รวบอีกหนุ่มไทยใหญ่ ต้องสงสัยฆ่าข่มขืนนศ.แม่โจ้

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีฆ่าข่มขืน น.ส.วิไลรัตน์ กุจะพันธ์ อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่
ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ตำรวจเชียงใหม่ติดตามจับกุมตัว นายจายบึก หรือ ชัย อายุ 22 ปี ชาวไทยใหญ่ สัญชาติพม่า ที่เป็นคนร้ายร่วมกับพวกที่หลบหนี เข้าไปก่อเหตุฆ่าข่มขืน และชิงทรัพย์ น.ส.วิไลรัตน์ คาหอพักได้ และรับสารภาพว่า ร่วมกับเพื่อนก่อสร้างไทยใหญ่อีก 1 คน ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีนั้น  

ล่าสุดวานนี้ (10 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นำตัวนายทุน ชาวไทยใหญ่ อายุ 30 ปี

ที่อยู่ตามบัตรสีชมพูซึ่งเป็นใบอนุญาตคนงานต่างด้าวที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมายอยู่บ้านเลขที่ 13/ช หมู่ที่11 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ที่ถูกนายจายบึก ให้การพาดพิงว่า ร่วมในเหตุการณ์ฆ่าข่มขืน น.ส.วิไลรัตน์ ทางตำรวจพบตัวขณะเดินหางานทำให้พื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ แต่นายทุน ปฎิเสธไม่เกี่ยวข้องในคดีนี้ แต่ไปหานายจายบึก วันเกิดเหตุจริง ทางตำรวจควบคุมตัวสอบสวนเครียด เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้  
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายทุน ให้การว่า คืนวันที่เกิดเหตุประมาณ 4-5 ทุ่ม เดินทางไปหานายชัยที่แค้มป์คนงานหลังหอพักที่ผู้ตายพักอยู่

โดยตั้งใจจะไปร่วมดื่มเหล้า แต่ไม่พบนายชัยจึงกลับ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้รู้เห็น หรือมีส่วนร่วมกับการก่อเหตุฆ่าข่มขืนนักศึกษาสาวดังกล่าว อย่างไรก็ดี ตร.ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะจากการตรวจสอบประวัติพบว่านายทุนเคย มีประวัติถูกนายจ้างไล่ออก เนื่องจากมีพฤติการณ์แอบไปถ้ำมองหญิงสาวในหอพักย่านมหาวิทยาลัยพายัพมาก่อน และจากการสอบปากคำพยานที่เป็นเพื่อนคนงานต่างด้าวที่รู้จักกับนายทุนหลายคน ให้การตรงกันว่านายทุนยังเคยแอบไปถ้ำมองหญิงสาวตามหอพักใกล้กับจุดเกิดเหตุย่านมหาวิทยาลัยแม่โจ้อีกด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่จะต้องรอผลการตรวจลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ

ผลตรวจด้านนิติวิทยาทั้งการตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้าย รวมทั้งพยานวัตถุเช่นเส้นขนต่างๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งตกอยู่ในห้องของผู้ ตายมาตรวจสอบ เพื่อเปรียบเทียบกับว่าตรงกับของผู้ต้องสงสัยหรือไม่ คาดว่าผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุในคืนนั้นน่าจะมีมากกว่า 1 รายแน่นอน