ฆ่ากลางกรุง เสี่ยฮุย ขอนแก่น

มือปืนบุกสังหารเสี่ยใหญ่นักธุรกิจร้อยล้าน เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.10 น. วันนี้ 15 ธ.ค. ร.ต.ท.อมรวัฒน์ ปานดี พงส.(สบ1) สน.โชคชัย

ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิง หน้าสถานบันเทิงเรือนพระยาคอฟฟี่ช็อป ซาวน่าและฟิตเนส ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. จึงรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ จากนั้นไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.น.4 พ.ต.ท.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผกก.สส.สน. โชคชัย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและแพทย์สถาบัน นิติเวชฯ
 

ที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถด้านหน้าเรือนพระยาฯ พบรถเบนซ์ รุ่น อี 240 สีดำ หมายเลขทะเบียน ศธ 6588 กรุงเทพมหานคร

ยางล้อหน้าขวาแบน มีตะปูเรือใบฝังอยู่ในล้อ นอกจากนี้ยังพบตะปูเรือใบวางดักอยู่ใกล้ๆกันอีก 1 ตัว บริเวณข้างประตูรถด้านหลังคนขับพบกองเลือดและปลอกกระสุนปืน 9 มม. จำนวน 6 ปลอก ส่วนเหยื่อกระสุนถูกนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเมมโมเรียล โชคชัย 4 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อนายวีรพงษ์ การกิจโอฬาร อายุ 44 ปี หรือเสี่ยฮุย นักธุรกิจชื่อดังของเมืองขอนแก่น อยู่บ้านเลขที่ 360 หมู่บ้านมิตรอารีย์ หมู่ 5 ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น มีบาดแผลถูกยิงจากด้านหลัง 3 แห่ง กระสุนเข้าท้ายทอย ราวนมซ้าย และกลางหลัง ต่อมาภรรยาและญาติพี่น้องทราบข่าวร้ายรุดไปดูศพที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของเสี่ยฮุยถึงกับร่ำไห้ไปตามๆกัน

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ เสี่ยฮุยกับพรรคพวกอีก 2 คนไปอบซาวน่าที่เรือนพระยาฯ ขากลับพบว่ารถถูกวางตะปูเรือใบจนยางแบน

จึงให้เพื่อนเรียกเด็กรับรถมาช่วยเปลี่ยนยางอะไหล่ ขณะยืนดูเด็กกำลังจะเปลี่ยนยาง ได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดข้างหลัง จากนั้นคนซ้อนท้ายชักปืนกระหน่ำยิงเสี่ยฮุยหลายนัดจนล้มคว่ำ ก่อนจะบึ่งรถหลบหนีไปทางเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อย่างรวดเร็ว โดยคนขี่สวม หมวกกันน็อกชนิดครึ่งใบสีแดง สวมเสื้อกั๊กวิน จยย.รับจ้าง สีส้ม ไม่ทราบวิน ส่วนมือปืนที่นั่งซ้อนท้าย สวมหมวก กันน็อกแบบเต็มใบ เสื้อคลุมสีดำ

พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย และ กก.สส.น.4  ลงพื้นที่หาพยานแวดล้อมและตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง

รวมทั้งตรวจสอบผู้ตายว่ามีความขัดแย้งกับผู้ใดบ้าง ทั้งเรื่องธุรกิจ ชู้สาว การพนัน โดยไม่ทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง หลังจากนั้นจะเรียกประชุมชุดทำงานอีกครั้ง เพื่อสรุปแนวทางในการสืบสวน ดูจากแผนปฏิบัติการของคนร้ายแล้ว ต้องเป็นมืออาชีพ เตรียมการมาเป็นอย่างดี เกาะติดความเคลื่อนไหวของผู้ตายทุกระยะ มีการโรยตะปูเรือใบให้รถของผู้ตายยางแบน เพื่อง่ายต่อการลงมือ ดังนั้น ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานสักระยะ ในเบื้องต้นจะตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจเงินกู้และคอกม้าแข่ง

ด้านการสอบปากคำนางวาราดา การกิจโอฬาร อายุ 38 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การว่า ปกติแล้วสามีจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อชมการแข่งม้าทุกอาทิตย์ แต่ตนไม่เคยมาด้วย

วันที่เกิดเหตุเดินทางมากับสามีเพื่อไปรับลูกสาว ที่เดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากนั้นสามีแยกไปสนามม้าปทุมวัน เสร็จแล้วไปซาวน่าต่อประมาณ 2 ชั่วโมง กระทั่งออกมาถูกยิงเสียชีวิต สำหรับปมความขัดแย้งที่เป็นชนวนสังหารไม่ทราบว่ามาจากเรื่องอะไร เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของสามี และช่วงนี้ก็ไม่ได้ส่งม้าลงแข่งด้วย เพราะมีปัญหาม้าป่วยตายไปหลายตัว

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นางวาราดา การกิจโอฬาร พร้อมญาติพี่น้อง เดินทางไปรับศพเสี่ยฮุยที่สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ขอนแก่น

โดยปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใดๆทั้งสิ้น บอกว่าให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ พ.ต.ท.นพ.พิสิฐ ธรรมสุริยะ แพทย์ผู้ผ่าชันสูตร ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เข้าเส้นเลือดแดงใหญ่ ช่องท้อง ทำให้เสียชีวิตโดยเฉียบพลัน  ที่ จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของเสี่ยฮุย พบว่าเป็นบ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่ มีเพียงสาวรับใช้ 2 คนอยู่ในบ้าน จากการสอบถามทราบว่าเสี่ยฮุยพร้อมภรรยาเดินทางเข้ากรุงเทพฯพร้อมกับ ด.ช.ธวัช การกิจโอฬาร ลูกชาย วัย 7 ขวบ เพื่อไปรับ ด.ญ.ภารดี การกิจโอฬาร อายุ 10 ขวบ ลูกสาว ซึ่งไปเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษและเดินทางกลับมา ภายหลังเกิดเหตุสังหารเสี่ยฮุย ญาติๆได้ติดต่อจองศาลาวัดหนองแวง พระอารามหลวงในเมืองขอนแก่น เพื่อตั้งศพสวดพระอภิธรรมแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เสี่ยฮุยเป็นนักธุรกิจหนุ่มร้อยล้าน รู้จักกันดีในแวดวงสังคมชาวขอนแก่น

สนิทสนมกับคนมีสีและนักการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ประกอบธุรกิจทั้งไฟแนนซ์ ร้านทอง โรงรับจำนำ บ้านและที่ดิน รวมทั้งคอกม้าแข่ง นอกจากนี้ ยังปล่อยเงินกู้ มีลูกหนี้จำนวนมาก วันเสาร์อาทิตย์มักจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อเล่นม้าแข่งเป็นประจำ