แฟชั่นปาหินใส่รถยังอาละวาดหนัก

แก๊งวัยรุ่นปาขวด-หินใส่รถ รายแรกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 00.45 น.


แก๊งวัยรุ่นซ่าส์อีก ปาหินปาขวดใส่รถคืนเดียว 2 จังหวัด 4 ราย โดยที่สุราษฎร์แก๊งวัยรุ่นปาหินใส่รถถึง 3 ราย แต่โชคดีไม่ใครเจ็บและตาย ขณะที่ผู้ว่าฯ สุราษฎร์เต้นผางหวั่นกระทบการท่องเที่ยว สั่ง จนท.ทุกหน่วยออกลาดตระเวนป้องกันเกิดเหตุซ้ำอีก ส่วนที่เมืองอุบลฯ ปาขวดเบียร์ใส่รถตู้โดยสารกระจกรถแตก ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหน้า 2 คน หัวแตกเลือดไหลโกรก

          แก๊งวัยรุ่นปาขวด-หินใส่รถ รายแรกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.พีระศักดิ์ สุรมณี ร้อยเวร สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลม่วงสามสิบ จ.อุบลฯ ว่า มีกลุ่มวัยรุ่นใช้ขวดเบียร์ปาใส่รถตู้ทำให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บและเข้ามารักษาตัวอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน หลังรับแจ้งได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล ทั้งนี้นายชิตพงษ์ จันทรวงค์ดี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 10 ต.โพธิ์ไทร อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลฯ คนขับรถตู้คันดังกล่าว เล่าว่า ตนได้ขับรถออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนสายวันที่ 29 ธ.ค. เพื่อนำผู้โดยสาร 15 คน กลับบ้านที่ อ.โพธิ์ไทร ซึ่งตามปกติแล้ว เมื่อมาถึงอุบลฯ จะไปตามถนนสายอุบลฯ-ตระการฯ แต่วันนี้มีคนโดยสารที่จะลงอำเภอม่วงสามสิบ 1 คน ตนจึงได้วิ่งรถมาตามถนนสายอุบลฯ-ม่วงสามสิบ ขณะที่รถวิ่งมาถึงบ้านหนองแต้ เขต อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นถนน 4 เลนได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์ย้อนศรวิ่งสวนมาจำนวน 4 คัน โดยมีคนซ้อนท้ายทุกคันๆ ละ 1 คน ทันใดนั้นตนก็ได้ยินเสียงดังคล้ายกับมีของแข็งกระทบโดนกับตัวรถเสียงดังมาก ขณะเดียวกัน ผู้โดยสารในรถก็ตะโกนบอกว่ามีคนปาขวดใส่รถ จึงจอดรถดู ส่วนกลุ่มวัยรุ่นได้ขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ น.ส.จิรพร สาริเครือ และนายสุดสาคร สังขวัน อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 5 ต.สารภี อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลฯ ที่นั่งเบาะหน้าคู่กับคนขับซึ่งนอนหลับศีรษะพิงเบาะได้รับบาดเจ็บ ศีรษะด้านซ้ายแตกเลือดไหลชุ่มทั้งคู่ ขณะที่ด้านหน้ารถก็พบกระจกแตกละเอียด ส่วนข้างรถมีรอยยุบคล้ายถูกทุบด้วยของแข็งและที่พื้นถนนใกล้จุดจอดรถพบเศษขวดแตก เศษกระจก และขวดเบียร์เปล่า จำนวน 4-5 ใบ ตกอยู่ จากนั้นได้นำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.ม่วงสามสิบ ก่อนที่ จนท.โรงพยาบาลจะโทร.แจ้งตำรวจเมืองอุบลฯ เจ้าของพื้นที่

เพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่


ด้านนายสุดสาคร 1 ในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า พวกตนทั้งหมด 15 คน ได้เดินทางกลับจากทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยออกเดินทางตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 29 ธ.ค.50 แต่เนื่องจากรถติดมากทำให้การเดินทางล่าช้า จึงมาถึงอุบลฯ เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ตามปกติพวกตนก็จะกลับทางสายอุบลฯ-ตระการฯ ซึ่งเป็นทางที่ตรงและใกล้มาก แต่มีน้องของเพื่อนขอติดรถมาลงที่ อ.ม่วงสามสิบด้วย 1 คน จึงได้บอกคนขับรถตู้ให้ไปทาง อ.ม่วงสามสิบ เพื่อไปส่งน้องของเพื่อน แต่ระหว่างมาถึงที่เกิดเหตุ ตนและ น.ส.จิรพร ผู้บาดเจ็บอีกรายได้นั่งหลับโดยเอาศีรษะพิงกับกระจกด้านข้างฝั่งคู่กับคนขับ ด้วยความอ่อนเพลีย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเจ็บที่ศีรษะและเพื่อนๆ ปลุกให้ตื่นจึงรู้ว่า มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ถือว่าเป็นการซวยส่งท้ายปีเก่าจริงๆ หลังจากหมอได้ทำการเย็บบาดแผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองรายคนละ 2-3 เข้มแล้ว ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ ล่าสุดผู้โดยสารทั้ง 15 คน เดินทางกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แต่ทุกคนยังอยู่ในอาการตื่นตระหนกตกใจ ท่ามกลางเพื่อนบ้านจำนวนมากที่มารุมถามข่าว

          ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวทุกเส้นทางหลังรับแจ้งเหตุ แต่ไม่ปรากฏวี่แววของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวแต่อย่างใด ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะทำไปด้วยความคึกคะนอง และเลียนแบบวัยรุ่นจังหวัดอื่นๆ เลยเอาอย่างบ้าง และเชื่อกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว คงจะมีภูมิลำเนาอยู่หมู่บ้านใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุแน่นอน ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

          ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีรายงานว่า คืนที่ผ่านมาได้มีแก๊งปาหินใส่รถที่สัญจรไปมา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากผู้ขับขี่รถเส้นทางสายเอเชีย บริเวณ ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นใช้ก้อนหินปาใส่รถได้รับความเสียหาย 3 คัน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ จึงลงบันทึกประจำวันไว้

          อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าหลังจากที่นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวหวั่นจะกระทบต่อการท่องเที่ยวได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งตำรวจภูธร ตำรวจทางหลวง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและอาสาสมัครกู้ภัยต่างๆ จัดชุดตระเวนตรวจตราในช่วงกลางคืน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเลียนแบบ และขอความร่วมมือประชาชนถ้าพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมย้ำให้ผู้ปกครองช่วยดูแลและรับผิดชอบด้วย เพราะนอกจากสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่ยวดยานสัญจรไปมาแล้ว ในส่วนของคนก่อเหตุก็จะถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดอีกด้วย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์