เผยภาพเที่ยวไทย พ่อขังลูก24ปี

แฉพ่อนรกชาวออสเตรียเคยบินมาเที่ยวพัทยา และกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ขังลูกไว้ใต้ดิน โดยมากับเพื่อนชาว เยอรมัน

คาดว่าน่าจะมาเที่ยวตามประสาผู้ชาย ขณะที่จัดเตรียมอาหารไว้ให้ลูกสาวในห้องใต้ดินเพื่อไม่ให้อดตาย เผยที่ตัดสินใจนำลูก 3 คนแรกขึ้นมาเลี้ยงในบ้านเชื่อว่าเพราะเด็กร้องงอแง จนกลัวว่าจะมีคนได้ยิน ขณะที่อดีตคนเคยเช่าบ้านอยู่เปิดใจไม่รู้มาก่อนว่าใต้พื้นบ้านมีการกักขังคนเอาไว้ โดยเคยได้ยินเสียงเคาะพื้นแต่ไม่ได้สนใจ เพราะพ่อจอมโฉดตั้งระเบียบผู้เช่าห้ามลงไปยุ่มยามชั้นใต้ดิน แถมขู่ว่าติดตั้งสัญญาณกันขโมยไว้ด้วย ออสเตรียเร่งสืบการตายของทารกแฝดลูกคนสุดท้าย ว่าถูกฆาตกรรมหรือไม่ ถ้าใช่โทษจะหนักขึ้นอีก เพราะคดีขัง-ข่มขืนลูกโทษจำคุกสูงสุดเพียง 15 ปี แฉประวัติสุดโฉดเคยถูกจับคดีข่มขืนมาแล้ว แต่ติดคุกไม่นานก็ออกมาลอยชายกระทั่งก่อเหตุช็อกโลกกับลูกสาวตัวเอง ขณะที่แม่ของเหยื่อสาวพบหน้าลูกเป็นครั้งแรกหลังไม่เจอกันนานถึง 24 ปี ร่ำไห้เข้ากอดยืนยันไม่รู้เรื่องด้วยเลย แต่ตร.ยังไม่ปักใจเร่งสืบสวนขยายผลประเด็นสมรู้ร่วมคิด

จากคดีช็อกโลกนายโจเซฟ ฟริตเซิล วิศวกรไฟฟ้าวัย 73 ปี อาศัยอยู่ในเมืองอัมสเต็ตเทน ประเทศออสเตรีย

จับลูกสาวของตัวเองไว้ในห้องใต้ดินที่บ้านนานถึง 24 ปี ตั้งแต่อายุ 18 ปี จนปัจจุบัน 42 ปี ข่มขืนจนตั้งครรภ์ให้กำเนิดลูกถึง 7 คน ในจำนวนนี้ 3 คนถูกนำขึ้นมาเลี้ยงดูเหมือนปกติ โดยอ้างกับเมียว่าลูกสาวหนีออกจากบ้านไปเข้าลัทธิ แล้วนำหลานมาทิ้งให้เลี้ยง ส่วนอีก 3 คนกินนอนอยู่กับแม่ในห้องใต้ดิน และอีกคนเป็นฝาแฝดเสียชีวิตหลังคลอด กระทั่งความแตกเมื่อต้องพาลูกไปโรงพยาบาล ตำรวจบุกเข้าตรวจดูภายในห้องใต้ดินพบแบ่งเป็นห้องนอน ห้องครัว และห้องสุขา กรุวัสดุเก็บเสียงอย่างดี จนคนภายนอกไม่สามารถได้ยินเสียงปิดปกติใดๆ ทำให้สามารถเก็บความลับนี้จากทั้งเมียและเพื่อนบ้านมานานกว่า 24 ปี เบื้องต้นตามกฎหมายของประเทศออสเตรีย พฤติกรรมของนายโจเซฟ มีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น


ฝรั่งฉาว- หนังสือพิมพ์ออสเตรียเผยแพร่ภาพถ่ายนายโจเซฟ ฟริตเซิล พ่อวิปริตที่ขังแล้วข่มขืนลูกในไส้จนมีลูกด้วยกันถึง 7 คน เมื่อครั้งมาท่องเที่ยวเมืองไทย ทั้งเล่นน้ำทะเลพัทยาและนั่งเรือล่องเจ้าพระยา ตามข่าว



ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 30 เม.ย. หนังสือพิมพ์เดลิเมล์และเดอะซันของอังกฤษ เผยภาพถ่ายสมัยนายโจเซฟ พ่อวิปริตชาวเมืองอัมสเต็ตเทน ประเทศออสเตรีย พร้อมเพื่อน

เดินทางมาเที่ยวพัทยาและนั่งเรือชมทิวทัศน์ 2 ฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในประเทศไทยเมื่อปีพ.ศ.2541 ซึ่งในภาพนายฟริตเซิล มีความสุขมาก ขณะที่อีกฟากโลกช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองน.ส.เอลิซาเบธ รวมทั้งลูกอีก 2 คนถูกนายฟริตเซิลจับขังไว้ในห้องลับใต้ดิน ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน พ.ต.อ.ฟรานซ์ โพลเซอร์ ตำรวจเจ้าของคดี กล่าวว่าภาพดังกล่าวถ่ายสมัยนายฟิตเซิลเดินทางไปเที่ยวประเทศไทยตามประสาผู้ชาย พร้อมเพื่อนชายชาวเยอรมันคนหนึ่ง ส่วนน.ส.เอลิซาเบธ และลูกที่ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดิน นายฟิตเซิลทิ้งอาหารเอาไว้ให้ 3 แม่ลูกรับประทานอย่างเพียงพอในช่วงไม่อยู่บ้านหรือเดินทางไปต่างประเทศ แต่ตำรวจคงไม่ตามสืบขยายผลว่านายฟิตเซิลไปทำอะไรที่เมืองไทย เพราะไม่เกี่ยวข้องกับคดี

น.ส.พ.เดลิเมล์รายงานว่า หลังถูกจับกุม นายฟริต เซิล สารภาพว่ามีเพศสัมพันธ์กับน.ส.เอลิซาเบธจริง

แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันแม้แต่ครั้งเดียว สำหรับสาเหตุที่นำตัวลูกบางคนที่เกิดกับน.ส.เอลิซาเบธ ออกจากห้องใต้ดินมาเลี้ยงบนบ้านเพราะตอนแรกเกิด เด็กๆ พวกนี้ร้องไห้งอแงเสียงดังมาก จึงกลัวว่าเรื่องจะแดงขึ้นมาจึงนำมาเลี้ยงบนบ้านและแต่งเรื่องโกหกภรรยา ว่า ลูกสาวแอบเอาเด็กมาทิ้งไว้หน้าบ้านเพราะไม่มีเงิน และเลี้ยงดูลูกไม่ไหว"จนถึงวันนี้ นายฟริตเซิลยังไม่สำนึกหรือเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปกับลูกสาวตัวเอง ระหว่างสอบปากคำยังทำตัวหยิ่งยโสราวกับไม่เคยทำอะไรผิด" เดลิเมล์ อ้างคำพูดตำรวจออสเตรียที่ร่วมทำคดี

ด้านนายอัลเฟร็ด ดูบานอฟสกี พนักงานสถานีบริการน้ำมัน วัย 42 ปี ซึ่งเคยเช่าห้องพักในตึกที่พักของนายฟิตเซิล กล่าวว่า

นายฟริตเซิลชอบลงไปขลุกในห้องใต้ดินทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ พร้อมออกกฎห้ามผู้เช่าห้องเข้าไปยุ่มย่ามในบริเวณห้องใต้ดินและสวนหลังบ้านเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะยกเลิกสัญญา นอกจากนั้น ยังขู่ว่าถ้าใครฝ่าฝืนกฎนี้จะทราบทันทีเพราะติดสัญญาณกันขโมยไว้หมดแล้ว

"ผมจำได้สมัยเช่าห้องอยู่ชั้น 1 เคยได้ยินเสียงเคาะแปลกๆ ดังมาจากใต้พื้นห้อง แต่ไม่เคยเอะใจมาก่อนว่าในที่สุดจะเป็นเสียงที่เอลิซาเบธเคาะขอความช่วยเหลือ ผมเสียใจมาก อยากให้พระเจ้าช่วยย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต เรื่องแปลกๆ ของนายฟริตเซิลอีกเรื่องก็คือ เวลามีใครพูดถึงตำรวจหรือพวกคดีความต่างๆ เขาจะดูตื่นๆ หน่อย มีครั้งหนึ่งเราเคยเถียงกันว่าใครควรจ่ายค่าซ่อมประตู พอผมบอกว่าถ้าตกลงกันไม่ได้คงต้องยื่นฟ้องตัดสินกันที่ศาล เขาถึงยอมซ่อมเอง" นายดูบานอฟสกี กล่าว

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า น.ส.เอลิซาเบธ วัย 42 ปี มีโอกาสพบหน้ากับนางโรสแมรี่ แม่บังเกิดเกล้า วัย 67 ปีแล้วเป็นครั้งแรก

ทันทีที่พบกันต่างฝ่ายต่างร้อง ไห้และโผเข้าสวมกอดหลังจากไม่เจอหน้ามานาน 24 ปีเต็ม นางโรสแมรี่ได้แต่พูดกับลูกสาวด้วยความเศร้าเสียใจ ว่า "แม่ขอโทษ แม่ไม่รู้เรื่องจริงๆ" อย่างไรก็ตาม ตำรวจออสเตรียยังต้องสืบสวนต่อไปว่า นางโรสแมรี่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมวิปริตของสามีจริงหรือไม่

วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์โครเน็น สื่อสิ่งพิมพ์ออสเตรียชื่อดัง รายงานว่า ก่อนหน้าที่นายฟริต เซิล จะข่มขืนเอลิซาเบธและจับไปขังในห้องใต้ดิน
 
นายฟริตเซิลเคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีข่มขืนและศาลตัดสินว่าผิดจริง แต่รับโทษจำคุกไม่นานก็ได้รับอิสรภาพ ส่วนคดีล่าสุดแม้จะมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี แต่ในทางปฏิบัตินายฟริตเซิลมีแนวโน้มรับโทษจำคุกน้อยกว่านั้น ยกเว้นเจ้าหน้าที่จะพิสูจน์ได้ว่าลูกฝาแฝดที่เกิดจากน.ส.เอลิซาเบธกับนายฟริตเซิลไม่ได้ตายตามธรรมชาติหลังคลอดตามที่นายฟริตเซิลสารภาพ แต่ตายเพราะนายฟริตเซิลจงใจฆ่าเด็กทิ้งและนำศพไปเผาในเตาไฟ

นายอัลเฟรด กูเซนเบาเออร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงว่าคดีกามฉาวของนายฟริตเซิลที่กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกจะทำลายภาพลักษณ์อันดีของประเทศออสเตรีย และร้องขอให้นานาชาติเข้าใจว่าคดีนี้เป็นคดีส่วนบุคคล อย่าเหมารวมว่าเป็นความผิดของคนในเมืองอัมสเต็ตเทนทั้งเมือง

วันเดียวกัน ตำรวจออสเตรียแถลงว่า จะขยายผลการสอบสวนนายโจเซฟ ฟริตเซิล ไปยังคดีฆาตกรรมอีกคดีหนึ่งที่ปิดไม่ลง

เมื่อมีผู้พบศพหญิงสาววัย 17 ปี ทราบชื่อภายหลังว่าน.ส.มาร์ติน่า พอสช์ วัย 17 ปี ถูกฆ่าและนำศพยัดใส่ถุงพลาสติกทิ้งไว้ในเขตทะเลสาบมอนด์ซี ใกล้เมืองซาลซ์บวร์ก เมื่อปี 2529 ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ในเขตดังกล่าว นายโจเซฟและภรรยาเคยซื้อโรงแรมไว้หลังหนึ่งใกล้กับจุดที่พบศพ และที่ตำรวจตกตะลึงมากกว่านั้น คือน.ส.มาร์ติน่า มีหน้าตาคล้ายกันมากกับน.ส.เอลิซาเบธ ลูกสาวนายฟริตเซล ตำรวจกล่าวว่าจะรอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอว่า เกี่ยวโยงกันหรือไม่ หลังจากไม่พบหลักฐานอื่นๆ ตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ ไม่ว่าบัตรประชาชน กุญแจ เสื้อแจ๊กเกต และรองเท้าบู๊ตของเหยื่อ ซึ่งเป็นไปได้ว่า หากเหยื่อรายนี้เป็นฝีมือฆาตกรรมของพ่อโฉด อาจนำของกลางกลับไปซ่อนที่เมืองอัมสเต็ตเทน เพื่อสะสมเหมือนเป็นถ้วยรางวัล

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์