เปิดบันทึกไดอารี่ลาตาย อาจารย์สาวพ่ายพิษรัก


การจากไปของ น.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อายุ 23 ปี อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)

อดีตดาวคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ สาวไฮโซหน้าตาดี ที่ตัดสินใจกระโดดตึก 10 ชั้นลงมาเสียชีวิต สาเหตุเพราะผิดหวังในเรื่องความรัก นับเป็นเหตุสะเทือนใจผู้คนที่รู้จักรวมทั้งคนที่ติดตามข่าวนี้อย่างยิ่ง เป็นคนมีความรู้ความสามารถไม่น่าต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้!??

การจากไปของน.ส.มุทิตา สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับคนในครอบครัว "ไทยลิ่มทอง" ยิ่งนัก
 
ด้วยเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่ต้องดูแลธุรกิจครอบครัว แถมยังอนาคตไกลเป็นอาจารย์พิเศษสอนหนังสืออยู่ที่เอแบคมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แต่แล้วชีวิตที่กำลังเริ่มต้นก็ต้องกลับมาพังทลายเพราะพ่ายพิษรัก สุดท้ายจึงต้องจบชีวิตลงอย่างสลด ย้อนไปดูเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นตอนเที่ยงวันที่ 21 มี.ค. ที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทรตัดนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร เกิดเหตุหญิงกระโดดตึกลงมาด้านล่าง พ.ต.ต.อดิเรก พันธ์ใย พงส.(สบ.2) สน.ยานนาวา จึงรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบพร้อมรุดไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบร่างน.ส.มุทิตา ซึ่งตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 10 นอนหายใจรวยรินมีเลือดไหลออกมาเปรอะเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน

ใกล้ๆ กันพบกระเป๋าถือสีดำ ยี่ห้อพราด้า และเศษใบไม้ที่ร่างเกาะเกี่ยวมาด้วยระหว่างตกลงมา โดยเจ้าหน้าที่พยายามนำร่างส่งร.พ.เลิดสิน แต่ "มุทิตา" ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา พยานซึ่งเป็นรปภ.อาคารเอ็มไพร์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายขับรถเบนซ์สปอร์ต 2 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน วต 2527 กทม. เข้ามาจอดที่ชั้นบี 3 ก่อนเดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นรปภ.ประจำลานจอดรถชั้น 10 เห็นผู้ตายเดินสูบบุหรี่ ก่อนจะเห็นอีกทีตอนผู้ตายนั่งห้อยขาอยู่บนขอบระเบียง จากนั้นร่างก็ร่วงตกลงไปข้างล่าง



ในตอนแรกไม่มีใครรู้ว่าน.ส.มุทิตา เป็นใครมาจากไหน

รู้เพียงเป็นหญิงสาวหน้าตาดีที่มาคิดฆ่าตัวตาย โดยใช้อาคารเอ็มไพร์เป็นสุสาน จนกระทั่งตำรวจได้ตรวจค้นกระเป๋าสะพาย จึงรู้ว่า "มุทิตา" ทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่เอแบค นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่เฉลยถึงสาเหตุการตาย นั่นคือการไขปริศนาในสมุดไดอารี่ลายสีฟ้าคาดเขียว ที่น.ส.มุทิตาเขียนบันทึกเก็บไว้ด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินและสีแดง บรรยายถึงความรักที่มีให้กับผู้ชายที่ชื่อ "ปอม" แสดงข้อความตัดพ้อต่อว่าผู้ชายคนดังกล่าว และยังเขียนในลักษณะสั่งเสียลาจากกันชั่วชีวิต เป็นการระบายความในใจแบบบรรทัดต่อบรรทัด

ซึ่งตำรวจจะได้ตามตัวคนชื่อ "ปอม" มาสอบสวนต่อไป



สำหรับประวัติส่วนตัวของน.ส.มุทิตา เจ้าหน้าที่ขยายผลได้ข้อมูลมาว่า "มุทิตา" มีชื่อเล่นว่า "พลอย"

เรียนจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และเพิ่งสำเร็จปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เช่นกัน เรียนได้เกียรตินิยมทั้ง 2 ระดับปริญญา สมัยเป็นนิสิตเป็นระดับดาวของคณะเศรษฐศาสตร์อีกด้วย ก่อนเสียชีวิตเพิ่งทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่เอแบคได้ไม่นาน "มุทิตา" เป็นลูกสาวคนเดียวมีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐี ทำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าหรูอยู่ย่านศรีนครินทร์ สาเหตุที่ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย น่าจะมาจากเรื่องความรัก เนื่องจากเป็นคนจริงจังกับความรักมาก โดยผู้ตายมีแฟนหนุ่มตาดี เป็นเศรษฐีไฮโซ ชื่อ "ปอม" ซึ่งเคยเป็นแฟนกับดาราสาวคนหนึ่ง ระยะหลังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งไม่เข้าใจกันหลายครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คิดสั้นในครั้งนี้ ส่วนสาเหตุที่มาอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ก็เพราะว่ามีเพื่อนสนิททำงานอยู่ที่นี่



การจากไปของน.ส.มุทิตา สร้างความเศร้าใจให้คนใกล้ตัวยิ่งนัก
 
โดยเฉพาะกับนายพีระยุทธ กับนางอังคณา ไทยลิ่มทอง ผู้เป็นพ่อแม่ถึงกับหลั่งน้ำตาปิ่มขาดใจ เพราะทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกสาวคนเดียวคนนี้ ซึ่งการจากไปของน.ส.มุทิตาในครั้งนี้ ทำให้คนเป็นพ่อแม่ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากการทำใจและภาวนาขอให้ดวงวิญญาณของลูกสาวจงไปสู่สุคติ และขอให้เรื่องทุกอย่างยุติลงเพียงเท่านี้ ศพของน.ส.มุทิตา ญาตินำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดชุมพลนิกายาราม ต.บางเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสลด มีเพื่อนร่วมงานและคนรู้จักเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่หลายคนบอกไม่น่าเชื่อว่าน.ส.มุทิตาจะคิดสั้น เพราะพื้นฐานของ "มุทิตา" เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน

ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นคนเก็บกดจนถึงขั้นฆ่าตัวตายแบบนี้



แต่อย่างไรก็ตาม เหตุรักขมก็ทำให้คนคิดสั้นฆ่าตัวตายมานักต่อนัก

ใครที่ไม่มีวิธีแก้ปัญหาหรือไม่มีวิธีสะกดใจสะกดความรู้สึกตนเอง ก็มักจะพ่ายให้กับอารมณ์ชั่ววูบเหมือนกับเหยื่อหลายรายที่ผ่านๆ มา

ซึ่งในเรื่องนี้น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ออกมาตั้งข้อสังเกต ว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ การฆ่าตัวตายเพราะความรักอาจเป็นเพียงปมเดียว แต่ในบางรายที่ฆ่าตัวตายอาจเกิดจากปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาโรคภัย ปัญหาที่สะสมจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า สำหรับผู้ที่ผิดหวังจากความรักเพียงปัญหาเดียวและคิดฆ่าตัวตายนั้น ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ผิดหวังจากความรักเพียงอย่างเดียว จะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ เนื่องจากการผิดหวังด้านความรักนั้นเป็นปรากฏการณ์ด้านจิตใจเท่านั้น และก็ยังมีผู้ที่ผิดหวังด้านความรักอีกมากที่ไม่ฆ่าตัวตาย เนื่องจากสภาวะจิตใจของคนปกติทั่วไปจะปรับตัวได้ภายใน 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน โดยจะกลับสู่สภาพเดิมแม้ว่าจะยังอกหักอยู่ แต่ในบางรายที่ฆ่าตัวตาย คือ เครียดที่ปรับตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่พฤติกรรมจะเปลี่ยนเพราะอาจเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า

"คนที่อกหักส่วนใหญ่มักซึมเศร้า หมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากทำอะไร ขอให้ฝืนตัวเอง อย่าอยู่คนเดียวหาคนระบายให้ฟัง หากไม่กล้าคุยกับพ่อแม่หรือญาติก็ขอให้เลือกพูดกับเพื่อนสนิท จะทำให้สิ่งที่อัดอั้นตันใจระบายออกมา และจะทำให้หายไปกว่าครึ่ง ซึ่งคนใกล้ชิดควรสังเกตและให้ความร่วมมือด้วย โดยการเป็นผู้รับฟังที่ดี นอกจากนี้ ผู้ที่ผิดหวังในความรักมักโทษตัวเอง มองว่าตัวเองไม่ดี ซึ่งการคิดเช่นนี้จะนำพาไปสู่การไม่ยอมรับตัวเองและการฆ่าตัวตาย ขอให้เปลี่ยนมุมมองโดยมองว่าก่อนมีความสัมพันธ์ก็ยังอยู่ได้ และคิดว่าการไม่ถูกเลือกเป็นสิทธิ์ของเรา และเป็นสิทธิ์ของเขาเช่นกัน โดยมองหาแง่มุมที่เป็นบวกกับตัวเอง เช่น เขาไม่เลือกเราก็ดีเพราะหากคบกันไปอนาคตอาจเกิดปัญหารุนแรงกว่านี้ หรือพัฒนาตัวเองให้เขารู้สึกว่าเสียดายที่ไม่เลือกเราเป็นต้น" น.พ.ทวีศิลป์กล่าว

จำไว้ว่าทุกปัญหาต้องมีทางออก!?!

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์