แรงรักแรงพยาบาท ฆ่าอริยัดถังถ่วงน้ำแค้นแย่งผู้หญิงแต่งงาน

ไม่มีใครรู้ว่านายกระแสหายไปไหน จู่ๆ นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อนออกจากบ้านไปแล้วไม่กลับ แม้คนในบ้านจะเที่ยวตามหาและสอบถามเพื่อนที่ไปด้วยกัน ก็ได้รับคำตอบว่ามาส่งแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหนเช่นกัน

เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 วันจนทุกคนกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น!??

ในห้วงที่ทุกคนกำลังออกตามหานายกระแส อีกด้านหนึ่งที่บริเวณคลองตาปลั่ง ภายในซอยเพชรเกษม 81 ชุมชนเลียบคลองตาปลั่ง ถ.เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ แขวงและเขตหนองแขม คลองน้ำสายเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากบ้านนายกระแสประมาณ 10 ก.ม. มีคนพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร สีเลือดหมูลอยเท้งเต้งอยู่ในคลอง

นายสมศักดิ์ ชมพู่ วัย 39 ปี ซึ่งเป็นคนเห็นถังน้ำมันคนแรกรีบชวนเพื่อนว่ายน้ำลงไปเก็บถังน้ำมันหวังเอาไปขายเป็นค่าเหล้า แต่เมื่อเข้าไปถึงกลับพบว่าถังดังกล่าวมีน้ำหนักมากผิดปกติ เมื่อขยับซ้ายขยับขวาเตรียมจะลากเข้าฝั่ง กลับพบมีเลือดและน้ำเหลืองไหลซึมออกมา จึงเดาได้ว่าข้างในนั้นไม่ธรรมดา จะต้องมีอะไรตายอยู่แน่นอน

เอาขึ้นฝั่งจึงรู้ว่าในนั้นเป็นศพคน!??

น้องเมียนายกระแส ที่นึกเอะใจในการพบศพยัดถังจึงรีบเดินทางไปที่คลองตาปลั่ง


เมื่อไปถึงก็แทบช็อกเมื่อเห็นว่าศพในถังเป็นศพของนายกระแส ที่หายจากบ้านไปหลายวัน โดยสภาพศพนายกระแส นอนคุดคู้อยู่ในนั้น มีก้อนหินขนาดใหญ่ 2 ก้อนถ่วงไว้ ตายในชุดสวมเสื้อแจ๊คเก็ตแขนยาวสีดำ กางเกงลายพรางสีเขียว มีบาดแผลถูกทุบศีรษะด้วยของแข็งหลายแผล ส่วนถังน้ำมันถูกปิดไว้มิดชิด มีตาข่ายสีเขียวพันไว้ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน

พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ซึ่งรุดมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ จึงสั่งการให้พ.ต.อ.ดนัย วรรณไพโรจน์ ผกก.สน.หนองแขม พ.ต.ท.เทียนชัย คามะปะโส รองผกก.(ป.) พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.9 พ.ต.ท.จำนงค์ วงศ์คุณัญญา สว.กก.สส.น.9 และร.ต.อ.พูลศักดิ์ เสาโมก ร้อยเวรฯ สอบปากคำน.ส.ประไพไว้

ได้ความว่า ผู้ตายมีอาชีพทำสวนเก็บดอกจำปีขาย อยู่กินกับน.ส.บุญตา อ่อนสมบูรณ์ อายุ 38 ปี พี่สาวของน.ส.ประไพ มีบุตรด้วยกัน 2 คน ประวัตินายกระแส นอกจากเรื่องเสพยาบ้ากับบ้าการพนันแล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร ยกเว้นกับนายสุบิน ทองอุไร หรือ "แจ๊ะ" อายุ 42 ปี เพื่อนบ้านที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ในเรื่องแย่งกันจีบน.ส.บุญตา ซึ่งในที่สุดนายกระแสก็ได้แต่งงานอยู่กินกับน.ส.บุญตา ทำให้นายสุบินเกิดความอาฆาตแค้นตามราวีไม่เลิกจนถึงขั้นขู่ฆ่าก็เคยทำมาแล้ว

นอกจากนี้ ยังแสดงความสงสัยไปที่ตาข่ายสีเขียวที่ใช้มัดถัง ซึ่งดูแล้วคลับคล้ายคลับคลากับตาข่ายฟุตบอลที่อยู่ในบ้านนายสุบินซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน

น.ส.ประไพจึงสะกิดตำรวจรวบตัวไอ้สุบินไว้ก่อน

เจ้าหน้าที่เชิญตัวนายสุบินไปสอบปากคำที่โรงพัก ตอนแรกเจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่ยอมรับว่าเคยมีปัญหากับผู้ตายเรื่องผู้หญิงจริง แต่เป็นเรื่องนานมาแล้ว ทำให้ตำรวจต้องใช้ลูกล่อลูกชนอยู่นานครึ่งวันกว่าจะต้อนนายสุบินจนมุม

เมื่อตอบคำถามไม่ตรงกัน อีกทั้งยังอธิบายที่มาที่ไปของตาข่ายสีเขียวไม่ได้

เท่านั้นมันจึงยอมรับสารภาพ!?!

นายสุบินอ้างว่า วันเกิดเหตุขณะกลับจากทำสวน ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสวนผู้ตาย ถูกผู้ตายพูดแซวและบ้วนน้ำลายใส่ ด้วยความโกรธบวกความหมั่นไส้ จึงเข้าไปชกต่อยแต่สู้ไม่ได้ จังหวะนั้นมองเห็นท่อนเหล็กวางอยู่ใกล้ๆ เลยหยิบมาฟาดศีรษะผู้ตายจนสลบไป ด้วยความกลัวจะมีคนมาเห็นจึงนำศพยัดใส่ในถัง 200 ลิตร ตัดตาข่ายสีเขียวในบ้านมาใช้มัดถังยกใส่เรือพายไปทิ้งที่คลอง

"ผมจ้องเล่นงานนายกระแสมานานแล้ว แต่ยังไม่สบโอกาส พอมีเรื่องชกต่อยเลยสบช่องฆ่าจนตาย"

ท่ามกลางบรรดาญาติผู้ตายและญาติผู้ต้องหาที่รู้จักกันดีทั้งสองฝ่าย เหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี

การทำแผนเริ่มจากจุดที่พายเรือนำศพไปทิ้ง จุดที่ทั้งคู่มีเรื่องชกต่อยกันในสวน จุดที่นายสุบินแบกศพนายกระแสใส่เรือบริเวณใต้ถุนบ้านแม่ของนายสุบิน จุดที่นายสุบินยกหินขนาดใหญ่ 2 ก้อนถ่วงศพ และจุดที่นายสุบินไปดึงตาข่ายที่ใช้กั้นลูกฟุตบอลมาคลุมถังน้ำมัน มาถึงจุดสุดท้ายบริเวณคลองตาปลั่งที่พบศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังพบชะแลงเหล็กยาวประมาณ 2 ฟุต ที่ใช้เป็นอาวุธสังหารจมอยู่ใต้น้ำจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นำตัวนายสุบินกลับไปดำเนินคดีต่อไป

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเศร้าใจให้ญาติพี่น้องทั้งสองฝ่าย เพราะทุกคนรู้ดีว่าคู่นี้เป็นคู่รักคู่แค้นกันมานานแล้ว ความจริงแล้วทั้ง 3 คน ก็โตมาด้วยกัน เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นเป็นหนุ่มสาวจึงรักกัน เกิดเป็นรักสามเส้า แต่สุดท้ายนายกระแสก็สามารถพิชิตหัวใจน.ส.บุญตาได้

ได้แต่งงานกับคนรักแต่ต้องตายเพราะแรงพยาบาท




แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน