันที เรื่องที่มีคนโดนหลอกให้โอนเงินไป แต่ก็อยากรู้ เลยคุยกับเขาไปเรื่อย ๆ ซึ่งเขาพยายามให้เราไปที่ตู้เอทีเอ็มทันที โดยถามว่า จะไปได้เมื่อไหร่

แต่ตนตอบไปว่าไม่ว่าง เขาก็บอก ว่า ไม่อยากได้เหรอ 12,000 บาทเชียวนะ ตนก็บอกไปว่าไม่ว่าง และขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ จะติด ต่อกลับภายหลัง ซึ่งเขาให้เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย 02-392...... ให้ติดต่อ คุณพิเชษฐ์ 26 ซึ่งเป็นเบอร์ในพื้นที่ทองหล่อ ที่ตนอาศัยอยู่ จึงคิดว่าถูกหลอกแน่ ๆ เมื่อวางสายแล้ว ตนยังได้โทรศัพท์ไปยังหมายเลขดังกล่าวแต่ไม่มีคนรับสาย ทันตแพทย์หญิงที่เกือบตกเป็นเหยื่อกล่าวต่อว่า หลังจากรู้ตัวว่าถูกหลอกแน่ ๆ ตนก็รีบโทรศัพท์ไปอายัดบัญชีที่บอกกับกลุ่มมิจฉาชีพพวกนี้ไปทันที เพราะเขาทราบทั้งเลขที่บัตรประชาชนเราด้วย และในวันเดียวกัน นายพิเชษฐ์ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรก็ยังโทรศัพท์มาอีก ด้วยเบอร์ที่ขึ้นว่า private number รบเร้าให้ตนไปยังตู้เอทีเอ็มอีก โดยอ้างเรื่องเงินภาษีที่จะได้คืนจำนวน 12,000 บาท ว่าไม่อยากได้เหรอ  ซึ่งตนได้อัดเสียงไว้ด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ตนได้สอบถามเพื่อน ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร พบว่า กลุ่มพวกนี้จะหลอกให้เหยื่อกดเลขต่าง ๆ ซึ่งที่จริงเป็นเลขที่บัญชี และจำนวนเงิน โดยอ้างว่าเป็นรหัสผ่าน โดยที่ไม่รู้ตัว

และไม่ได้กดปุ่มที่ให้โอนเงินเลย จึงเชื่อว่าเป็นคนที่มีความรู้เรื่องระบบการทำงานของเอทีเอ็ม และหวังว่าเรื่องราวของตนจะเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้คนอื่นโดนหลอกอีก เพราะพวกนี้มีวิธีการปฏิบัติการให้น่าเชื่อถือ ขณะที่ตนเองก็คิดไปด้วยว่า กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานราชการก็คงมีวิธีการทำงานที่ทันสมัยและรวดเร็วขึ้น  ที่กระทรวงการคลัง นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาก็มีประชาชนร้องเรียนเข้ามามากในลักษณะนี้ ซึ่งกรมฯคงช่วยเหลือได้เพียงเป็นพยานให้ว่า กรมฯ ไม่มีวิธีการคืนเงินภาษีให้ประชาชนผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือในลักษณะอื่นเลย

โดยผู้ที่จะได้รับเงินภาษีคืนจากการเสียภาษีบุคคลธรรมดา หรือภาษีนิติบุคคลประจำปีนั้น ต้องเป็นผู้ที่ได้ยื่นแบบแสดงการเสียภาษี และรู้ว่าตนเองจะได้รับเงินคืนจำนวนเท่าใด

ส่วนการคืนเงินจะคืนเป็นเช็คธนาคารกรุงไทย ที่ระบุชื่อผู้รับเท่านั้น และขีดคร่อมเข้าบัญชี ไม่สามารถให้ผู้อื่นรับแทนได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ และเช็คต้องเข้าบัญชีเท่านั้น หากสงสัยว่าจะถูกหลอกลวง ให้โทรฯมาสอบถามได้ที่ คอลเซ็นเตอร์กรมสรรพากร 0-2272-8000  สำหรับรูปแบบการหลอกลวง คนร้ายจะโทรฯเข้ามาโดยไม่แสดงเลขหมาย แจ้งให้ไปรับเช็คคืน หรือขอข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลอกให้เหยื่อไปที่ตู้เอทีเอ็ม แล้วใช้อุบายให้โอนเงินไปให้คนร้าย ซึ่งกรมฯได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบสวนจับกุมผู้ดำเนินการในประเทศได้ 2 กลุ่ม และขยายผลไปยังเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ใหญ่ ที่มณฑลจูไห่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือน มี.ค.2551 ซึ่งมีคนไทยร่วมกระทำผิด 42 คน ส่วนอีกวิธีการหนึ่งคือ ขอรับบริจาคไถ่ชีวิตโค-กระบือ หรือช่วยสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งกรมฯได้ประสานกับตำรวจจับได้แล้วหลายคดี.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์