ชาวบ้านโห่ไล่ กกต.กลางขึ้นศาลเมืองคอน วาสนา อ่วมเจอฟ้องแพ่งอีก 100 ล.

ชาวบ้านโห่ไล่ กกต.กลางขึ้นศาลเมืองคอน วาสนา อ่วมเจอฟ้องแพ่งอีก 100 ล.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤษภาคม 2549 16:20 น.

นครศรีธรรมราช - รปภ.พรึ่บ 3 เสือ กกต.ขึ้นศาลเมืองคอน จารุภัทร ยื่น 1.8 แสนประกันกรณีเพิกถอนสิทธิ นายกเทศมนตรีตำบลปากนคร หลังเข้าดำรงตำแหน่งแล้ว 1 ปี ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บรรยากาศโดยทั่วไปมีชาวบ้านโห่ไล่ ขณะที่ น้าหนา อ่วมอดีตนายกเล็กปากนครฟ้องแพ่งซ้ำเรียก 100 ล้าน

วันนี้ (22 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. นายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต.และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในคดีที่ นายประหยัด เสมาพัฒน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ฟ้องในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2541 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น 2541

ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้วินิจฉัยชี้ขาด ให้เพิกถอนสิทธิ หลังจากที่นายประหยัด เสมาพัฒน์ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ตำบลปากนคร และเข้าดำรงตำแหน่งแล้วเป็นเวลา 1 ปี 1 วัน

บรรยากาศก่อนที่ กกต.และอดีต กกต.ทั้ง 4 คน ได้เดินทางมายังศาลนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกต.นครศรีธรรมราช ได้จ้างเหมารถตู้จำนวน 3 คันเพื่อให้ กกต.ทั้ง 3 คน เดินทางคนละ 1 คัน พร้อมด้วยคณะผู้ติดตาม ในขณะที่ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.ได้เดินทางมาด้วยรถตู้ต่างหาก โดยมีทีมสารวัตรทหาร จากจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี คอยดูความปลอดภัยให้ต่างหาก

ส่วนบริเวณศาล มีเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ บก.ภ.นครศรีธรรมราช ชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบมารักษาความปลอดภัยทั่วบริเวณ ไม่น้อยกว่า 200 นาย ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ได้เดินทางไปยังห้องไกล่เกลี่ย เพื่อพบและพูดคุยเกี่ยวกับคดีกับ กกต.นครศรีธรรมราช ทั้ง 5 คน รวมทั้ง นายธงชัย วรรณธนะพิศิษฐ์ ผอ.กกต. นายบุญวัฒน์ ชีช้าง ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะพยานฝ่ายจำเลย และมีการเชิญ นายประหยัด เสมาพัฒน์ พร้อมด้วยทนายความเข้าไปยังห้องไกล่เกลี่ย เพื่อพูดคุยทางคดี แต่ไม่สามารถตกลงกันได้จึงเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ชั้นสองของอาคารศาล

ในการนัดพร้อมดังกล่าว ปรากฏว่า กกต.ทั้ง 3 คนและอดีต กกต.ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงมีการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ที่มีการยื่นบัญชีพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก พร้อมด้วยส่วนฝ่ายจำเลย ได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลจำนวน 8 ปาก พร้อมด้วยพยานเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง และศาลได้อนุญาตให้ กกต.ทั้ง 3 คน ใช้ตำแหน่งประกันตัว

ส่วน พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.ได้ใช้วงเงินสดจำนวน 1.8 แสนบาท ประกันตัว และศาลได้ยกคำร้องที่ กกต.ทั้ง 3 คนและอดีต กกต.ยื่นคำร้องขอให้สืบพยานฝ่ายจำเลยลับหลัง ซึ่งศาลได้นัดให้มีการสืบพยานทั้งสองฝ่าย 2 วัน คือ วันที่ 12 และวันที่ 21 กรกฎาคม 2549 ทำให้ กกต.และอดีต กกต.ทั้งหมด จะต้องเดินทางมารับฟังการสืบพยานอีกครั้งจนเสร็จสิ้นและนัดฟังคำพิพากษาต่อไป

หลังจากที่เสร็จกระบวนการเบื้องต้นในชั้นศาล เมื่อเวลาประมาณ 12.20 น.ปรากฏว่า พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และในระหว่างรอเอกสารได้ออกมายืนสูบบุหรี่แบบมวนต่อมวนเป็นระยะ

ส่วนด้านหน้าศาลนั้นได้มีกลุ่มชาวบ้านกว่า 50 คน มายืนถือป้ายประท้วงการทำงานและยังคงอยู่ในตำแหน่งของ กกต.ทั้ง 3 คน ในทำนองทวงถามถึงความสมศักดิ์ศรี ในการดำรงตำแหน่ง และการทำหน้าที่นั้นทำเพื่อใคร ควรที่จะลาออกไปดีกว่า เมื่อ กกต.ทั้งหมดได้เดินทางมาขึ้นรถบริเวณหน้าศาล ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามแม้แต่ผู้พิพากษา ก็ไม่สามารถมาจอดรถได้ และได้เดินทางออกจากศาลไป ท่ามกลางเสียงโห่ไล่อย่างหนัก โดยไม่มีใครได้พูดคุยหรือให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

นายฐานุวัฒน์ ภูมี ทนายความ นายประหยัด เสมาพัฒน์ ทนายฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า กระบวนการออกใบแดงให้กับนายประหยัด ถือว่าไม่ชอบกระทำผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งในคำสั่งเพิกถอนสิทธิ ของนายประหยัด ได้มีการสั่งในวันที่ 15 มิ.ย.2548 และคำสั่งดังกล่าวมาถึงในวันที่ 17 มิ.ย.2548 โจทก์ได้ยื่นติดตามทวงถามเอกสารคำวินิจฉัย เพื่อเป็นแนวทางในการยื่นอุทธรณ์ ทั้งเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งด้วยวาจา แต่ไม่มีคำวินิจฉัยออกมา

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2548 จึงได้รับคำวินิจฉัยเป็นระยะเวลาถึง 6 เดือน ทำให้นายประหยัดได้รับความเสียหายไม่สามารถอุทธรณ์ได้ จึงจำเป็นต้องฟ้อง ส่วนเอกสารต่างๆ นั้นส่อไปในทางไม่ปกติอาจจะมีการออกคำวินิจฉัยย้อนหลังก็ได้ ซึ่งกระบวนการนี้ต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาล

ความเสียหายนี้ ถ้าศาลมีคำพิพากษาเป็นคุณกับฝ่ายโจทก์ ก็ไม่สามารถเยียวยาความเสียหายตรงนี้จึงมีการฟ้อง พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต.อีก 1 ท่านในฐานความผิดเดียวกัน คือ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในเวลา 13.30 น.ของวันเดียวกันนี้ ซึ่งเห็นว่า ตามกระบวนการ เลขาธิการ กกต.จะต้องมีหน้าที่ในการส่งคำวินิจฉัย หลังจากมีคำสั่งให้กับผู้เสียหายโดยพลัน กลับทิ้งเวลามานานถึง 6 เดือน และทั้งหมด มีการฟ้องร้องในคดีแพ่ง เพื่อเยียวยารักษาความเสียหายด้วยมูลค่าฟ้อง 100 ล้านบาทเรียกค่าเสียหายกับ สำนักงาน กกต. กกต.และเลขาธิการ กกต.ด้วย หากศาลไต่สวนมูลฟ้องเห็นว่ามีมูลและประทับรับฟ้อง พล.ต.ต.เอกชัย จะต้องมาศาลและประกันตัวตามกระบวนการต่อไป ทนายฝ่ายโจทก์กล่าวในที่สุด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์