หมอดูดไขมันแจง ผ่าตัดไปตามหลัก ฟ้องกลับสาวใหญ่

จากกรณีคดี น.ส.ศรีหทัย หรือนงลักษณ์ บวรธรรมรัตน์ อายุ 37 ปี เจ้าของร้านสปา วาสิตา ที่ จ.ราชบุรี

เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทเวชธานี จำกัด (มหาชน) เจ้าของโรงพยาบาลเวชธานี และ นพ.ฉันทัส กลกิจโกวินท์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาทหลังจากผ่าตัดดูดไขมันบริเวณหน้าท้องจนสะดือหายและแผลเกิดอาการเน่านั้น โดยความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 1 ก.พ. ที่ บก.ป. นายสุกิจยตน์ พูนศรีเกษม ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจาก นพ.ฉันทัส กลกิจโกวินทร์ อายุ 42 ปี อดีตแพทย์ประจำ รพ.เวชธานี และเป็นแพทย์ เจ้าของไข้ของ น.ส.ศรีหทัย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ. กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.1 บก.ป. แจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ศรีหทัย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง
 

นายสุกิจยตน์กล่าวว่า นพ.ฉันทัสทำการศัลยกรรม ให้กับ น.ส.ศรีหทัย ถูกต้องตามหลักวิชาการและขั้นตอนทางการแพทย์ทุกประการ

แต่เมื่อเกิดผลข้างเคียงขึ้นมา ทาง นพ.ฉันทัส ก็ยินดีที่จะทำการแก้ไข และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง แต่ น.ส.ศรีหทัย ยังกลับมาติดต่อขอพบ นพ.ฉันทัส อีกหลายครั้ง เพื่อจะขอเงินเป็นจำนวน 6 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ออกมาร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งการเจรจาครั้งนี้ นพ.ฉันทัสได้บันทึกเสียงการสนทนาเอาไว้ ตนได้รับมอบหมายให้ทำคดีนี้ ตรวจสอบข้อมูลของ น.ส.ศรีหทัย พบว่า น.ส.ศรีหทัย มีสามีเป็นตำรวจและเป็นผู้ยุให้ไปข่มขู่เพื่อเรียกเงินค่าเสียหายจาก นพ.ฉันทัส ขณะนี้กำลังหาพยานหลักฐาน หากพบว่าตำรวจรายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะแจ้งความดำเนินคดีด้วย
 



ต่อมา นพ.ฉันทัส กลกิจโกวินท์ พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาสำนักงานของ นสพ.ไทยรัฐ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง

โดย นพ.ฉันทัสเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเวชธานี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ.2548 จนเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2550 โดยเมื่อประมาณเดือน ม.ค.50 น.ส.ศรีหทัย เข้ามาปรึกษาให้ดูดไขมันหน้าท้อง การตรวจรักษาต้องดูส่วนประกอบผิวหนังและไขมันส่วนเกินมากน้อยขนาดไหน การหย่อนตัวของกล้ามเนื้อมากน้อยเพียงใด หากมีมากเกินไปก็จะดำเนินการผ่าตัดหน้าท้อง ในส่วนของ น.ส.ศรีหทัย กล้ามเนื้อหย่อนตัวมาก การผ่าตัดจำเป็นที่ต้องย้ายสะดือ ซึ่งได้ อธิบายขั้นตอนการทำโดยให้คนไข้ดูรูปบาดแผลของคนไข้ รายอื่นก่อนและหลังผ่าตัด  เมื่อเข้าใจกันก็ดำเนินการ

หลังจากผ่าตัดเสร็จก็จะนัดดูบาดแผลทุกๆสัปดาห์ อธิบายให้คนไข้ฟังว่าต้องคุมตัวเองเรื่องการรับประทานอาหาร หากไม่ควบคุมก็จะมีไขมันสะสมขึ้นมาอีก ส่วนแผลเป็นนูนหรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า คีรอย เป็นแผลลักษณะเดียวกับคนที่ปลูกฝีที่แขน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การผ่าตัดบางทีอาจไม่ดีในครั้งแรก ต้องเข้ามาแก้ไขฉีดยาให้แผลยุบลง
 

นพ.ฉันทัสเปิดเผยอีกว่า การผ่าตัดหน้าท้อง ไม่ได้ หมายความว่าทำให้ผอมหรือลดความอ้วน 

แต่เป็นการผ่าตัดเพื่อให้ดูดีขึ้น แต่งตัวสบายขึ้น เมื่อผ่าตัดไปแล้วก็จะต้องมาตบแต่งบาดแผล  อย่างเอวด้านข้างก็ยังมีไขมันเหลืออยู่ หลังจากผ่าตัดหน้าท้องไปแล้ว 3 เดือน คนไข้ก็มาใช้บริการที่โรงพยาบาลอีก ด้วยการดูดไขมันที่ต้นขา แล้วดูดไขมันบริเวณเอวเพิ่มไปอีกด้วย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 1 ปี ได้ติดต่อให้คนไข้มาตรวจติดตามอาการ แต่คนไข้ก็ไม่มา ภายหลังตนได้ขอลาออกจากโรงพยาบาล จึงบอกกับคนไข้ว่ามี 2 ทางเลือกในการรักษา คือให้รักษากับแพทย์คนอื่นที่โรงพยาบาลเวชธานี  หรือติดตามตนไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ไปทำงานที่ไหน การที่ น.ส.ศรีหทัยให้ข่าวกับสื่อ ทำให้ตนเสียหาย คนไข้ขาดความเชื่อถือ ขณะนี้มอบหมายให้ทนายความไปดำเนินคดีกับ น.ส.ศรีหทัยในข้อหาหมิ่นประมาทแล้ว
 

ด้าน พญ.วิมล เสกธีระ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแพทย์ รพ.เวชธานี กล่าวว่า

สำหรับกรณีที่เกิดการฟ้องร้องผู้ป่วย ทางโรงพยาบาลไม่ทราบในรายละเอียด เนื่องจากปัจจุบันนพ.ฉันทัส ลาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ส่วนนายสุกิจยตน์ พูนศรีเกษม ทนายความของ นพ.ฉันทัส ไม่ใช่ทนายความของโรงพยาบาล และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล ทั้งนี้ ทางผู้บริหารไม่มีแนวคิดที่จะฟ้องกลับผู้ป่วย และยังยินดีหากจะมีการหารือเพื่อแก้ไขแผลเป็นของผู้ป่วยและมั่นใจว่าสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์