ศาลไม่ให้ประกัน ตร.ยิงทหารดับ!

กรณี ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ ป. ช่วยงานสืบสวน สน.ประชาชื่น

ใช้ปืน .38  ยิง ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี อายุ 32 ปี ส.ห.สังกัดกรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด เสียชีวิตในซอย บก.สูงสุด หน้าอาคารสวัสดิการประชาชื่น กองบัญชาการทหารสูงสุด ถนนเลียบคลองประปา แขวงและเขตจตุจักร เมื่อค่ำวันที่ 11  มี.ค. สาเหตุเกิดจาก ส.ต.อ.ประสาท ร่วมกับ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ไปจับกุมพ่อค้าขายแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ส.ต.ชัยวุฒิ ผู้ตาย ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ เข้าไปสอบถามว่าเป็นตำรวจจริงหรือเปล่า ทำให้ทั้งสอง ฝ่ายมีปากเสียงกัน หลังจาก ส.ต.ชัยวุฒิ ขี่รถจักรยานยนต์ ไปแล้ว จึงเกิดยิงกันขึ้น หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.ประสาท เข้ามอบตัวพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
 

ต่อมามีข้าราชทหารและสารวัตรทหารที่รู้ข่าวนับร้อยนาย ไปรวมตัวกันบริเวณด้านหน้า สน.ประชาชื่น

เนื่องจากเห็นว่าตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด กระทั่งเช้ามืดวันที่ 12 มี.ค. ทั้งหมดจึงสลายตัวแยกย้ายกลับไปปฏิบัติหน้าที่ ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ สน. ประชาชื่น ร.อ.สิทธิพล ภักดีวงศ์ นายทหารพระธรรมนูญประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต. วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. ที่ไปร่วมสอบปากคำ ส.ต.อ.ประสาท พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น เพื่อขอดูสำนวนการสืบสวนและร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา 

พล.ต.ต.วิบูลย์กล่าวว่า ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริง ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิดเหตุบานปลายจนกลายเป็นปัญหาระหว่างตำรวจกับทหาร สำหรับ ส.ต.อ.ประสาท ผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ให้มาปฏิบัติงานตามปกติ และอยู่ในการดูแลของ ผกก. โดยให้มารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อีกทั้งหลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีการจับกุม จึงไม่จำเป็นต้องนำตัวไปฝากขัง ทั้งนี้ ก็จะต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะมีการทำสำนวนสอบสวนออกมา 3 สำนวน สำนวนแรกคือตำรวจเป็นผู้ต้องหา สำนวนที่ 2 เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ อีกสำนวนเป็นสำนวนการสืบสวนการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย สำนวนที่ต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนคือสำนวนเรื่องการสืบสวน แต่จะต้องมีการไต่สวนก่อน ส่วนพวกที่ไปด้วย จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ แจ้งข้อหาพยายามฆ่า
 

ต่อมาเวลา 10.00  น. พ.ท.วิฑูรย์ รวยสวัสดิ์ ผู้บังคับกองทหารสารวัตร กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด

พร้อมด้วยพี่สาวของผู้ตาย ได้เดินทางไปที่ สน.ประชาชื่น เพื่อร่วมให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับเอกสารเพื่อไปติดต่อขอรับศพ ส.ต.ชัยวุฒิ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา จากการพูดคุยกับตำรวจใน สน.ประชาชื่น ทราบว่า ส.ต.อ.ประสาท เคยได้รับตำแหน่งตำรวจดีเด่นด้านการปฏิบัติงาน เมื่อปี 2550 เป็นคนใจดี ตั้งใจทำงาน ไม่มีนิสัยเป็นคนใจร้อน ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร



ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวว่า สั่งการให้ พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวณิช รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านสอบสวน

เพื่อให้โปร่งใสให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ส่วน พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. ดำเนินการเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ส.ต.อ.ประสาท เนื่องจากถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่วนจะให้ออกจากราชการหรือไม่ นั้นต้องรอผลการสอบสวนก่อน โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน


ผบช.น.กล่าวอีกว่า ส.ต.อ.ประสาทกำลังปฏิบัติงานตามหน้าที่จับกุมผู้ค้าซีดีเถื่อน

ขณะเกิดเหตุได้มีปากเสียงกับทหาร 2 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เห็นว่าผู้ตายมีอาวุธปืน จึงยิงก่อนเพื่อป้องกันตัว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ต้องรอสอบพยานที่เกิดเหตุให้ชัดเจนก่อน เพราะข้อมูลแต่ละฝ่ายไม่ตรงกัน และตามกฎหมายหากผู้ต้องหาก่อเหตุเข้ามอบตัวกับตำรวจ เมื่อพนักงานสอบสวนสอบปากคำเสร็จเรียบร้อย สามารถปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราวได้เลย ส่วนคดีนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม พนักงานสอบสวนจะนำตัว ส.ต.อ.ประสาทส่งศาลเพื่อพิจารณาการปล่อยตัว ตอนนี้จะฟังความข้างหนึ่งข้างใดไม่ได้ ต้องดำเนินการ ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ขอยืนยันตรงนี้เลยว่าผิดถูกอย่างไรต้องว่าไปตามนั้น ตามข้อเท็จจริงไม่มีการช่วยเหลือกันเด็ดขาด ไม่มีการจัดฉาก ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า หากตำรวจช่วยเหลือกันเองคดีอย่างผู้กองณัฐฏ์ ชลนิธิวณิชย์ ตำรวจ ตชด. คงไม่บานปลายขนาดนี้


เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต้องขอแสดงความเสียใจด้วย และเชื่อว่าคงไม่มีเหตุบานปลายรุนแรงอะไรจากนี้

เพราะตำรวจได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บังคับบัญชาหน่วยงานทหารชัดเจนแล้ว อีกทั้งยังมีนายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย ทุกอย่างโปร่งใสอย่างแน่นอน พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวณิช กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ไปแล้ว 4 ปาก แต่ละคนก็เห็นในมุมมองที่ต่างกัน ส่วนเรื่องที่ตำรวจนำอาวุธปืนจากเอวของผู้ตายไปวางไว้ใกล้ตัวผู้ตายเหมือนพยายามจะสร้างสถานการณ์นั้น ทุกอย่างขึ้นกับพยานซึ่งมีมากมายหลายคน รวมทั้งปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุต้องไปตรวจสอบ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าตำรวจจะเข้าข้างตำรวจด้วยกัน อีกอย่างชาวบ้านก็เห็นกันทั้งนั้น งานนี้ไม่มีมวยล้มแน่นอน ทหารก็กลัวว่าตำรวจจะเข้าข้างกันเอง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะทำให้ทหารกับตำรวจเกิดความบาดหมางขัดแย้งกัน ตำรวจจะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ส่วนเรื่องพิจารณาให้ ส.ต.อ.ประสาทออกจากราชการต้องเป็นไปตามระเบียบ ตร.
 

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.รัชพล พูลเกิด พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น
 
นำตัว ส.ต.อ. ประสาท จันทิมา ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัว และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น กักขังหน่วงเหนี่ยว ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไปฝากขังต่อศาลอาญา
 

คำร้องฝากขัง สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2551 เวลา  17.30  น.

ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนออกตรวจท้องที่พบ นายประมาณ เนียมเผือก จำหน่ายแผ่นซีดีโดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณแผงลอยริมถนนเลียบคลองประปา ใกล้แฟลต บก.สส. แขวงจตุจักร กทม. จึงได้เข้าจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี ระหว่างจับกุมมี ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี และ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เข้าไปสอบถาม และ ส.ต.ชัยวุฒิได้พูดท้าทาย พร้อมกับเปิดชายเสื้อด้านขวาให้เห็นอาวุธปืนพกที่เหน็บอยู่ที่เอว ก่อนจะเดินจากไป และเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองจับกุมนายประมาณเสร็จและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาสนับสนุน ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เห็น ส.ต.ชัยวุฒิขี่รถจักรยานยนต์ ออกมา จึงเรียกให้หยุดแจ้งว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ ส.ต.ชัยวุฒิชักอาวุธปืนออกจากเอว ผู้ต้องหาที่ 1 จึงชักปืนออกมายิง เพื่อยับยั้งและป้องกันเหตุ 1 นัด จน ส.ต.ชัยวุฒิ เสียชีวิต ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะและลำตัวของ จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง และใส่กุญแจมือ เพื่อป้องกันเหตุร้าย ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ 



พนักงานสอบสวนพิจารณาเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ

ส่วนผู้ตายและผู้ถูกกล่าวหาเป็นทหาร และการสอบสวนยังไม่เสร็จ ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจพยานวัตถุจากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ถึงวันที่ 23 มี.ค. ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้


ต่อมา พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน. ประชาชื่น และ พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น
 
ได้ใช้ตำแหน่งตีมูลค่ารวม 565,300  บาท เป็นหลักทรัพย์ ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ถวัลย์ พวกเกษม รอง ผกก.สส.สน.ประชาชื่นใช้ตำแหน่งตีมูลค่า 319,600 บาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 2 ศาลโดยนายวิธูร คลองมีคุณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พิเคราะห์สำนวนสอบสวนที่เลขานุการศาลอาญาประสานมาจากพนักงานสอบสวน จ.ส.อ.วิชิต เอื้อเฟื้อกลาง เพื่อนผู้ตาย และพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้ถ้อยคำทำนองเดียวกันว่า  ขณะผู้ต้องหาเข้าจับกุมผู้ค้าแผงลอยมีการยื้อยุดฉุดกระชากผู้ค้า ผู้ตายจึงเข้าไปสอบถาม ผู้ต้องหาเปิดชายเสื้อให้เห็นปืนแล้วบอกว่าเป็นตำรวจ ผู้ตายจึงเดินกลับไปบริเวณปากทางเข้าแฟลต จากนั้นประมาณ 10 นาทีจึงเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์และกำลังถอยรถจักรยานยนต์ จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 เข้าไปยิงผู้ตายจนล้มลงทั้งรถจักรยานยนต์

ขณะที่มือผู้ตายอีกมือหนึ่งยังถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้ง เพื่อนผู้ตายเข้ามาจะนำตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม

ส่วนอาวุธปืนของผู้ตาย ผู้ต้องหาก็เป็นผู้หยิบออกจากเอวของผู้ตายหลังจากที่ถูกยิงแล้ว ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นการกระทำต่อผู้ตาย โดยที่ผู้ตายไม่ได้ทันระวังตัว และไม่มีการแสดงท่าทางข่มขู่หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ต้องหาแต่อย่างใด จึงเป็นการกระทำโดยอุกอาจ ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก โดยที่ผู้ตายไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาตามที่ระบุในคำร้องฝากขัง อีกทั้งเมื่อเพื่อนและผู้บังคับบัญชาของผู้ตายจะพาตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ต้องหาก็ไม่ยินยอม ดังนั้นหากปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทำให้พยานเกิดความหวาดกลัวได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัว พร้อมสั่งคืนหลักทรัพย์
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งไม่ให้ ประกันตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 


ด้าน พล.ท.สมหมาย เกาฏีระ เจ้ากรมยุทธบริการทหาร ผู้บังคับบัญชาของ ส.ต.ชัยวุฒิ ประสมศรี กล่าวว่า ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาปรึกษากับนายทหารฝ่าย เสธ.ของกรมยุทธบริการทหารเห็นตรงกัน ว่า ตำรวจทำเกินเหตุมากไป ใช้อาวุธปืนยิงคนในตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะและไม่น่าจะกระทำ อย่างน้อยควรใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ไม่ควรใช้อาวุธให้เกิดความรุนแรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาของตำรวจน่าจะลงมาดูว่าการใช้อาวุธน่าจะมีหลักการมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ และควรปรับปรุงมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่าง เพราะหากเกิดกับประชาชนคนธรรมดาจะรู้สึกอย่างไร อยากเรียกร้องให้ตำรวจพิจารณาในสิ่งเหล่านี้ด้วย 

“ตำรวจยิงง่ายเกินไป ไม่น่าถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วยการใช้อาวุธ ดังนั้น เรื่องนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเชื่อว่าเรื่องจะจบไปตามกระบวนการทางกฎหมายเอง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สอบถามจากหลายๆคน มีความน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุไป ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต หน่วยช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว และผู้บังคับบัญชาโดยท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ทราบเรื่องและได้กำชับมาแล้วด้วยเช่นกัน” พล.ท.สมหมายกล่าว 

พล.ท.สมหมายกล่าวต่อว่า ได้เรียนไปทางผู้ใหญ่ของตำรวจว่าคดีนี้ช่วยกรุณาสั่งกำชับให้ความเป็นธรรม ให้ความยุติธรรมว่าไปตามข้อเท็จจริง เพราะหากไม่ว่าไปตามข้อเท็จจริงจะเกิดปัญหาบานปลาย


เมื่อเวลา 11.30 น. จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย ประสมศรี อายุ 67  ปี อยู่บ้านเลขที่ 111  หมู่ 8 ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี บิดา ส.ต.ชัยวุฒิ พร้อมญาติเดินทางไปรับศพ ส.ต.ชัยวุฒิ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ซึ่งผลการชันสูตรศพระบุว่า ผู้ตายเสียโลหิตปริมาณมากจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุเส้นเลือดแดงใหญ่ ในช่องอกและตับ ศพ ส.ต.ชัยวุฒิจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าศาลาราม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี โดย ส.ต.ชัยวุฒิมีบุตรชายอายุ 1 ขวบ 7 เดือน อยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์