โจ๋หื่นฆ่าข่มขืน ด.ญ.8 ขวบ

โจ๋หื่นวัย 18 ก่อคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าข่มขืนวิถาร ด.ญ.8 ขวบ

หลังเดินสวนกันหน้าห้องน้ำสาธารณะกลางดึก เกิดอารมณ์ ทางเพศลวงไปที่เปลี่ยวหลังวัด จัดการผลักล้มหวังข่มขืน แต่เหยื่อฮึดสู้-ร้องตะโกนให้คนช่วย ฆาตกรวัยละอ่อนกลัวคนได้ยิน บีบคอจนสลบแน่นิ่ง ลงมือข่มขืนวิตถารทั้งประตูหน้า-หลังจนสำเร็จความใคร่ เหยื่อเกิดฟื้นคืนสติเลยจัดการฆ่าปิดปาก บีบคอจนตายคามือ ก่อนทำเนียนวิ่งไปแจ้ง จนท.หวังสร้างสถานการณ์ แต่ไม่รอดตร.จับพิรุธได้ เค้นสอบจนยอมรับสารภาพ แฉโจ๋หื่นเพิ่งพ้นโทษจากสถานพินิจในคดีข่มขืนได้ไม่ถึงเดือน 
 
เหตุฆ่าข่มขืน ด.ญ. 8 ขวบ รายนี้ถูกเปิดเผย เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 28 ส.ค.

พ.ต.ท.ผดุงศักดิ์ ซื่อกำเนิด สารวัตรเวร สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่าได้พบศพเด็กผู้หญิงอยู่บริเวณข้างกำแพงหลังวัดสัตหีบ หรือวัดหลวงพ่ออี๋ หมู่ 1 ต.สัตหีบ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่ เกิดเหตุ พบศพ ด.ญ.สายชล ศรีสวัสดิ์ หรือน้องออย อายุ 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี นอนตายอยู่ในสภาพสวมชุดกระโปรงสีชมพู-ขาว ท่อนล่างเปลือยเปล่า อวัยวะเพศและรูทวารหนักฉีกขาดมีเลือดไหล และพบคราบอสุจิภายในรูทวารหนัก นอกจากนี้บริเวณลำคอถูกบีบจนเป็นรอยเขียวช้ำ
 
ในขณะที่ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นั้น ได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่าง โรจนธรรมสถานสัตหีบ ว่าได้ควบคุมตัวเด็กชายต้องสงสัย ขณะวิ่งออกจากที่เกิดเหตุมาแจ้งว่าพบศพเด็กหญิงถูกฆ่าตาย

แต่จากการสังเกตมีอาการลุกลี้ลุกลนและมีพิรุธน่าสงสัย จึงควบคุมตัวไว้ก่อน ต่อมา พ.ต.อ.สุภธีร์ บุญครอง ผกก.สภ. สัตหีบ จึงเดินทางมาสอบปากคำเด็กชายต้องสงสัย ทราบชื่อต่อมาว่า ด.ช.หนึ่ง (นามสมมุติ) มีภูมิลำเนาอยู่ใน อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งจากการสอบสวน ด.ช.หนึ่งให้การรับสารภาพอ้างว่ามีอายุ 14 ปีและเป็นคนก่อเหตุข่มขืนฆ่า ด.ญ.สายชล จริง โดย ด.ช.หนึ่ง ให้การว่า เมื่อเวลา 21.30 น. คืนวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะเดินอยู่บริเวณห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ติดกับวัดสัตหีบ พบน้องออยกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำเพียงลำพัง ซึ่งขณะนั้นได้เกิดอารมณ์ทางเพศมาก ประกอบกับได้เสพยาบ้าเข้าไปด้วย จึงได้ล่อลวงน้องออยไปเล่นบริเวณหลังวัด เมื่อเห็นว่าลับตาผู้คนจึงได้ลงมือ โดยการผลักให้นอนลงกับพื้นหวังข่มขืน แต่น้องออยต่อสู้และร้องตะโกนให้คนช่วย จึงได้บีบคอจนน้องออยสลบแน่นิ่ง แล้วอุ้มร่างน้องออยห่างไปจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร เพราะเกรงคนมาพบ

จากนั้นได้ลงมือข่มขืนทั้งทางช่องคลอด และรูทวารหนักจนสำเร็จความใคร่

ขณะนั้นเองน้องออยฟื้นขึ้นมา ด้วยความที่เกรงกลัวความผิดจึงจัดการฆ่าปิดปาก บีบคอน้องออยจนขาดใจตายคามือ ก่อนจะไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายเพื่อทำลายหลักฐาน แล้ววิ่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยว่าพบผู้เสียชีวิต เพื่อสร้างสถานการณ์ไม่ให้ คนอื่นสงสัยตนเอง แต่ก็ไม่วายออกอาการพิรุธจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว      
        
ด้าน นางลพิน บูรณกิติ มารดาน้องออย ให้การว่า เมื่อเวลา 21.10 น. ของเมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะขายไส้กรอกอีสานอยู่นั้น ลูกสาวได้ร้องปวดปัสสาวะขอไปเข้าห้องน้ำ จึงปล่อยให้บุตรสาวไปตามลำพัง

จนเวลาผ่านไปนานกว่า 2 ชั่วโมง เห็นว่าผิดสังเกตและเวลาดึกมากแล้ว จึงได้ออกตามหาแต่ไม่พบ และทราบข่าวว่ามีเด็กหญิงถูกฆาตกรรมอยู่ข้างวัด เมื่อมาดูพบว่าเป็นบุตรสาวตนเองถึงกับเป็นลมล้มพับ หัวใจแทบสลาย เพราะลูกสาวเป็นเด็กที่น่ารัก ตั้งใจเรียน เวลาว่างก็มาช่วยค้าขาย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนเลย
 
“ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินที่จะจัดงานศพตามประเพณีทางศาสนา จึงขอวิงวอนขอผู้ใจบุญช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป โดยสามารถโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาบางใหญ่ จ.นนทบุรี เลขที่บัญชี 221-0-84565-3 นางลพิน บูรณกิตินางลพิน กล่าวทั้งน้ำตา
 
ขณะที่ พ.ต.อ.สุภธีร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติของ ด.ช.หนึ่ง พบว่าเกิดปี พ.ศ. 2533 ซึ่งอายุขณะนี้ 18 ปีบริบูรณ์ ไม่ใช่อายุ 14 เหมือนที่ผู้ต้องหาให้การไว้เบื้องต้น

นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า เคยต้องคดีถูกคุมขังในข้อหาข่มขืน เพิ่งจะพ้นโทษออกจากสถานพินิจเยาวชน จ.ระยอง ได้ไม่ถึงเดือนก็มาก่อคดีฆ่าข่มขืนสะเทือนขวัญขึ้นในครั้งนี้ ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.สุภธีร์ พร้อมกำลัง ได้นำตัว นายหนึ่ง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ท่ามกลางประชาชนกว่า 1,000 คน ที่มามุงดูเหตุการณ์ พร้อมกับตะโกนด่าสาปแช่งต่าง ๆ นานา และพยายามจะฮือเข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำผู้ต้องหาลงจากรถได้ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงได้ประสานขอกำลังสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเรือ รวมประมาณ 100 นาย เข้าทำการสกัดกั้นประชาชนที่มามุงดู
 
อย่างไรก็ตาม ขณะกำลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพอยู่นั้น บรรดาไทยมุงได้พยายามขว้างปาสิ่งของใส่ผู้ต้องหา ทำให้เจ้าหน้าที่บางรายถูกลูกหลง แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ มากมาย หลังจากทำแผนเสร็จเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาปีนกำแพงหนีออกทางด้านหลังวัด ไม่เช่นนั้นประชาชนนับพันที่ห้อมล้อมต้องเข้ามารุมประชาทัณฑ์แน่นอน.
  

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์