ตร.ลุยเมืองคอนล่า นักฆ่ามีสี เด็ดหัวไต๋แบน

ตำรวจระดมล่ามือปืนฆ่าเสี่ยใหญ่เจ้าของ “เซเยสผับสถานบันเทิงชื่อดังของเมืองตรัง

ตรวจสอบรถเก๋งหาหลักฐานเพิ่ม พบเบาะแสทีมสังหารเป็นแก๊งคนมีสี สังกัดซุ้มมือปืนเมืองคอน แฉประวัติเสี่ยใหญ่เป็น 1 ในทีม 5 เสือกันตัง และถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วน พัวพันธุรกิจบางอย่าง ตำรวจมุ่งปมสังหารฆ่าล้างแค้น โดยล่าสุด เสี่ยผับถูกกล่าวหาเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีฆ่า ผจก.แพปลา


กรณีคนร้ายใช้ปิกอัพเป็นพาหนะตามประกบยิงนายวิโรจน์ หรือไต๋แบน วิเศษพงษ์พันธ์ อายุ 64 ปี เสี่ยใหญ่เจ้าของ
เซเยสผับ


ซึ่งเป็นสถานบันเทิงชื่อดังตั้งอยู่ในตัวเมือง จ.ตรัง ด้วยอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ตายอนาถคารถเก๋งกลางสี่แยกตลาด อ.ต.ก.ถนนสายตรัง-สิเกา ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ขณะนายวิโรจน์ขับรถออกจากบ้านจะไปดูกิจการผับ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นตำรวจมุ่งปมสังหารไปที่เรื่องความแค้นเก่า หลังพบว่านายวิโรจน์ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนพัวพันกับการตายของนายสมนึก ผดุงวิทย์วัฒนา อายุ 41 ปี ผจก.แพปลาฮ้วยเม้ง ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อปลายปีที่ผ่านมา


ความคืบหน้าของคดีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ม.ค. ตำรวจ วิทยาการ ภ.จ.ตรัง นำโดย พ.ต.ท.สราวุธ จงจิต สว.วท.ภ.จ. ตรัง


เข้าตรวจสอบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน กค 6684 ตรัง ของนายวิโรจน์อีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้ จากการตรวจวิถีกระสุนพบว่ากระสุนกลุ่มใหญ่เข้าบริเวณกระจกหน้าด้านคนขับรวม 25 นัด ส่วนที่เหลือเข้าบริเวณตัวถังรถด้านหน้าและกระจกข้างคนขับ รวม 39 นัด นอกจากนี้ ตรวจสอบภายในรถยังพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 2 ปลอก รวมกับที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุเป็น 49 ปลอก หัวกระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 2 หัว รวมทั้งอุปกรณ์การเสพยาไอซ์อีกหลายชุด ทั้งนี้ แนววิถีกระสุนชี้ว่าคนร้ายที่ลงมือยิงน่าจะลงมายืนยิงทางด้านหน้ารถฝั่
งคนขับ และอาจจะเข้ามายิงซ้ำที่ด้านข้างรถฝั่งคนขับ สอดคล้องกับผลการชันสูตรพลิกศพที่พบว่าบริเวณสีข้างด้านขวาของผู้ตายมีรอยกระสุนปืน 5 นัด ระหว่างปากกับจมูก 1 นัด ต้นคอขวา 2 นัด เหนืออกซ้าย 1 นัด แขนขวา 4 นัด และแขนซ้ายอีก 1 นัด


พ.ต.ท.เธียร บาลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองตรัง ซึ่งรับผิดชอบชุดสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ของตำรวจเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นคนร้ายระดับมือพระกาฬ

เนื่องจากวิธีการยิงหากเป็นคนที่ไม่ชำนาญเรื่องการใช้อาวุธปืนสงคราม จะไม่สามารถยิงกระสุนอยู่ในกลุ่มหวังผลได้ขนาดนี้ เนื่องจากอาวุธที่คนร้ายใช้ เป็นอาวุธหนัก หากไม่ชำนาญจริงกระสุนอาจพลาดเป้าได้ แนวทางการสอบสวนเชื่อว่าทีมสังหารน่าจะเป็นคนในพื้นที่ใกล้เคียงกับ จ.ตรัง และน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการใช้อาวุธสงครามเป็นอย่างดี



ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากตำรวจชุดสืบสวนนายหนึ่งว่า สำหรับทีมสังหารในครั้งนี้ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีด้วยกัน 2 ทีม


โดยทีมแรกทำหน้าที่ชี้เป้าด้วยการสะกดรอยตามนายวิโรจน์มาจากบ้านใน อ.กันตัง จ.ตรัง เมื่อนายวิโรจน์ขับรถมาใกล้ถึงจุดเกิดเหตุ จึงโทรศัพท์แจ้งให้คนร้ายอีกชุดเข้ามาประกบและลงมือสังหาร โดยคนร้ายกระทำการอย่างใจเย็น ด้วยการขับรถปาดหน้ารถนายวิโรจน์แล้วถล่มยิงเข้าใส่กระจกหน้าเป็นชุดแรก ก่อนจะจอดรถลงมายืนยิงซ้ำ จากนั้นขึ้นรถขับหลบหนีไปทางถนนบายพาสสายตรัง-ห้วยยอด ล่าสุดตำรวจพบเบาะแสว่าทีมสังหารเป็นกลุ่มคนมีสี สังกัดซุ้มมือปืนแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานติดตามจับกุม

นายตำรวจคนเดียวกันยังเปิดเผยอีกว่า สำหรับประเด็นการสังหารตำรวจมุ่งไปที่เรื่องความแค้นเก่ากับขัดแย้งธุรกิจค้าน้ำมัน


โดยทราบว่าในอดีตนายวิโรจน์มีความสนิทสนมกับกลุ่มนักค้าน้ำมันรายใหญ่ในพื้นที่ทะเลอันดามัน และถูกจัดให้เป็น 1 ใน 5 เสือกันตัง รวมทั้งยังสนิทสนมกับกลุ่มนักค้าอาวุธขายให้กับกลุ่มอาเจ๊ะ ซึ่งตำรวจเฝ้าติดตามพฤติกรรมมานานแต่ไม่มีหลักฐานจับกุม แต่นายวิโรจน์ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนค้าน้ำมันและค้าอาวุธตามที่ถูก กล่าวหา หลังจากนั้นนายวิโรจน์ผันตัวเองมาลงทุนทำธุรกิจสถานบันเทิง
เซเยสผับถือเป็นสถานบันเทิงใหญ่ ที่สุดของ จ.ตรัง ตั้งอยู่ใต้โรงแรมธรรมรินทร์ธนา ในตัว เมืองตรัง โดยมีหุ้นส่วนหลายคน และล่าสุดยังถูกกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับการตายของนายสมนึก ผดุงวิทย์วัฒนา อายุ 41 ปี ผจก.แพปลาฮ้วยเม้ง ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่นายวิโรจน์มาถูกยิงตายเสียก่อน

มีรายงานด้วยว่า วันเดียวกัน พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง ผบก.ภ.จ.ตรัง ได้สั่งตั้งทีมสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีนี้


โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ภัทรภาณุ รอง ผบก.ภ.จ.ตรัง เป็นหัวหน้าที่ชุดสืบสวน ทำงานร่วมกับทีมสืบสวน สภ.เมืองตรัง และมอบหมายให้ พ.ต.อ.ไพบูลย์ จ้อยสกุล รอง ผบก.ภ.จ.ตรัง เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดย พล.ต.ต.ประเสริฐกล่าวว่า ตอนนี้ได้กำชับให้ผู้รับผิดชอบทำงานอย่างรัดกุมที่สุด เนื่องจากเป็นคดีใหญ่และคนร้ายใช้อาวุธสงคราม การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ  และยังกำชับให้เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามคนร้ายโดยเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ  ในส่วนของประเด็นสังหารนั้นต้องสอบหมดทุกประเด็น  เนื่องจากผู้ตายมีธุรกิจหลายอย่าง  ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการสังหารโหดครั้งนี้ได้ทุกเรื่อง จึงไม่ระบุประเด็นที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าไม่นานน่าจะรู้สาเหตุที่ชัดเจน

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์