ฟันหัวทนายในเขตศาลได้เบาะแสคนร้ายแล้ว

ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ ที่กองบัญชา การตำรวจนครบาล วันที่ 4 เม.ย.

พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวว่า หลังได้รับรายงานได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศส. บช.น. จัดชุดสืบสวนเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมให้รายงานผลให้ตนทราบโดยตรงภายใน 3 วัน โดยให้จัดทีมสืบสวนเข้าคลี่คลายคดีร่วมกับชุดสืบสวนของ สน.พหลโยธิน และ กก.สส.น.2

“พยานที่เห็นเหตุการณ์มีหลายคน เพราะคนร้ายลงมืออย่างอุกอาจต่อหน้าคนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง กล้าลงมือทำถึงในรั้วศาลอย่างนี้ มันต้องจับให้ได้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการ ผบ. ตร.กำชับให้เร่งรัดจับกุมคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งให้รายงานผลให้ทราบทุกระยะ”

ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่าเบื้องต้นได้พูดคุยกับคนเจ็บพบว่าแผลเกิดจากการถูกฟันด้วยของมีคมถึง 3 ครั้ง

แต่คนเจ็บเอามือบังจนแพทย์ต้องผ่าตัดที่นิ้วก้อย ไม่ใช่ใช้ไม้ตี และน่าจะมีสาเหตุจากการว่าความในคดีที่อยู่การพิจารณาของศาล อย่างแน่นอน เนื่องจากมีการข่มขู่กันมาโดยตลอด ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุด ล่าสุดพยานได้ให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ออกสเกตซ์ภาพคนร้ายไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรื่องกล้องวงจรปิดของทางศาล เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาก่อนลงมือก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าคนเจ็บตลอด 24 ชม. รวมทั้งมอบหมายให้ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เป็นลูกน้องคนสนิทของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ที่หายตัวไปหลังเกิดเหตุ เพราะคนเจ็บเชื่อว่าคนร้ายคงติดตามดูความเคลื่อนไหวของตัวเองอยู่เป็นเวลานานถึงได้รู้ตารางการเดินทางของตน จึงมาดักทำร้ายได้ถึงลานจอดรถของศาล ดังกล่าว

ส่วนที่โรงพยาบาลเมโย พล.ต.ท.ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6

เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ และให้กำลังใจนายอนันตชัย ขณะที่เพื่อนทนายความก็ทยอยเดินทางมาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสายเช่นเดียวกัน ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ส่งตัวแทนนำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยม เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องเดินทางไปที่ศาลแพ่งก่อน โดยมีนามบัตรแนบมากับกระเช้าเขียนว่า “เปี๊ยกน้องรัก อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ รักษาตัวให้ดี แล้วพี่จะจัดการให้”

ด้านตัวแทนสภาทนายความคนหนึ่ง กล่าวว่า ทางสภาทนายความจะให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลลูกสาวที่ป่วยเป็นเบาหวานประ เภทหนึ่ง ตับอ่อนไม่ทำงาน และพร้อมที่จะช่วยเหลือในการทำหน้าที่ทนายอย่างเต็มที่เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอยกย่องนายอนันตชัยว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว

นายอนันตชัย กล่าวว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก แพทย์ผ่าตัดนิ้วก้อย และดามเหล็กให้

แต่ยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย สำหรับเรื่องอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายตนนั้น ไม่ขอยืนยันว่าเป็นอาวุธมีด แต่แพทย์ระบุว่าเป็นของมีคม เนื่องจากบาดแผลมีลักษณะฉีกขาด และที่นิ้วก้อยคล้ายกับถูกของมีคม ปกติแล้วตนจะแขวนพระหลวงปู่ศุข แต่ในวันที่เกิดเหตุ เปลี่ยนไปแขวนพระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งเป็นพระที่พี่ชายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มอบให้

ทนาย ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเมื่อวานตอนเย็นยังมีคนโทรศัพท์มาข่มขู่จะทำร้ายคนในครอบครัวตนด้วย

โดยเฉพาะน้องฟ้าใสและน้องเหนือเมฆลูกสาวและลูกชายของตน โดยภรรยาตนได้จดข้อความที่ถูกข่มขู่เอาไว้ มีใจความว่า “บทที่1 มึงจงระวังตัวไว้ด้วย และระวังให้ดีลูกมึงอีก 2 คน” นอกจากนี้ยังได้โทรศัพท์เข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์ของนายองอาจ สุทธินนท์ ลูกน้องของตนอีกด้วย

ด้านนางทิพย์พยา ไชยเดช ภรรยาทนายอนันตชัยกล่าวว่า เรื่องที่สามีถูกทำร้ายตนบอกให้ลูกทราบแล้ว ซึ่งลูกบอกว่าไม่กลัว พร้อมจะยืนหยัดอยู่ข้างพ่อเสมอ จะเอาพ่อเป็นแบบอย่าง และจะเป็นกำลังใจให้พ่อหายเร็ว ๆ เพื่อสู้ต่อไป

ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เดินทางมาเยี่ยม นายอนันตชัย พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ และเงินสดจำนวนหนึ่ง

เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกหดหู่ที่บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป มีไอ้พวกอันธพาลกล้าละเมิดอำนาจศาล ทำร้ายทนายความถึงในเขตศาล ส่วนคนร้ายก็คงจะไประบุผ่านสื่อไม่ได้ว่าเป็นใคร เป็นหน้าที่ของรักษาการ ผบ.ตร.ที่จะต้องสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ไอ้พวกนี้เป็นไม้แก่ดัดยาก มันเป็นสันดานไปแล้ว อยากให้ช่วยกันเอาคนไม่ดีไปลงโทษให้ได้

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า

ตอนนี้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ไปแล้วจำนวน 3 ปาก สำหรับรูปพรรณสัณฐานคนร้ายรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 20 ปี ตัดผมทรงสกินเฮด สวมเสื้อยืดคอวีสีฟ้า นุ่งกางเกงยีน ทั้งนี้หลังภาพสเกตช์เสร็จจะขออำนาจศาลออกหมายจับทันที ส่วนเรื่องที่ทางผู้เสียหายถูกชายลึกลับโทรศัพท์เข้าไปคุกคามที่สำนักงาน ตอนนี้กำลังแกะรอยเบอร์โทรศัพท์ต้นทางอยู่ แต่ต้องรอดูว่าจะทำได้มากแค่ไหน อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนคงจะต้องเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีต่าง ๆ มาสอบปากคำหาข้อมูลด้วย

“การก่อเหตุในครั้งนี้เชื่อว่า คนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คน โดยแบ่งกำลังดูต้นทาง ชี้เป้าหมาย และตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งน่าจะวางแผนเส้นทางการหลบหนีมาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ทราบว่าขณะนี้กำลังทำการประชุมเรื่องที่จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยภายในเขตของศาลด้วย”

ด้านนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า

เหตุการณ์ครั้งนี้นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้สั่งการให้เสริมการรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารศาลทั่วประเทศที่ดีอยู่แล้วให้เข้มแข็งขึ้น ซึ่งปกติในอาคารศาลจะมีเครื่องตรวจอาวุธ มี รปภ. จากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และมีการวางกำลังบริเวณจุดที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องขัง รวมทั้งมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ วิ่งตรวจตลอดเวลา

รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า

เรื่องนี้ศาลได้กำชับให้ รปภ.ศาล และตำรวจศาล ที่ส่งมาจากตำรวจนครบาล และกองปราบฯ หมั่นตรวจตราผู้เดินทางมาศาล และตรวจสัมภาระอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม การเข้ามาก่อเหตุบริเวณทางเข้าศาล ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลด้วย ส่วนคนร้ายเลือกเจาะจงมาทำร้ายที่ศาลหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าคนร้ายคงดูว่าจะพบเป้าหมายได้ที่ไหน คงไม่เจาะจงมาทำที่หน้าศาล แต่เลือกลงมือเมื่อสบโอกาสเหมาะมากกว่า

ขณะที่นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ มีแถลงการณ์สรุปว่า

สภาทนายความรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาทนายความจึงขอเรียกร้องดังนี้ 1. ให้ตำรวจเร่งรัดสืบสวนจับกุมคนร้ายโดยเร็ว ถือว่าเป็นคนร้ายอุกฉกรรจ์ กล้าท้าทายอำนาจศาล และเชื่อว่าต้องมีพยานรู้เห็นเหตุการณ์หลายคน 2. ขอให้ศาลยุติธรรม วางมาตรการรักษาความปลอดภัยนอกอาคารศาลด้วย และ 3. ให้รัฐบาล กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิของประชาชน ได้ดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเร็ว.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์