จับปล้นแบงก์ ในสุวรรณภูมิ

กรณี 2 คนร้ายปฏิบัติการอุกอาจควงปืนและมีดบุกปล้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา

บังคับจับพนักงานธนาคาร 8 คน ใส่กุญแจมือและซ้อมได้รับบาดเจ็บไปตามๆกันก่อนกวาดเงินสดจำนวน 3.3 ล้านบาทเผ่นหนี พร้อมถอดเอากล้องวงปิดที่ติดตั้งไว้ในธนาคารไปด้วย เพื่อป้องกันการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามคดี โดยสงสัยว่า 1 ในคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคารดังกล่าวที่ถูกไล่ออกไป ก่อนจัดชุดสืบสวนไล่ล่าอย่างกระชั้นชิดนั้น
 

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมแก๊งโจรปล้นแบงก์ได้แล้ว โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 มิ.ย.

พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.ท.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี พ.ต.ต.กวีรัตนะ ยังคมธรรม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เดินทางไปขออนุมัติหมายจับ 2 คนร้ายที่ก่อคดีดังกล่าวจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ กระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับนายศิริศักดิ์ หรือต้อม ยอดเจริญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/13 หมู่ 3 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. และนายสุพชฌาย์ หรือบุญเกี้ยง ภูถูกหมอก อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 8 ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน ก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจโดยใช้ยานพาหนะเพื่อเป็นการสะดวกในการหลบหนี และพกพาอาวุธไปในที่ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
 

พล.ต.ต.วิทยา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจทั้งจากศูนย์สืบสวน บช.ภ.1 กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.สมุทรปราการ และฝ่ายสืบสวน สภ.ราชาเทวะ ได้ประสานร่วมกันในการหาข้อมูลเพื่อติดตามคนร้าย
 
กระทั่งได้เบาะแสสำคัญที่ทำให้ทราบตัวผู้ต้องสงสัย 2 คนคือนายศิริศักดิ์ ตามแนวทางสืบสวนทราบว่าทำงานเป็นพนักงานขับรถชัตเติลบัสภายในสนามบิน ขณะเกิดเหตุไม่ได้สวมหมวกปกปิดใบหน้า ทำให้พนักงานธนาคารจำหน้าได้แม่นยำ หลังมีการนำภาพสเกตช์ไปเปรียบเทียบกับประวัติทะเบียนราษฎร และอีกคนคือนายสุพชฌาย์ เคยทำงานเป็นอดีต รปภ. บริษัทกรุงเทพรักษาความปลอดภัย จำกัด เป็นบริษัทที่รับดูแลความปลอดภัยของธนาคารกรุงเทพโดยตรง และเพิ่งถูกไล่ออกเมื่อเดือน พ.ย. 50 เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก่อนมายึดอาชีพขับรถแท็กซี่วนเวียนอยู่ในสนามบิน โดยทั้งคู่รู้จักสนิทสนมกัน


ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุมีพยานแวดล้อมเห็นนายสุพชฌาย์เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณหน้าธนาคารประมาณ 2-3 ครั้ง

เป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวภายในธนาคาร ตลอดจนระบบการรักษาความปลอดภัยของธนาคารเป็นอย่างดี เพราะเคยทำงานที่ธนาคารแห่งนี้มาก่อน พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขอนุมัติหมายจับกุม โดยคนร้ายทั้ง 2 คนได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ จ.ลพบุรี บริเวณรอยต่อ อ.ชัยบาดาล กับ อ.สระโบสถ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังชุดสืบสวนกว่า 100 นาย ออกไล่ล่าติดตามอย่างกระชั้นชิด และหากประชาชนคนใดทราบเบาะแสของคนร้ายสามารถแจ้งข้อมูลมาได้ที่ บก.ภ.จ.สมุทรปราการ โดยมีการตั้งรางวัลนำจับเป็นเงิน 400,000 บาท


ส่วนการติดตามไล่ล่าคนร้ายตั้งแต่เช้าวันเดียวกัน ชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.อ.สุกิจ สมณะ รอง ผบก.ศสส.ภ.1

นำกำลังประสาน พ.ต.อ.สงบ อัดโดดดร ผกก.สภ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี และ พ.ต.ท.พรชัย ไข่สนอง รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.ลพบุรี เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 161 บ้านซับหินขวาง หมู่ 4 ต.บ้านใหม่สามัคคี อ.ชัยบาดาล เป็นบ้านของนายออน วงษ์สุขะ อายุ 63 ปี และนางสังวร หาผล อายุ 53 ปี พ่อตาแม่ยายของนายศิริศักดิ์ 1 ในคนร้ายที่ก่อเหตุ เนื่องจากสงสัยว่านายศิริศักดิ์น่าจะหลบหนีมากบดาน เมื่อไปถึงพบนายออน และนางสังวร อยู่ในบ้านพร้อมด้วยนางสังวาลย์ เหมือนเผ่า อายุ 34 ปี ลูกสาวของนายออนกับนางสังวร และเป็นภรรยาของนายศิริศักดิ์


จากการสอบสวนนางสังวาลย์ ภรรยานายศิริศักดิ์ ให้การว่า ตนทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ

หลังเกิดเหตุปล้นธนาคารสามีได้โทรศัพท์มาบอกว่าเป็น 1 ในคนร้ายที่ก่อเหตุและอยู่ระหว่างหลบหนี หลังทราบเรื่องก็รีบเดินทางกลับมาบ้านที่ อ.ชัยบาดาล ทันที เพราะคาดว่าสามีน่าจะหนีมาหลบซ่อนแน่นอน เพื่อพูดจาขอร้องให้ยอมมอบตัว กระทั่งทราบว่านายศิริศักดิ์หนีมากับนายสุพชฌาย์ เพื่อนที่ก่อเหตุจริง แต่ทั้งคู่ไม่ได้นอนที่บ้าน โดยหลบไปอยู่บนชายเขาซับหินขวางห่างจากบ้านไปประมาณ 3-4 กม.


ขณะที่นายออนกับนางสังวรให้การเพิ่มเติมว่า นายศิริศักดิ์กับนายสุพชฌาย์ เดินทางมาถึงบ้านตอนเที่ยงวันที่ 22 มิ.ย.

โดยมีเพื่อนอีกคนขับรถปิกอัพนิสสัน ฟรอนเทียร์ ไม่ทราบทะเบียน มาส่งแล้วรีบเดินทางกลับไป จากนั้นนายศิริศักดิ์ให้เงินไว้ 4,000 บาทแล้วเอาไปซ่อนในซอกหินอีก 100,000 บาท บอกให้เก็บไว้ใช้ภายหลัง ทั้งนี้ หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจพาทั้งคู่ไปตรวจยึดเงินจำนวนดังกล่าว ก่อนกระจายกำลังกันปิดล้อมชายเขา แต่ไม่พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีเพียงรอยใต้พุ่มไม้ที่มีการตัดกิ่งไม้ไว้รองนอน และมีก้านธูปปักไว้ 9 ดอก โดยทราบจากพยานว่าผู้ต้องหาได้หนีไปกบดานอยู่บนเขาซับหินขวางเขตติดต่อกับเขาฟ้าแลบ


ต่อมา พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่สนามโรงเรียนบ้านซับหินขวาง

พร้อมเรียก พล.ต.ต.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ ผบก.ภ.จ.ลพบุรี ประชุมร่วมกับชุดสืบสวนภาค 1 และชุดสืบสวน ภ.จ.ลพบุรี จากนั้นได้สั่งการให้ตรวจค้นบริเวณรอบบ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง กระทั่งพบเงินสดจำนวน 1,050,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ซ่อนไว้ในไหนำไปฝังดินไว้ข้างบ้านและนำโอ่งน้ำทับอำพรางไว้ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้กระจายกำลังออกเป็น 4 ชุด เข้าปิดล้อมไล่ล่าคนร้าย โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลบ.1 (ห้วยหิน) ร่วมนำทาง โดยใช้สุนัขตำรวจ 2 ตัว ไล่ล่าทางภาคพื้นดินและใช้เฮลิคอปเตอร์บินกดดันทางอากาศ 


กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ชุดสืบสวนได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัดมาจากชายเขาซับหินขวางฝังติดกับเขาฟ้าแลบ จึงกระจายกำลังโอบล้อมและสามารถรวบตัวนายศิริศักดิ์ได้เป็นคนแรก

พร้อมยึดอาวุธปืน .38 ได้ 1 กระบอก วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง ชุดปักกรดพระ 1 ชุด และอุปกรณ์เดินป่าครบชุด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดได้จับกุมนายสุพชฌาย์ไว้ได้ขณะแยกกันหนีไปซ่อนตัวห่างจากนายศิริศักดิ์ไม่มากนัก พร้อมของกลางอาวุธปืน .38 จำนวน 1 กระบอก และเงินสดในใส่กระเป๋าสะพายลายพรางจำนวน 1,200,000 บาท เบื้องต้นทั้งคู่ให้การว่า หลังก่อเหตุได้แบ่งเงินกันเรียบร้อย โดยส่วนของนายศิริศักดิ์ได้ฝังดินไว้ที่บ้านพ่อตาแม่ยาย ในส่วนของนายสุพชฌาย์พกติดตัวไว้และระหว่างหลบหนีนายศิริศักดิ์เกิดทำปืนลั่น เลยแยกย้ายกันหนีและถูกจับกุมได้ดังกล่าว จากนั้นคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปสอบปากคำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที 


ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายชุดสืบสวน ภ.จ.สมุทรปราการ

ร่วมกับชุดสืบสวนภาค 7 นำกำลังเข้าจับกุมนายสมควร ศรีวรรณา อายุ 37 ปี คนร้ายที่เป็นคนขับรถพานายศิริศักดิ์กับนายสุพชฌาย์ หลบหนีและพาไปส่งที่บ้านใน อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 144/113 หมู่บ้านฟ้าใสวิลล์ หมู่ 6 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมยึดเงินสดซุกซ่อนใต้เพดานจำนวน 550,000 บาท ก่อนคุมตัวมาสอบสวน โดยนายสมควรให้การว่า ได้รับว่าจ้างจากนายสุพชฌาย์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกันให้ขับรถปิกอัพไปส่งที่ธนาคารอ้างว่าจะไปทวงหนี้และพาไปส่งที่ จ.ลพบุรี ได้ค่าจ้าง 600,000 บาท โดยนำไปซื้อของแล้ว 50,000 บาท กระทั่งมารู้ ภายหลังว่าทั้งคู่ไปปล้นธนาคาร 


ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ปป.2 พล.ต.ท. ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ

ร่วมกันแถลงจับกุมนายสุพชฌาย์ นายศิริศักดิ์ และนายสมควร ผู้ต้องหาร่วมกันปล้นธนาคารโดย พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาได้ภายใน 2 วัน ถือเป็นการทำงานที่ได้ผล ส่วนเงินของกลางได้รวบรวมคืนมาได้ประมาณ 3.2 ล้านบาท ขณะที่ส่วนนายศิริศักดิ์ 1 ใน 3 ผู้ต้องหา รับสารภาพว่าได้ร่วมกันวางแผนเพื่อลงมือปล้นธนาคารกรุงเทพ 3 วัน เพราะต้องการนำเงินไปใช้


ด้าน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ปป.2 กล่าวว่า การนำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนมาแถลงข่าวเพื่อเพราะเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะเคยก่อคดีในลักษณะเดียวกันมาก่อน

ขอให้ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ถูกชิง ทรัพย์ให้เข้ามาแจ้งความกับตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป ส่วนอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกที่ยึดได้จากคนร้ายจะนำไปตรวจเปรียบเทียบหัวและปลอกกระสุนว่าเคยก่อคดีมาก่อนหรือไม่


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์