วางยาหมาลักข้าว โดนโจรบุกขนจนเกลี้ยงยุ้ง

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 พ.ค. พ.ต.ท.สุมนชาย จำนงนิจ สารวัตรเวร สภ.เมืองหนองบัวลำภู รับแจ้งมีคนร้ายขโมยข้าวเปลือกของชาวนาไปจนเกลี้ยงยุ้ง เหตุเกิดที่ยุ้งข้าวของนางคำดา พิมพ์ดี อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 5 บ้านโนนสว่าง ต.นามะเฟือง อ.เมืองหนองบัวลำภู จึงนำกำลังไปตรวจสอบ 


ที่เกิดเหตุเป็นยุ้งเก็บข้าวเปลือก
 
ตั้งอยู่ห่างจากตัวบ้านราว 20 เมตร ประตูยุ้งเปิดอ้าอยู่ ข้าวเปลือกในยุ้งหายไปจนเกลี้ยง โดยมีนางคำดาเจ้าของบ้านนั่งร้องไห้เหม่อมองไปที่ยุ้งข้าวด้วยใบหน้าเศร้าสลด ตรวจสอบในยุ้งข้าวพบรอยเท้าคนร้าย คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 คน บางรอยแสดงให้เห็นว่าคนร้ายบางคนไม่ได้สวมรองเท้า เดินจากยุ้งข้าวออกไปตามทางเดินประมาณ 60 เมตร และพบรอยล้อรถยนต์ คาดว่าน่าจะเป็นรถกระบะที่คนร้ายนำมาขนย้ายข้าวเปลือกทั้งหมดหลบหนีไป


นอกจากนี้ ยังพบสุนัขพันธุ์พื้นบ้านของนางคำดา ถูกวางยาเบื่อตายไป 2 ตัว และสุนัขของร้านอาหารกุ้งนางที่อยู่ใกล้กัน
 
ถูกวางยาเบื่อตายไปอีก 2 ตัว เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายเป็นคนในพื้นที่ อาศัยช่วงกลางดึกที่เจ้าของบ้านหลับสนิท ลอบวางยาเบื่อสุนัขก่อนจะขับรถกระบะมาจอด แล้วลงไปโกยข้าวเปลือกในยุ้งใส่ถุงปุ๋ยที่เตรียมมา ขนขึ้นรถหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม ตำรวจตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายที่ก่อเหตุต้องมีความชำนาญในการกรอกข้าวเปลือกใส่ถุง และการแบกขนถุงข้าวเปลือก จึงลงมือได้อย่างชำนาญและรวดเร็ว 


นายทองปาง วรรณกิจ อายุ 48 ปี สามีของนางคำดาเปิดเผยว่า

ข้าวเปลือกในยุ้งเป็นข้าวพันธุ์ กข. ซึ่งปีนี้ข้าวได้ผลผลิตดี หลังเก็บเกี่ยวแล้วได้นำข้าวเปลือกส่วนใหญ่ขายให้กับโรงสี ที่เหลือราว 68 ถุงปุ๋ยนำมาเก็บไว้ในยุ้ง ก่อนจะทยอยนำไปสีกินในครอบครัว กระทั่งเหลือข้าวอยู่ 50 ถุงปุ๋ย หรือประมาณ 1,500 กก. คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 หมื่นบาท จึงนำมาเทกองรวมกันไว้ในยุ้งเพื่อเก็บไว้กินตลอดทั้งปี รวมทั้งเก็บไว้ทำพันธุ์ในฤดูกาลทำนาปีหน้า


ชาวนาผู้โชคร้ายเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือต่อไปว่า
 
เมื่อคืนตนและครอบครัวเข้านอนประมาณเที่ยงคืน ตื่นเช้าขึ้นมาก็เห็นหมา 2 ตัวที่เลี้ยงไว้ พร้อมหมาของเพื่อนบ้านอีก 2 ตัว ถูกยาเบื่อนอนดิ้นทุรนทุรายขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตา จึงพากันออกตรวจสอบก็พบว่าประตูยุ้งข้าวเปิดอยู่ พอเข้าไปดูถึงกับเข่าอ่อนลมแทบจับ เมื่อข้าวเปลือกในยุ้งหายไปจนหมดเกลี้ยง เมียและลูกถึงกับร้องไห้โฮ เพราะข้าวที่เก็บไว้เป็นน้ำพักน้ำแรงของทุกคนในครอบครัว ไม่ได้คิดจะนำไปขาย คิดว่ามีข้าวเก็บไว้ก็มีอยู่มีกินไปตลอดปี จากนี้ไปจนกว่าข้าวปีใหม่จะเก็บเกี่ยวได้ ครอบครัวตนจะต้องดิ้นรนหาเงินไปซื้อข้าวสารมากรอกหม้อ ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ข้าวของราคาแพงขึ้นทุกวัน คนปลูกข้าวเองกลับต้องซื้อข้าวกิน ไม่เข้าใจว่าทำไมคนสมัยนี้ถึงใจบาปหยาบช้ากันนัก ที่ผ่านมาในหมู่บ้านก็ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้ ทำให้ตนประมาทไม่ได้ปิดล็อกกุญแจประตูยุ้ง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์