เปิดเอกสารล่าชื่อถอดป.ป.ช.เลือกปฏิบัติเร่งฟันสีกากีเหตุ7ตุลาไม่ได้ไต่สวน-ขาดคุณสมบัติ โฆษกตร.ปฏิเสธ


โฆษก ตร.ยันไม่มีหนังสือสั่งตร.ร่วมสัมนาแฝงลงชื่อถอด ป.ป.ช. ในงานสัมมานาวิชาการตร.ผบช.น.ไม่รู้เรื่องตำรวจล่าชื่อถอดถอน ป.ป.ช. ขณะที่มีหนังสือเขียนถึงนายกสมาคมตำรวจ "ขอให้ถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ออกจากตำแหน่ง"พร้อมเหตุผลการถอดถอน

จากกรณีที่ พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจได้จัดสัมมานาวิชาการ เรื่อง “องค์กรตามรัฐธรรมนูญกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในวันที่ 19 มกราคม โดยมีข่าวว่า เป็นการจัดสัมมนาเพื่อล่ารายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อถอดถอนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)ทั้ง 9 คน

 
ผู้สื่อข่าวนำเนื้อหาในหนังสือที่อ้างว่าเป็นหนังสือ  เรื่อง "ขอให้ถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ออกจากตำแหน่ง" ถึง "นายกสมาคมตำรวจ" ระบุเขียนที่"สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร"  เดือน "มกราคม 2552 "  มีเนื้อหาดังนี้

ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ แต่ได้ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย  อันก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจและองค์กรตำรวจในภาพรวม ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ในสถานการณ์แห่งความขัดแย้ง ทำให้ไม่มั่นใจในความสุจิริต วินิจฉัยชี้ขาดตรวจสอบการทำงานของตำรวจ ทำให้กระทบการทำงานของตำรวจ ขวัญและกำลังใจ ภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของตำรวจ และการบังคับใช้กฎหมาย
 
ข้อที่ 1  ป.ป.ช.เลือกปฏิบัติ เร่งพิจารณาเรื่องที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่นการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย มีการชี้มูลว่าตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่มีเรื่องคั่งค้างอยู่อีกมาก เช่นการตรวจสอบบ้านหลังละ 40 ล้าน ของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ ควรเป็นไปตามลำดับก่อนหลัง
 
ข้อที่ 2  การแถลงข่าวของ ป.ป.ช. ที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงขึ้นมาตรวจสอบ เหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลา  โดยนำพยานหลักฐานจากสื่อมวลชนมาแถลงข่าว กล่าวหา พล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมโดยใช้อาวุธร้ายแรงเกินกว่าเหตุ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากและถึงแก่ความตายจำนวน 2 คน เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามที่กล่าวหา ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่ามีส่วนร่วมในการสั่งการดังกล่าว

"ป.ป.ช. มิได้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดแต่อย่างใด และเป็นการชี้นำให้สังคมเห็นไปในแนวทางว่าการที่มีผู้บาดเจ็บและถึงแก่ความตายนั้น เป็นผลของการกระทำที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ และการกระทำของตำรวจนั้นเป็นการใช้อาวุธร้ายแรงและใช้ความรุนแรง"

มิได้คำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตำรวจในสถานการณ์ดังกล่าวว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่พอสมควรแก่เหตุหรือเป็นการกระทำที่เกินเลยไปกว่ากรณีแห่งความจำเป็นหรือกรณีแห่งการที่จะต้องกระทำหรือไม่
 
ข้อที่ 3 คุณสมบัติของ ป.ป.ช.  มีการนำประเด็นที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ได้รับจ้างเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยศรีปทุม คุณสมบัติอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้าง ของบุคคลใด  จึงย่อมเป็นผลให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.
 
อีกทั้งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)  ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549  มิได้กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับยกเว้นขั้นตอนการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด   แม้จะได้มีประกาศ คปค.ฉบับที่ 31 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ให้ถือว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 19 ได้รับการสรรหาและแต่งตั้งโดยชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ก็หามีผลให้การออกประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มิชอบด้วยกฎหมายไปแล้ว
 
ป.ป.ช. จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือมีพฤติการณ์ที่เป็นการเสื่อมเสียแห่งเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งอย่างร้ายแรง
 
"ข้าพเจ้ากับพวกจึงขอใช้สิทธิ์เข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภา (ผ่านสมาคมตำรวจ) เพื่อนำเสนอเรื่องต่อวุฒิสภาพิจารณามีมติให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่ง ตามในมาตรา 248 ตามบทบัญญติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ดังมีรายชื่อข้างท้ายนี้"
 

ผบช.น.ไม่รู้เรื่องตำรวจล่าชื่อถอดถอน ป.ป.ช.
 
ขณะที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ตอบข้อถามกรณีมีปรากฏตามข่าวว่า พล.ต.ท.สุชาติ เป็นแกนนำในการล่ารายชื่อถอดถอน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการป.ป.ช.ซึ่งในเวปไซด์ผู้จัดการออนไลน์ ว่า “ผมคงไม่ทำแน่นอน ผมคงไม่ทำอย่างนั้น เพราะจริงๆแล้วทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง สู้กันตามกติกา ปปช.เป็นผู้ใหญ่อย่างนั้น ท่านเป็นธรรมอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว ส่วนเราถูกกล่าวหาก็ว่ากันไป ประเทศไทยใช้ระบบกล่าวหา เขาก็สอบพยานต่างๆ ฟังแล้วมาแจ้งข้อหาอย่างไร นี่รอหนังสืออยู่ ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นกฎหมายจะเป็นกฎหมายได้อย่างไร ยินดีน้อมรับทุกเรื่อง แต่ถามว่ากระบวนการถอดถอนเรื่องอะไรใครกระทำนั้น ผมไม่รู้เรื่อง”

ยันไม่มีหนังสือ"อำนวย"สั่งตร.ร่วมสัมนาแฝงถอด ป.ป.ช.

ทางด้าน พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกตร. กล่าวว่า เป็นการจัดสัมมนาเพื่อล่ารายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อถอดถอนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)ทั้ง 9 คน ว่า การสัมมนาในครั้งนี้ได้มีหนังสือเวียนเชิญให้ตำรวจทุกหน่วยที่สนใจให้เข้าร่วม ซึ่งเป็นตามปกติเช่นทุกครั้งที่มีการสัมมนา และเป็นหน้าที่ของสมาคมตำรวจอยู่แล้วในการจัดสัมมนาเพื่อพัฒนาองค์กร ส่วนเรื่องที่สื่อออกมาระบุว่าการสัมมนาเป็นการจัดฉากเพื่อล่ารายชื่อในการถอดถอน ป.ป.ช. จากการสอบถามดูไม่น่าจะเป็นอย่างที่ปรากฏ เป็นข่าวเนื่องจากมีการระบุวัตถุประสงค์การจัดงานอย่างชัดเจน ซึ่งพิจารณาดูแล้วเป็นความตั้งใจดีของทางสมาคม  ไม่อยากให้มองว่ามีประเด็นอะไรแอบแฝง

“ในส่วนตัวมองว่าสมาคมตำรวจเป็นสมาคมวิชาชีพแยกจากตร.มีวัตถุประสงค์ชัดเจน การหยิบประเด็นที่เป็นที่สนใจของสังคมมาทำการอภิปรายเป็นเรื่องที่ถูกต้องเป็นไปตามเจตนารมย์ของการจัดตั้งสมาคมฯ หากไม่ทำก็จะผิดหลักการ เป็นการทำตามหลักสมาคมทั่วไปอย่างสมาคมสื่อมวลชนก็เช่นเดียวกัน แต่อย่าไปมองว่ามีนัยยะอะไรแอบแฝงเพราะคนจัดการคงไม่ได้มีวัตถุประสงค์แบบนั้น “ พล.ต.ท.วัชรพลกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการสอบถามไปยังพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน หรือไม่หลังมีข่าวว่า พล.ต.ต.อำนวยมีหนังสือให้ตำรวจในแต่ละกองบังคับการเข้าร่วมสัมมนา พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นแค่ข่าว  ยังไม่ปรากฏหลักฐาน ไม่เห็นเอกสารสั่งการให้รวบรวมรายชื่อเข้าร่วมสัมมนาแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบสอบถามอย่างไม่เป็นทางการก็ไม่พบว่ามีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้ควรไปถามทาง พล.ต.ต.อำนวย   โดยตรงจะชัดเจนกว่า

เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะล่ารายชื่อหรือทำอะไรลักษณะนี้ได้หรือไม่ โฆษกตร.กล่าวว่า การที่ตำรวจจะออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองก็สามารถทำได้เพราะตำรวจก็เป็นประชาชนทั่วไปมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน  แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีเรื่องทางวินัยควบคุม มีระเบียบ มีเครื่องแบบ อยู่จะทำได้หรือไม่นั้นต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่กรณีนี้ยังไม่ปรากฎว่ามีการกระทำเช่นนั้น

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนเองคงไม่สามารถไปร่วมสัมมนาครั้งนี้ได้เพราะติดงานสำคัญ ส่วนการกรณีที่ ป.ป.ช. ออกมาชี้มูลความผิดตำรวจนั้น ถือว่าเป็นกระบวนการตามขั้นตอน มีการตรวจสอบการทำงานเป็นเรื่องดี แต่ยังมีขั้นตอนที่สามารถชี้แจงได้

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์