หมายจับรองผอ. ซิ่งรถชนเมียน้อย

ตร.แหลมฉบังออกหมายจับรองผอ.สพท.กาฬสินธุ์ ข้อหาพยายามฆ่าเมียน้อยแล้ว พ่อแม่เหยื่อเพิ่งรู้ลูกสาวเป็นเมียเก็บเผยลูกสาวเป็นนักเทควันโดระดับจังหวัด
ส่วนรองผอ.ยื่นใบลาพักร้อนไปแล้ว ปฏิเสธลั่นไม่ได้ทำร้ายตามที่เป็นข่าว สพฐ.ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากพบว่ามีความผิดจะมีโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออก จากกรณีนายปราโมทย์ ฝ่ายคำตา อายุ 46 ปี รองผอ.สำนักงานพื้นที่เขตการศึกษาเขต 3 กาฬสินธุ์ (รองผอ.สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3) สั่งให้ลูกน้องขับรถชน น.ส.ณัฐรภา บุญอภัย อายุ 27 ปี ภรรยาน้อย และร่วมกันรุมทำร้ายอาการสาหัส เพื่อให้แท้งลูกที่เพิ่งตั้งท้องอ่อนๆ เพียง 2 เดือน เนื่องจากกลัวเรื่องแดงและจะกระทบกับหน้าที่การงาน เหตุเกิดบริเวณใต้สะพานต่างระดับแหลมฉบัง ฝั่งขาเข้านิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง หมู่ 3 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 ส.ค. พ.ต.อ.สีหศักดิ์ สร้อยศรี ผกก.สภ.แหลมฉบัง อ.ศรี ราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า

ได้รับรายงานจาก ร.ต.ท.สฐิร พงษ์ ชัยชาญสกุล ร้อยเวรสภ.แหลมฉบัง ซึ่งเป็นเจ้าของคดี ล่าสุดรับแจ้งว่า น.ส.ณัฐรภา อาการปลอด ภัยแล้วทั้งแม่และลูก ซึ่งแพทย์ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ดูแลอย่างใกล้ชิดและย้ายออกจากห้องไอซียูไปรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยรวม เมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ ผกก.สภ.แหลมฉบัง กล่าวต่อไปว่า ส่วนในเรื่องคดีนั้น ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอหมายจับนายปราโมทย์ ฝ่ายคำตา จากศาลจังหวัดพัทยาที่ จ.1618/2551 ลงวันที่ 28 ส.ค. 51 ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกระทำทารุณโหดร้ายต่อร่างกายน.ส.ณัฐรภา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ซึ่งส่งหมายจับไปที่บก.ภ.กาฬสินธุ์และสภ.เมืองกาฬสินธุ์แล้ว ซึ่งเป็นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องหา เพื่อให้จับกุมตัวส่งมาดำเนินคดีที่สภ.แหลมฉบัง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แหลมฉบัง ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายปราโมทย์แต่อย่างใด ซึ่งทางเราเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็จะให้เวลา 3 วัน ถ้าไม่มามอบตัวทางเราก็จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปจับกุมตัว ซึ่งคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ทำคดีอย่างรัดกุม เนื่องจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเป็นถึงข้าราชการระดับซี 8 ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งตำรวจและกระทรวงศึกษาธิการให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็จะประสานงานไปยังสภ.ศรีราชา เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัย

เวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เพื่อดูอาการของน.ส.ณัฐรภา ซึ่งอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว

และทางแพทย์ได้ย้ายจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องพักผู้ป่วยรวมแล้ว ซึ่งมีทางญาติๆ เดินทางมาจาก จ.อุดรธานี เข้ามาเยี่ยมและดูอาการอย่างใกล้ชิด และกำลังจะย้ายไปรักษาตัวที่อื่น เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะผู้ก่อเหตุนั้นเป็นข้าราชการระดับสูงอาจมีอิทธิ พลซึ่งก็ต้องวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมนายปราโมทย์ให้ได้โดยเร็ว ญาติๆ ของผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ทางบิดามารดาของน.ส.ณัฐรภา ผู้บาดเจ็บนั้นไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ว่ามีสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งตั้งแต่เมื่อไร มาทราบอีกทีเมื่อเกิดเหตุทำร้ายกันปางตายแล้ว สำหรับน.ส.ณัฐรภานั้นเป็นนักกีฬาจังหวัดประเภทเทควันโด เมื่อครั้งที่เรียนมหาลัยในจ.อุดรธานี ซึ่งรู้จักกับนายปราโมทย์ ผู้ก่อเหตุในการไปแข่งขันกีฬาระดับจังหวัด จึงอาจคบหากันเรื่อยมา จนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวประจำ จ.กาฬสินธุ์ เดินทางไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์เขต 3 อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ พบนายอนุพงษ์ หมวดเมือง รักษาการผอ.สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 โดยนายอนุพงษ์ กล่าวว่า ตนรับทราบข้อมูลจากสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวไปทั่วประเทศ
ซึ่งนายปราโมทย์ โทรศัพท์ติดต่อกับตนและขอลาพักร้อนไว้แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่านายปราโมทย์ คงจะเตรียมตัวเพื่อจะไปต่อสู้คดี

ในส่วนของการดำเนินการตามระเบียบราชการ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนายปราโมทย์

เพื่อรายงานผลต่อกระทรวงศึกษาธิการภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็จะต้องให้ความเป็นธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย ในส่วนที่ผลจะออกมาอย่างไรนั้น ก็จะต้องขึ้นอยู่ตามข้อเท็จจริง ซึ่งหากมีมูลก็อาจจะต้องออกราชการ ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากนายอนุพงษ์ รักษาการผอ.สพท.กาฬสินธุ์ เขต 3 ว่า ก่อนเกิดเหตุนายปราโมทย์ ลาหยุดพักผ่อนเป็นเวลา 2 วัน คือวันที่ 27-28 ส.ค. แต่ในวันเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นวันที่นายปราโมทย์ จะต้องทำงาน แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ ล่าสุดนายปราโมทย์ โทรศัพท์มาหาพร้อมบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จริงแล้ว

รวมทั้งสั่งการให้นายอนุพงษ์ หาข้อมูลและรายละเอียดว่าเมื่อสองวันที่ผ่านมา นายปราโมทย์ อยู่ที่ใดและพักผ่อนกับครอบครัวหรือไม่ นอกจากนี้ยังให้นายอนุพงษ์ เช็กข้อมูลและรายละเอียดไปที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อนำข้อมูลมา ประกอบรวมกัน อย่างไรก็ตามคาดว่าภายใน 1-2 วัน จะสามารถสรุปผลการสอบข้อเท็จจริงได้ "อย่างไรก็ตาม หากพบว่านายปราโมทย์ กระทำผิดจริง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากพบว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงจะมีโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออก" เลขาธิการกพฐ.กล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์