คืบหน้าเหตุลอบสังหารบุตโต


นางเบนาซีร์ บุตโต หญิงเหล็กแห่งปากีสถาน อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของโลกมุสลิม เสียชีวิตแล้วในวันนี้ที่เมืองราวัลปินดี ใกล้กับกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของประเทศ จากเหตุลอบสังหารระหว่างการออกหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มกราคม

ในเบื้องต้นมีรายงานที่ไม่มีการยืนยันว่า นางบุตโต แกนนำฝ่ายค้านปากีสถานวัย 54 ปี ถูกยิง

และถูกโจมตีซ้ำโดยฝีมือของมือระเบิดพลีชีพ ในช่วงที่นางเพิ่งเสร็จสิ้นการรณรงค์หาเสียงที่สวนสาธารณะเลียกัตบาจห์ และเตรียมออกจากพื้นที่ มีรายงานด้วยว่า งานนี้ผู้เสียชีวิตร่วมด้วยราว 20 ราย และบาดเจ็บอีกหลายคน

รายงานบอกว่านางบุตโตถูกยิง 2 นัดเข้าที่ลำคอและหน้าอก

จากนั้น มือปืนก็แปรสภาพไปเป็นมือระเบิดพลีชีพ เมื่อได้กดชนวนระเบิดที่ผูกอยู่ที่ตัว ท่ามกลางฝูงชนหลายพันคนที่มาฟังการหาเสียงของนางบุตโต

ตำรวจบอกว่า

หลังเสร็จสิ้นการหาเสียงกับประชาชนหลายพันคนที่มาร่วมชุมนุม นางบุตโตได้ขึ้นไปในรถ แต่แล้วก็ถูกยิง และตามมาด้วยเสียงระเบิด โดยช่วงที่เกิดเหตุ รถของเธออยู่ห่างจากจุดที่เกิดระเบิดแค่ 50 เมตร โดยเพิ่งจะออกไปจากประตูสวนสาธารณะ

อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ราวัลปินดี เจเนอรัล เป็นการด่วนในสภาพที่ไม่รู้สึกตัว

และเข้ารับการผ่าตัดเป็นการด่วน แต่นางก็ทดพิษบาดแผลไม่ไหว และสิ้นใจเมื่อเวลา 6 โมงเย็น 16 นาที หรือไม่นานหลังจากที่ถูกปองร้าย

ผู้อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า

หลังเหตุระเบิด เศษซากอวัยวะมนุษย์ตกอยู่กราดเกลื่อนบริเวณประตูหลังของสวนสาธารณะ
หลังทราบเรื่อง อดีตนายกรัฐมนตรี นาวาซ ชารีฟ แกนนำฝ่ายค้านอีกคนก็รุดมาที่โรงพยาบาล และมานั่งสงบนิ่งอยู่ข้างศพนางบุตโตด้วย ต่อมาเขาประกาศว่าจะร่วมแก้แค้นให้นาง

ข่าวการเสียชีวิตของนางบุตโตที่แพร่ออกไป ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนนางที่แห่กันมาที่โรงพยาบาลต่างก็โกรธแค้น

 และระบายความโกรธด้วยการทุบทำลายประตูหน้าของแผนกฉุกเฉิน และหลายคนก็ร้องไห้ บางคนก็ประณามประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ว่าเป็นฆาตกร บางคนก็เอาก้อนหินขว้างปารถระบายความแค้น และบางคนก็บอกว่ามีการร้องขอให้ทางการเพิ่มมาตการรักษาความปลอดภัยในงานนี้ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ

ขณะที่สหรัฐ พันธมิตรสำคัญของมูชาร์ราฟ ในการทำสงครามกับการก่อการร้าย ออกมาประณามผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้ โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐเป็นผู้ผลักดันให้มูชาร์ราฟ รอมชอมกับนางบุตโต หลายประเทศ เช่นฝรั่งเศส และรัสเซีย ต่างก็ออกมาร่วมประณามการกระทำครั้งนี้เช่นกัน

ขอขอบคุณข่าวจาก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์