คนร้ายไล่ยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ยิงคนเฒ่า 83 เผาบ้านวอด

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 ก.ค. ขณะนายมะสุยี ยะโก๊ะ อายุ 40 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส และยังเป็นอาสาสมัครเสริมสร้างสันติสุขของหมู่บ้าน ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากประชุมประจำเดือนที่ว่าการอำเภอยี่งอ มุ่งหน้ากลับบ้านไปตามถนนสายปัตตานี-นราธิวาส ถึงบ้านยาโง๊ะ หมู่ 5 ต.ลูโบ๊ะบือซา ถูกโจรใต้ 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยปืนอาก้า กระสุนถูกนายมะสุยีเข้ากลางหลัง 2 นัด จนรถเสียหลักล้มคว่ำบาดเจ็บสาหัส แล้วคนร้ายพากันหลบหนีไป พลเมืองดีช่วยเหลือนำนายมะสุยีส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายคงไม่พอใจที่นายมะสุยีคอยให้ความช่วยเหลือกับทางราชการด้วยดีเสมอมา โดยไม่กลัวคำขู่ ของกลุ่มโจรที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะทำร้ายทุกคนที่ให้การช่วยเหลือทางการ

ส่วนเหตุการณ์คนร้ายบุกยิงนายสนิท สังหรัตน์ อายุ 83 ปี บ้านเลขที่ 129 หมู่ 8 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค. พ.ต.อ. อนุรุธ อิ่มอาบ ผกก.สภ.อ.บันนังสตา นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านของนายสนิทซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ถูกเผาได้รับความเสียหายทั้งหลัง หน้าบ้านยังพบซากสุนัขถูกยิงตาย 1 ตัว ปลอกกระสุนปืน 9 มม. 8 ปลอก และปลอกกระสุนปืนลูกซอง 6 ปลอก โดยเฉพาะปลอกกระสุนปืนลูกซองตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกระสุนปืนที่ทางราชการแจกจ่ายให้กับชุด ชรบ.ในพื้นที่เมื่อปลายปีที่แล้วเพื่อใช้ป้องกันหมู่บ้าน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะนายสนิทซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์นอนพักผ่อนในบ้าน คนร้ายได้บุกเข้ามาใช้ปืนยิงสุนัขตายแล้วระดมยิงใส่บ้านหลายสิบนัด กระสุนถูกนายสนิทเข้าต้นขาขวาบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายได้ราดน้ำมันเบนซินแล้วจุดไฟเผาบ้าน ระหว่างนั้น นายสัมพันธ์ สังหรัตน์ อายุ 22 ปี ลูกชายนายสนิทพร้อมน้องชายอีก 2 คน นำปืนขึ้นมายิงสู้คนร้ายนานกว่า 5 นาที คนร้ายได้ล่าถอยไป จึงช่วยกันนำนายสนิทหนีออกจากกองเพลิงนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา อาการปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันมีการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง มี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น พล.ต.อ.ชิดชัยได้แจ้งขอลาประชุมอย่างกะทันหัน อ้างว่าไม่สบาย โดยให้ พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทน ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ. ชิดชัยได้เดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงเช้าได้เดินทางไปตรวจริดสีดวงทวารและลำไส้ใหญ่ พบว่าป่วยเป็นริดสีดวงทวาร ส่วนลำไส้ใหญ่นั้นมีอาการลำไส้โป่งอยู่ประมาณ 10 จุด จึงไม่อยากให้สัมภาษณ์ สื่อไม่ต้องมาถาม โดยเฉพาะเรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ทำให้ เครียดถึงกับไม่สบายเลยหรือ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ตั้งแต่เกิดเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ต่อเนื่องกัน 40 กว่าจุด ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาล เวลาตนป่วยสิ่งที่ต้องระวังคือปากบวมกับท้องผูก พอท้องผูกแล้วหูรูดจะฉีก เลือดออก เมื่อผู้สื่อข่าวถามแซวว่า ถ้าอยากหายป่วยก็เปลี่ยนผู้รับผิดชอบเรื่องภาคใต้จะได้หมดเรื่อง พล.ต.อ. ชิดชัยตอบว่า ไม่ได้ๆ ต้องสู้ต่อ

พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม ระบุให้ทุกฝ่ายจับตาความไม่สงบใน 4 อำเภอของ จ.สงขลาว่า ได้มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาทั้ง 4 อำเภอ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนจังหวัดใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.จะเป็นผู้รับผิดชอบและตัดสินใจในเรื่องการดำเนินการต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางเดียวกันและทุกอย่างก็ดำเนินการไปตามปกติ โดยกระทรวงมหาดไทยพร้อมที่จะสอดรับการทำงานเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และให้เกิดการทำงานอย่างเป็นเอกภาพมากที่สุด ซึ่งตนเชื่อมั่นในตัวท่าน

ทางด้าน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ว่า ประเด็นที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พูดในที่ประชุม คือเรื่องข่าวลือใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผบ.ทบ.ยืนยันว่า การแก้ไขปัญหาต้องใช้การเมืองนำการทหารเท่านั้น โดยให้หน่วยในพื้นที่ชี้แจงต่อประชาชน และชี้แจงผ่านสื่อ สิ่งที่กองทัพจะดำเนินการ คือต้องยึดมั่นบนความถูกต้อง และเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน การที่ ผบ.ทบ.ลงไปเป็นผู้นำการแก้ไขปัญหา ประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่น ประการแรก ท่านเข้าใจปัญหาของพี่น้องมุสลิม เพราะท่านเป็นมุสลิม ประการที่ 2 ท่านประกาศจุดยืนในแนวทางของกองทัพมาตั้งแต่รับหน้าที่ คือการแก้ไขปัญหาและพัฒนากองทัพ

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ