มท.1สั่งลงดาบกลุ่มตื้บนักข่าว

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้การฯ เมืองปากน้ำ เรียกร้องทำคดีแก๊งรุมยำ นักข่าวเดลินิวส์ ให้กระจ่างเป็นธรรม  ยันเข้าไปทำหน้าที่โดยสุจริต ขณะที่ มท.1 กร้าว เตรียมเข้าพบผู้ว่าฯ กำชับตามจับให้เกลี้ยง พร้อมสั่งดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ด้านผู้ว่าฯ ลั่นผิดจริงฟันวินัยซ้ำ ส่วนตำรวจเรียกสอบพยานเพิ่ม 4 ปาก เร่งควานหาตัวหนุ่มสวมชุดเทศกิจร่วมรุมอัดนักข่าว ขณะที่ ชาวบ้านแห่ให้กำลังใจนักข่าวเหยื่อกำปั้น

คดีนายเดี่ยว คงสินธ์ อายุ 39 ปี ผู้สื่อข่าว นสพ.เดลินิวส์ และไทยทีวีสีช่อง 3 ประจำจังหวัดสมุทรปราการ เข้าแจ้งความที่ สภ. เมืองสมุทรปราการ ว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนซึ่งมีพนักงานดับเพลิงเทศบาลตำบลบางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ รวมอยู่ด้วย รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ขณะไปทำข่าวรถดับเพลิงของเทศบาลเฉี่ยวชนกับรถเก๋งคันหนึ่งในพื้นที่ ต.บางเมือง โดยมีหลักฐานเป็นภาพวิดีโอขณะถูกรุมทำร้ายไว้เป็น  หลักฐาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
 
ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ก.พ. ด.ต.วิชาญ ตรีทัศน์ อายุ 50 ปี ผบ.หมู่งานจราจร สภ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเข้าระงับเหตุในวันดังกล่าว เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยานในที่เกิดเหตุกับ ร.ต.ท.พิชญา พิพัฒน์บรรณกิจ ร้อยเวรเจ้าของคดี เบื้องต้นระบุว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันแต่ตกลงกันไม่ได้ จึงเข้าตรวจสอบพบรถคู่กรณีทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันอยู่กลางถนน จึงฉีดพ่นสีสเปรย์ในที่เกิดเหตุเอาไว้ พร้อมให้ย้ายรถทั้งสองคันไปจอดข้างถนนเพื่อระบายการจราจร แต่รถดับเพลิงคู่กรณีกลับขับหายไป กระทั่งนายเดี่ยวมาทำข่าวเข้าถ่ายภาพ และมีปากเสียงกันจนเกิดชุลมุนขึ้น โดยจำหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายนายเดี่ยวได้แค่ 2 คน คือนายวัชระ บัวทอง อายุ 24 ปี และนายปวิช ส้มโอชา อายุ 25 ปี ส่วนคนอื่นจำไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมาก และมีคนอยู่ในเหตุการณ์หลายคน
 
ร.ต.ท.พิชญา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เชิญตัวพยานบุคคลในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติมรวม 4 ปาก ส่วนใหญ่จำหน้าผู้ที่เข้าไปชกต่อยนายเดี่ยวได้จากภาพถ่ายที่ยืนยันออกมา อย่างไรก็ดี เมื่อกลางดึกวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา นายวัชระ บัวทอง อายุ 24 ปี นายปวิช ส้มโอชา อายุ 25 ปี นายนพดล พูนสวัสดิ์ อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นพนักงานดับเพลิงของเทศบาลตำบลบางเมือง พ.จ.อ.ฉลาด พุกปรางค์ อายุ 40 ปี และนายชาตรี เจษฎาไพโรจน์ อายุ 36 ปี ซึ่งถูกระบุว่าอยู่ในกลุ่มที่รุมทำร้ายผู้เสียหาย รวม 5 คน เดินทางเข้ามอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้การภาคเสธ หลังถูกตั้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายแก่กายผู้อื่น ส่วนผู้ก่อเหตุอีกรายเป็นชายสวมเครื่องแบบเทศกิจนั้นอยู่ระหว่างติดตามตัว ขณะนี้ได้เร่งสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้องต่ออัยการตามขั้นตอน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุมีชาวบ้านโทรศัพท์มาให้กำลังใจนายเดี่ยวเป็นจำนวนมาก ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ประมาณ 10 คน นำกระเช้าดอกไม้ไปมอบให้กำลังใจนายเดี่ยว และอวยพรให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปได้ ด้านนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ ผวจ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ได้ให้ทางสำนักงานจังหวัดฯ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานของรัฐ มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว หรือใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่ว่าผู้เสียหายจะเป็นประชาชนหรือผู้สื่อข่าว ส่วนเรื่องคดีต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่หากมีการชี้ชัดว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำความผิด สามารถดำเนินการทางวินัยได้โดยทันที ส่วนผู้บังคับบัญชาจะต้องถูกตรวจสอบด้วยเช่นกันว่ารู้เห็นเป็นใจ หรือสมรู้ร่วมคิดให้ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำความผิดหรือไม่

ขณะที่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.  สมุทรปราการ เขต 1 พรรคพลังประชาชน กล่าว ว่า เห็นภาพเหตุการณ์แล้วรู้สึกตกใจ จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ และ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ให้ช่วยคุ้มครองดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ผู้สื่อข่าวที่เป็นผู้เสียหายหลังเกิดเหตุด้วย ต่อมาใน ช่วงบ่าย นายวิสูตร พิริยะวณิชย์ หัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคตะวันออก ในฐานะผู้บังคับบัญชาของนายเดี่ยว พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และขอให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดตรงไปตรงมา
 
ทางด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.  มหาดไทย กล่าวว่า จะเดินทางไปในพื้นที่ จ.สมุทร ปราการ และจะเข้าพบผู้ว่าฯ กำชับให้จับคนร้ายมาดำเนินคดีให้หมด และต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนว่าทำกันมากเกินไป ผมเห็นในข่าวตำรวจห้ามแล้วยังไม่เกรงอกเกรงใจ อยากฝากสื่อว่าอย่าเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์ ขอให้ช่วยผม เพราะผมจะจัดระเบียบดูแลความเรียบร้อยและคุกคามพวกก่ออาชญากรรม จะปล่อยให้มีอภิสิทธิ์เหนือบ้านเมืองไม่ได้ รมว. มหาดไทย กล่าว
 
วันเดียวกัน สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีจดหมายเปิดผนึกถึง   ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าวที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความ กระจ่างและความเป็นธรรมโดยเร็ว.