สถาบันนิติวิทย์ฯฉาว ปลอมเอกสาร อ.ก.พ.ตั้งซี 9 สอบวินัยบิ๊กกราวรูด พรทิพย์ชี้ปูดสื่อหวังดิสเครดิต


เผยเกิดความขัดแย้งกันอย่างหนักในสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ถึงขั้นปลอมแปลงเอกสารการประชุม อ.ก.พ.เรื่องแต่งตั้งซี 9 ร้องปลัดยุติธรรมเล่นงาน ผลสอบข้อเท็จจริงมีมูล ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกราวรูด "หมอพรทิพย์" อ้างเป็นความหวังดีของจนท.ที่จะเสนอเรื่องให้พร้อมกัน ชี้ปูดสื่อหวังดิสเครดิตตน


ผู้สื่อข่าว "มติชนออนไลน์" รายงานเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 ว่า เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างข้าราชการระดับสูงในสถาบันนิติวิทยาศาตร์ที่มี พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นผู้อำนวยการถึงขั้นปลอมแปลงเอกสารการประชุม อ.ก.พ. กรมผลสอบสวนข้อเท็จจริงมีมูล แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการระดับสูงกราวรูดแล้ว

ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องดังกล่าวเปิดเผยขึ้นเพราะคำวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (กวฉ.) สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย (ที่ สค.22/2552) ซึ่งข้อเท็จจริงของเรื่องสรุปความว่า ผู้อุทธรณ์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง  มีหนังสือลงวันที่ 4 มกราคม 2549 ถึงปลัดกระทรวงยุติธรรมร้องเรียนกล่าวหาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ ประวิงเวลาในการพิจารณาดำเนินการเพื่อแต่งตั้งนักนิติวิทยาศาสตร์ 9 ชช และจัดทำเอกสารประกอบการดำเนินการเป็นเท็จโดยมุ่งให้ตนเองหรือผู้ยื่นคำขอประเมินได้รับประโยชน์ที่มิควรได้

ต่อมากระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือ ลับที่ ยธ 0202/431 ลงวันที่ 17 เมษายน 2551 แจ้งผู้อุทธรณ์ว่า ปัจจุบันเรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณามีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่ถูกกล่าวหาต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมมีหนังสือลงวันที่ 24 มิถุนายน 2551 แจ้งผู้อุทธรณ์เพื่อทราบ กรณีที่ได้ขอทราบรายละเอียดและขอคัดสำเนาผลการสอบข้อเท็จจริงว่า กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า ประเด็นที่มีการกล่าวหาว่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยการประวิงเวลาโดยไม่มีเหตุจำเป็น ยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่า มีการกระทำตามที่มีข้อร้องเรียน

ส่วนประเด็นผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยการจัดทำเอกสารรายงานการประชุม อ.ก.พ. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นเท็จ กรณีมีมูลความจริงตามที่มีข้อกล่าวหา โดยมีข้าราชการสังกัดสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องจำนวนหลายรายและมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อพิจารณาดำเนินการทางวินัยแล้ว

ผู้อุทธรณ์จึงมีหนังสือลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอตรวจสอบสำนวนการสืบสวนและคัดสำเนารายงานการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว กระทรวงยุติธรรมได้แจ้งผู้อุทธรณ์ว่า เนื่องจากรายงานการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น เป็นเอกสารชุดเดียวกันที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงชุดเดียวกันได้พิจารณาสืบสวน อีกทั้งพยานก็เป็นบุคคลเดียวกันและได้ให้การในคราวเดียวกันปัจจุบันประเด็นที่กล่าวหาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยการจัดทำเอกสารโดยมิชอบในการพิจารณาดำเนินการเพื่อแต่งตั้งนักนิติวิทยาศาสตร์ 9 ชช ด้วยการจัดทำเอกสารรายงานการประชุม อ.ก.พ. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นเท็จ อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ผู้อุทธรณ์ร้องขออาจจะทำให้พยานหรือผู้ให้ข้อมูลในการสืบสวนไม่ได้รับความปลอดภัยหรือกระทบถึงผลประโยชน์ได้เสียของผู้หนึ่งผู้ใด และอาจทำให้การดำเนินการสอบสวนทางวินัยไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์  จึงไม่อนุญาตให้ตรวจสอบสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงและไม่อนุญาตให้คัดสำเนารายงานการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามที่ได้มีคำขอ

ในชั้นพิจารณาของ กวฉ. สาขาสังคมฯ กระทรวงยุติธรรมได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผู้อุทธรณ์มีอำนาจเกี่ยวกับการบริหารจัดการและกำหนดนโยบายของส่วนราชการ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อพยาน อีกทั้ง อาจส่งผลให้การดำเนินงานของส่วนราชการมีปัญหาในการปฏิบัติงานและมีความขัดแย้งภายในส่วนราชการส่งผลเสียหายแก่ราชการได้ ประกอบกับเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งอาจทำให้พยานกลับคำให้การได้

กวฉ.สาขาสังคมฯพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารที่ผู้อุทธรณ์ร้องขอ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในประเด็นกล่าวหาว่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จัดทำเอกสารรายงานการประชุม อ.ก.พ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นเท็จ ซึ่งการสอบสวนดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จและมีการใช้สำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณาการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย

ดังนั้น การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามอุทธรณ์อาจกระทบต่อกระบวนการสอบสวนอันจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพฯ อย่างไรก็ดีข้อมูลข่าวสารที่ผู้อุทธรณ์ร้องขอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้อุทธรณ์ในฐานะผู้ร้องเรียนและการสืบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นกล่าวหาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ ด้วยการประวิงเวลาโดยไม่มีเหตุจำเป็นได้เสร็จสิ้นแล้ว การเปิดเผยเฉพาะประเด็นดังกล่าวจะเป็นการตรวจสอบความถูกต้องโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและปกป้องสิทธิของผู้อุทธรณ์ให้ได้รับความเป็นธรรม จึงเห็นควรให้เปิดเผยเฉพาะรายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ โดยให้ปกปิดข้อความของพยานที่ให้การในประเด็นอื่น

ด้าน พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ค่อนข้างนานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ พล.ต.ต.นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ ยังเป็นผู้อำนวยการสถาบันฯ อยู่ โดยเมื่อครั้งนี้จะมีผู้ที่มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อขึ้นเป็นระดับ (ซี) 9 มี 4 รายด้วยกัน แต่ในที่ประชุมได้มีการนำชื่อเข้าไปเพียงแค่ 2 คน ขณะที่ทางรองเลขา ก.พ.ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอนุกรรมการ อ.ก.พ. ก็ได้ยื่นเสนอชื่อเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งชื่อ รวมเป็น 3 ชื่อ ซึ่งเป็นตำรวจที่ขอโอนย้ายทั้งหมด

พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องคือ คนที่ 3 ที่ได้รับการเสนอชื่อนั้น ติดปัญหาบางอยู่ ยังไม่สามารถเสนอชื่อโอนย้ายได้ทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ซี6 ที่ทำเรื่องเสนอนั้นตัดสินใจรอ เพื่อให้โอนย้ายเข้าไปพร้อมกันทั้ง 3 ราย เจ้าหน้าที่รายนี้ จึงตัดสินใจโดยพลการด้วยการปลอมลายเซ็น เลขาธิการ อ.ก.พ. เพื่อให้ทันกับวาระประชุมของ อ.ก.พ. เพราะถ้าไม่รีบยื่นเรื่องและทำเอกสารให้พร้อม บุคคลทั้ง 3 ก็จะได้รับการเลื่อนขั้นและโอนย้ายช้าไปอีก

"เรื่องทั้งหมดหมอมองว่าเป็นความหวังดีของเจ้าหน้าที่น้องซีหกคนนี้ ที่หวังว่าจะเดินเรื่องให้พร้อมๆ กันทั้ง 3 คนเท่านั้น ด้วยความเห็นใจว่าจะทำให้ชื่อของคนที่สามได้ช้า จึงได้รอไม่ทำเรื่องของอีก 2 ท่านขึ้นไปก่อน และเมื่อจะมีการประชุม อ.ก.พ.ก็รีบตัดสินใจ ทำเรื่องให้ โดยขาดความยั้งคิด ไปปลอมลายเซ็นเพื่อหวังให้เอกสารเรียบร้อย อันนี้ได้สัมผัสกับน้องซี 6 คนนี้แล้วก็จะรู้ว่าเป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง ไม่มีอะไร และไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ก็ทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อลำดับแรกนั้นไม่พอใจ เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาจงใจดึงเรื่องให้ช้า" พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวต่อว่า เหตุที่เกิดขึ้นรู้สึกได้ว่าการร้องเรียนส่วนใหญ่มุ่งหวังที่จะพุ่งประเด็นมาที่ตนเอง แต่เมื่อสอบสวนไปมาอย่างไรก็ก็ไม่มาถึงตน และเมื่อมีสื่อมาถามอย่างนี้ยิ่งทำให้คิดได้ว่า จริงๆ แล้วมีกระบวนการมุ่งหวังที่จะดิสเครดิตตนมากกว่า แต่เผอิญว่าเป็นเรื่องในสมัยที่ยังไม่ได้เป็นผู้อำนวยการ และที่แปลกใจมากคือเรื่องนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการสอบสวน เรื่องยังไม่จบ เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจะเรียกผู้ถูกร้องทั้งสองไปสอบ แต่ทำไมรู้ถึงหูสื่อได้อย่างไร เชื่อว่ามีคนในมาให้ข้อมูลแก่สื่อ และหวังที่จะให้ร้ายแก่ตัวเอง

"หมอเชื่อเลยว่าคนที่ให้ข่าวแก่สื่อ น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยร้องฎีกาหมอถึง 3 ครั้งด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ใช่คนๆ เดียวกันที่ร้อง แต่จะต้องเป็นกลุ่มเดียวกัน เพราะเรื่องนี้มันนานมาแล้ว อยู่ๆ สื่อจะมาขุดเป็นประเด็นอีกทำไม หากไม่ใช่ช่วงนี้มีปมขัดแย้งในคดีซานติก้า ผับอยู่" พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์