แห่โลงศพ ประท้วง! ตร.บุกฆ่า

ม็อบแห่โลงประท้วงผวจ.ลพบุรี ลูกชายโดนตำรวจบุกยิงแสกหน้าตายคาบ้านพักนานนับเดือน หวั่นคดีไม่คืบ

เผยลูกชายโดนจ.ส.ต.ควงปืนบุกยิงตายถึงในบ้านต่อหน้าเมียสาวผู้ตาย ซึ่งแอบเป็นกิ๊กกัน หลังก่อเหตุเข้ามอบตัวพร้อมให้การปฏิเสธ ญาติพี่น้องร้องหาความยุติธรรม ยื่นผวจ.ให้ตร.ส่วนกลางเข้ามาทำคดีแทน ให้แจ้งข้อหาเมียผู้ตายรู้เห็นด้วย ตั้งกก.สอบและย้ายจ.ส.ต.มือปืนออกนอกพื้นที่ ผกก.เมืองลพบุรียันทำคดีโปร่งใส ระบุปืนมรณะเป็นของจ.ส.ต.จริง ชี้สรุปสำนวนแล้วเตรียมส่งอัยการสั่งฟ้อง

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 21 ม.ค.

นายกรู่ ครามแสง อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 7 ต.พรหมมาสตร์ อ.เมือง จ.ลพบุรี นายสงขัย ครามแสง อายุ 46 ปี ลูกชาย พร้อมกับญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านอีกประมาณ 100 คน เดินทางโดยรถยนต์กระบะ และรถบรรทุก 6 ล้อจำนวนเกือบ 10 คัน โดยบรรทุกโลงศพมาจอดประท้วงที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดลพบุรี และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ศาลากลางจังหวัดลพบุรีว่า ต้องการพบนายจารุพงศ์ พลเดช ผวจ.ลพบุรี เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายไกรสีห์ ครามแสง อายุ 39 ปี ลูกชายที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตถึงในห้องนอน โดยการเดินทางมาร้องเรียนครั้งนี้ได้มีการทำหุ่นนายไกรสีห์นั่งบนเก้าอี้แล้วมีมือปืนบุกเข้ามายิงตาย พร้อมทั้งถือป้ายข้อความต่างๆ จำนวนหลายสิบแผ่นด้วยกัน อาทิ ผีร้องไห้ ขอความยุติธรรม, ยิงแสกหน้า ต่อหน้าเมีย ฯลฯ

นายกรู่กล่าวว่า

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2550 ตนได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่านายไกรสีห์ ครามแสง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/1 หมู่ 2 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ลูกชายของตนถูกยิงเสียชีวิต โดยศพอยู่ที่โรงพยาบาลลพบุรี ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องจึงรีบเดินทางไปดูและพบว่าเป็นศพของลูกชายจริง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.เข้าที่แสกหน้า เหนือคิ้วซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน จากการสอบถามทราบว่าคนที่พาลูกชายของตนส่งโรงพยาบาลก็คือนางสมคิด ครามแสง อายุ 38 ปี ภรรยาของคนตาย ประกอบอาชีพขายหมูชำแหละอยู่ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองลพบุรี

นายกรู่กล่าวต่อว่า

ครั้งแรกที่ทราบข่าวว่าลูกชายถูกยิงเสียชีวิต และผู้ที่นำส่งโรงพยาบาลคือนางสมคิดซึ่งเป็นภรรยาของลูกชาย แต่นางสมคิดทำไมถึงไม่ยอมบอกกับตนและญาติพี่น้อง จึงเกิดความสงสัย และเบื้องต้นจากการสอบถามนางสมคิดก็ไม่ยอมพูดความจริง แต่หลังจากที่ถูกสอบปากคำหนักเข้าในที่สุดก็เปิดปากรับสารภาพว่า มือปืนที่ก่อเหตุยิงลูกชายของตนเสียชีวิตครั้งนี้คือจ.ส.ต.วิเชียร หรือบัง ฮวบสกุล ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เมืองลพบุรี หลังก่อเหตุแล้วได้หลบหนีไป แต่ได้ทิ้งอาวุธปืนเอาไว้ ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค.2550 จ.ส.ต.วิเชียรได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพ.ต.ท.อัฐพล แก้วเขียว สารวัตรเวร สภ.เมืองลพบุรี โดยให้การปฏิเสธ จากนั้นพ.ต.อ.ศุภโยชก์ ธารีไทย ผกก.สภ.เมืองลพบุรี ใช้ตำแหน่งหน้าที่ประกันตัว จ.ส.ต.วิเชียรออกไป และตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว 1 เดือน แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องจึงรวมตัวกันแบกโลงศพลูกชายมาร้องขอความเป็นธรรม

ต่อมานายจารุพงศ์ พลเดช ผวจ.ลพบุรี ลงมารับหนังสือร้องเรียนจากนายกรู่ ซึ่งได้เรียกร้องจำนวน 5 ข้อด้วยกัน

คือ
1.ขอแจ้งข้อกล่าวหานางสมคิด และจ.ส.ต.วิเชียร ฮวบสกุล ร่วมกันฆ่านายไกรสีห์
2.ขอถอนนางสมคิดที่เป็นโจทก์ร่วมออก
3.ขอให้เปลี่ยนชุดสอบสวนใหม่เป็นชุดสอบสวนจากส่วนกลางและให้สั่งพักราชการจ.ส.ต.วิเชียร
4.ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยจ.ส.ต.วิเชียร
5.มีคำสั่งย้ายจ.ส.ต.วิเชียรออกจากพื้นที่จังหวัดลพบุรี โดยมีเหตุผลคือ เนื่องจากผู้ที่ลงมือกระทำเป็นตำรวจ เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มีการข่มขู่พยาน และพนักงานสอบสวนที่ทำงานอยู่ที่เดียวกันกับผู้ต้องหาคือ สภ.เมืองลพบุรี คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ตำรวจฆ่าคนตาย ทางการต้องรีบดำเนินการโดยเร่งด่วน ตำรวจส่วนกลางต้องลงมากำกับดูแลด้วย ซึ่งนายจารุพงศ์ก็ได้รับหนังสือร้องเรียนไว้ พร้อมกับยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ในส่วนของคดีจากการสอบถามตำรวจทราบว่าจะมีการส่งสำนวนให้กับอัยการจังหวัดลพบุรีในวันเดียวกันนี้เช่นกัน

พ.ต.อ.ศุภโยชก์กล่าวว่า

คดีนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังเกิดเหตุได้ส่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่พบในที่เกิดเหตุและทราบว่าเป็นอาวุธปืนของจ.ส.ต.วิเชียร พร้อมทั้งหัวกระสุนปืนที่พบในหัวคนตายส่งไปตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าหัวกระสุนปืนที่พบในหัวคนตายถูกยิงออกจากอาวุธปืนของจ.ส.ต.วิเชียร ตนจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนทำคดีอย่างรัดกุม ไม่ให้เข้าข้างหนึ่งข้างใด ผิดว่ากันตามผิด ถูกว่ากันตามถูก ไม่มีการปกป้องคนทำผิดอย่างเด็ดขาด ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ทำสำนวนการสอบสวนอย่างเร่งด่วนจนเสร็จภายใน 1 เดือน จากปกติที่จะเสร็จภายใน 3 เดือน และในวันที่ 23 ม.ค.นี้ จะส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการพิจารณาสำนวนส่งฟ้อง พร้อมกับส่งตัวของจ.ส.ต.วิเชียรให้อัยการด้วย แต่ยังไม่ทันส่งก็ได้มีการแบกโลงศพมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีก่อน ดังนั้น คงต้องส่งสำนวนให้อัยการในวันนี้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า

สำหรับเหตุการณ์จ.ส.ต.วิเชียรยิงนายไกรสีห์เสียชีวิต เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 21 ธ.ค. พ.ต.ท.อัฐพล แก้วเขียว สารวัตรเวร สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งจากโรงพยาบาลลพบุรีว่า มีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนถูกส่งตัวมารักษาและได้เสียชีวิตลงแล้ว จึงเดินทางไปสอบสวน พบว่านายไกรสีห์ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.เข้าที่หน้าผากเหนือคิ้วซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน จากนั้นออกเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุภายในห้องนอนบ้านเลขที่ 44/1 หมู่ 2 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี พบกองเลือดกองใหญ่ และร่องรอยการต่อสู้ บริเวณประตูพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 1 ปลอก อาวุธปืนกล็อก 1 กระบอก จึงได้เก็บรวบรวมเอาไว้เป็นหลักฐานประกอบคดี ส่วนอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของจ.ส.ต.วิเชียร จากนั้นเชิญตัวนางสมคิดมาสอบสวน

ในเบื้องต้นนางสมคิดให้การวกวนไปมา

อ้างว่าช่วงเกิดเหตุนอนหลับไม่เห็นเหตุการณ์ ต่อมารับว่านายไกรสีห์ถูกยิงนอกบ้านและวิ่งมาล้มลงหน้าห้องนอน แต่หลังจากที่ถูกสอบหนักเข้า นางสมคิดจึงเปิดปากรับสารภาพว่าวันเกิดเหตุตนอยู่ในห้องนอนกับนายไกรสีห์ และจ.ส.ต.วิเชียรซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดนาน 3 ปีแล้ว และอยู่ในอาการมึนเมาสุราได้บุกเข้ามาในห้องนอน เมื่อเห็นนายไกรสีห์นอนอยู่บนเก้าอี้โยกภายในห้องนอนก็ไม่พอใจ จึงเกิดทะเลาะมีปากเสียงกันขึ้น และจ.ส.ต.วิเชียรได้ใช้อาวุธปืนที่พกมาด้วยจ่อยิงนายไกรสีห์ที่หน้าผาก 1 นัดหน้าอก 1 นัด จากนั้นได้ยื่นปืนให้เอาไปซ่อน ส่วนจ.ส.ต.วิเชียรหลบหนีไป จากนั้นตนจึงรีบนำร่างนายไกรสีห์ส่งโรงพยาบาลลพบุรีให้แพทย์ทำการรักษาและนายไกรสีห์ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาดังกล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์