เล่ห์ใหม่ตุ๋นเอทีเอ็มอ้างเหยื่อได้คืนภาษี

แก๊ง 40 คนไทยสารภาพแผนตุ๋นเงินผ่านตู้เอทีเอ็มลวงเหยื่อทั่วเอเชีย ความเสียหายหลายร้อยล้านบาท เตือนมีแก๊งตุ๋นใหม่อ้างเป็นสรรพากรหลอกคืนเงินภาษีผ่านตู้เอทีเอ็ม เหยื่อสูญเงินนับล้านเร่งประสานจีนสกัด

 ที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 กันยายน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ร่วมกันแถลงข่าว การรับตัวผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 40 คน แบ่งเป็นชาย 23 คน หญิง 17 คน ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นผ่านระบบโทรศัพท์ข้ามประเทศ (VOIP GATEWAY : Voice Over Internet Protocol) เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยที่มีบัตรเครดิตให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม หลังจากที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ร่วมกับตำรวจจีน บุกทลายแก๊งดังกล่าว ซึ่งตั้งคอลเซ็นเตอร์อยู่ภายในห้องพักอาคารโย่ว หยีต้าซ่า อพาร์ทเมนท์ใหญ่ใจกลางเมืองซัวเถา สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 พล.ต.ท.สมยศกล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย ได้ร้องทุกข์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่มีแก๊งคนร้ายข้ามชาติก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนผ่านบัตรเครดิต โดยมีการกระทำผิดเป็นรูปขบวนการใหญ่ ซึ่งมีผู้เสียหายทั้งชาวไทย จีน ไต้หวัน เกาหลี และมาเลเซีย ตกเป็นเหยื่อกว่า 5,000 ราย เฉพาะผู้เสียหายชาวไทยประมาณ 1,000 ราย แต่เข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจเพียง 500 ราย มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท

 ผบช.ก.กล่าวต่อว่า หลังรับเรื่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ บช.ก.ตั้งคณะทำงานเพื่อสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว กระทั่งทราบว่าขบวนการนี้มีชาวจีนเป็นตัวการใหญ่ และว่าจ้างชาวไทยให้ไปทำหน้าที่พนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อโทรติดต่อหลอกลวงเหยื่อในประเทศไทย โดยมีต้นทางการติดต่อโทรศัพท์มาจากจีน จึงได้รวบรวมหลักฐานและประสานทางการจีนจนสามารถทลายเครือข่ายแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวลงได้ โดยผู้ต้องหาชาวไทยที่จับกุมได้ที่ประเทศจีนนั้นมีทั้งหมด 42 คน ซึ่งทางการจีนควบคุมตัวไว้กระทั่งมีการประสานส่งตัวผู้ต้องหาชาวไทยทั้งหมดกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มีผู้ต้องหาหญิงอายุไม่เกิน 20 ปี ตั้งท้องประมาณ 5-6 เดือนส่งกลับมาไทยเพื่อดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนอีกคนเป็นคนสองสัญชาติและประสงค์จะถูกดำเนินคดีที่ประเทศจีนจึงไม่ได้ส่งตัวกลับมา

 พล.ต.ท.สมยศ กล่าวด้วยว่า พฤติกรรมของแก๊งคนร้ายลักษณะนี้จะทำงานเป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนวิธีการหลอกลวงเหยื่อนั้นจะอ้างว่า เหยื่อเป็นผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นหนี้บัตรเครดิต หรือถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิต เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะสมอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทบัตรเครดิต หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหลอกเหยื่อให้ไปทำธุรกรรมหรือแก้ไขข้อผิดพลาดที่ตู้เอทีเอ็ม แต่จริงๆ แล้วเป็นการหลอกให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มไปเข้าบัญชีที่แก๊งคนร้ายเปิดไว้

 ทั้งนี้ ในการจับกุมแก๊งดังกล่าวทราบว่ายังมีผู้ต้องหาชาติต่างๆ ที่ถูกว่าจ้างให้ไปทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์อีกประมาณ 300 คน ส่วนหัวหน้าแก๊งชาวจีนบางส่วนยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ ซึ่งตำรวจไทยจะประสานกับทางการจีนเพื่อขยายผลเรื่องนี้ต่อไป

 “การสืบสวนยังไม่หยุดเพียงเท่านี้เพราะอาชญากรข้ามชาติที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยเป็นเครื่องมือกระทำผิดนั้น จะมีการพัฒนาวิธีการหลอกลวงให้แยบยลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตำรวจต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา และจากข้อมูลการสืบสวนล่าสุดพบว่า มีแก๊งคนร้ายลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่คราวนี้เปลี่ยนวิธีการหลอกเหยื่อโดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรแจ้งคืนภาษีเงินได้บุคคลเพื่อหลอกเหยื่อไปทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็ม” ผบช.ก. กล่าว

 ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวเสริมว่า กรณีที่คนร้ายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรนั้น มีผู้เสียหายบางรายหลงเชื่อจนสูญเสียเงินไปเป็นล้านบาท ซึ่งตำรวจได้ประสานข้อมูลกับทางการจีนเพื่อสกัดกั้นคนร้ายแก๊งนี้แล้ว อย่างไรก็ตามเชื่อว่าขบวนการใหม่นี้น่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกันกับแก๊งที่ถูกจับกุมไปแล้ว ส่วนข้อมูลภาษีของเหยื่อก็อาจจะมีการโจรกรรมมาจากระบบอินเทอร์เน็ตที่เปิดให้บริการยื่นภาษีแบบออนไลน์ จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเพราะอาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าวตำรวจได้ให้ผู้ต้องหาบางคนออกมากล่าวถึงวิธีการที่แก๊งคนร้ายชาวจีนว่าจ้างคนไทยไปทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อโทรมาหลอกเหยื่อในประเทศไทย โดยนายประสิทธิ พึ่งอนุ อายุ 46 ปี ชาว จ.ราชบุรี กล่าวว่า มีคนจีนที่พูดไทยได้และอยู่ประเทศไทยมาชวนไปทำงานที่ประเทศจีนโดยบอกว่าเป็นงานรับโทรศัพท์รายได้ดี เมื่อเดินทางไปถึงก็ถูกยึดหนังสือเดินทางไว้ทำให้หนีไปไหนไม่ได้

 "จากนั้นทุกเช้าคนจีนที่เป็นคนคุมงานก็จะนำเบอร์โทรศัพท์มาให้โทรไปหาเหยื่อ โดยแต่ละรายจะบอกว่าเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัล จากนั้นจะส่งไม้ต่อให้อีกคนโทรไปหาเหยื่อ แต่ละเดือนได้ค่าจ้าง 2 หมื่นบาท" นายประสิทธิกล่าว 

 นางดวงใจ ฉัตรมณี อายุ 30 ปี ชาว จ.ลำปาง ทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์สายที่ 1 กล่าวว่า หลังจากที่สายแรกโทรไปแล้วสักพักตนจะเป็นผู้โทรต่อ โดยบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทบัตรเครดิตโดยหลอกเหยื่อว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต จากนั้นจะขอชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด โดยอ้างว่าจะนำไปตรวจสอบข้อมูลให้ สักครู่จะแจ้งว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต

 "เมื่อเหยื่อบอกไม่เคยเป็นหนี้ก็จะแจ้งกลับทันทีว่าอาจจะถูกโจรกรรมข้อมูล หรือปลอมแปลงเอกสาร และจะโอนสายให้อีกคนที่อ้างตัวเป็นฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย" นางดวงใจกล่าว

 นายอานนท์ พันธ์ดีอุโมงค์ อายุ 23 ปี ชาว จ.ลำพูน ทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์สายที่ 2 กล่าวว่า จะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของแบงก์ชาติ อ้างว่าได้รับการติดต่อจากฝ่ายเร่งรัดหนี้สินบริษัทบัตรเครดิต ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร เมื่อเหยื่อแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องหนี้สินอาจถูกโจรกรรมข้อมูล ตนก็แกล้งซักรายละเอียดแล้วบอกว่าจะส่งเรื่องให้หัวหน้าฝ่ายของแบงก์ชาติตรวจสอบและแก้ไขเพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกโจรกรรมไปอีก

 ส่วน นางวิรวรรณ วงศ์สิงห์ขัน อายุ 43 ปี ชาว จ.ลำปาง ทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์สายสุดท้าย กล่าวว่า หลังจากที่คนก่อนหลอกเหยื่อไประดับหนึ่งแล้วก็จะสอบถามข้อมูลเครดิตว่ามีวงเงินเท่าไร ในบัญชีมีเงินเท่าไร หากเหยื่อหลงเชื่อจะพูดให้ไปที่หน้าตู้เอทีเอ็มเพื่อทำธุรกรรมโดยจะหลอกว่าให้พิมพ์ตัวเลขชุดหนึ่งเข้าไปเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลในบัตรให้เป็นการป้องกันข้อมูลสูญหาย แต่จริงๆ แล้วตัวเลขชุดนี้เป็นจำนวนเงินที่จะโอนโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว

 นางวิรวรรณกล่าวว่า ทุกเช้าจะมีคนจีนนำบัญชีธนาคารมาวางไว้ให้ที่โต๊ะบัญชีหนึ่งก็ใช้ไม่แน่นอนบางบัญชีใช้ได้เป็นเดือน ที่ผ่านมามีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ต่ำสุด 3,000 บาท สูงสุด 6 แสนบาท แต่บางครั้งพบเหยื่อที่กำลังเดือดร้อน เช่น ป่วยอยู่โรงพยาบาลก็รู้สึกสงสารจึงทำทีบอกไปว่าแก้ไขให้แล้ว

 ทั้งนี้ หลังนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 40 คนกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ที่กองปราบปราม โดยแต่ละคนจะถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ประกอบมาตรา 83 จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ในช่วงสายวันที่ 20 กันยายนนี้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์