เมียมหาเศรษฐีสหรัฐฯร้องศาล สั่งสามีเสียชีวิตหลังหายไป3ด.

ภรรยาของ"สตีฟ ฟอสเซ็ตต์" มหาเศรษฐีนักผจญภัย ร้องขอให้ศาลสั่งว่าสามีเสียชีวิตแล้ว หลังหายไปเกือบ 3 เดือน
 

(28พย.) นางเพกกี้ ฟอสเซตต์ ภริยาของอภิมหาเศรษฐีนักผจญภัย สตีฟ ฟอสเซ็ตต์ ได้ยื่นร้องขอต่อศาลเขตคุ๊ก รัฐอิลลินอยด์ของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐฯ เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาอย่างเป็นทางการว่า สามีวัย 63 ปีของเธอเสียชีวิตแล้ว จะได้แบ่งปันทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ตามที่เขาระบุไว้ในพินัยกรรม

นายฟอสเซ็ตต์ขับเครื่องบินเล็กเครื่องยนต์เดียว"เบลแลนค่า"

บินขึ้นจากเมืองเยริงตัน รัฐเนวาด้าและหายสาปสูญไปในป่าเขาแถบนั้น เมื่อ 3 กันยายน หรือเมื่อเกือบ 3 เดือนก่อน และมีการยุติการค้นหาประมาณ 1 เดือนถัดจากนั้น หลังจากใช้เครื่องบินจำนวนมาก ออกสำรวจหาตามเทือกเขาสลับซับซ้อน แต่ไม่พบร่องรอยของเครื่องบินเล็กของเขา แถลงการณ์ของนางฟอสเซตต์ ผู้พำนักอยู่ที่นครชิคาโกเช่นเดียวกับสามี ระบุว่าคนในครอบครัวจะยังเศร้าเสียใจและยังต้องทำใจต่อไป แต่หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 3 เดือน พวกเธอก็ต้องยอมรับว่านายฟอสเซตต์ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว

เอกสารระบุด้วยว่า นายฟอสเซ็ตต์ตั้งใจจะบินเล่นเพียง 2-3 ชั่วโมงก่อนจะกลับไปรับประทานอาหารกลางวัน

ไม่ได้ออกค้นหาก้นทะเลสาปที่อาจใช้ในความพยายามทำลายสถิติบนภาคพื้นดินอย่างที่เคยเชื่อกันก่อนหน้านี้ เขามีน้ำดื่มติดตัวไปขวดเดียวกับเครื่องส่งสัญญานเวลาฉุกเฉิน ซึ่งไม่ได้ส่งสัญญานออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ค้นหาเชื่อว่าเครื่องส่งสัญญานคงถูกทำลายไปแล้วตอนเครื่องบินตก  เอกสารคำร้องหนา 57 หน้า รวมทั้งเอกสารที่ระบุว่าไม่มีเหตุผลอื่นใดที่นายฟอตเซ็ตต์จะหายตัวไป รวมทั้งระบุว่า เขามีความสมบูรณ์พร้อมทางร่างกาย และหลงไหลการผจญภัยเป็นอย่างมาก

โครงการที่เขาวางแผนไว้ รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีใหม่ สร้างเรือดำน้ำที่นั่งเดียว เพื่อสร้างสถิติโลก ดำดิ่งลงไปในน้ำลึกเกือบ 36,000 ฟุต

แถบ"ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียน่า"(Mariana Trench)ในมหาสมุทรแปซิฟิค และโครงการสร้างสถิติใหม่ของความเร็วบนภาคพื้นดิน ฟอสเซ็ตต์เคยเฉียดตายมาหลายครั้งแล้ว เพราะเขาใช้เวลา 20 ปีที่ผ่านมา ไล่ล่าสร้างสถิติโลกทั้งทางทะเลและทางอากาศ รวมทั้งเมื่อปีที่แล้ว ที่เขานำยาน เวอร์จิ้น แอนดแลนติค โกลบบอลฟลายเยอร์ของเขา บินไกล 42,000 กิโลเมตรทั่วโลก สร้างสถิติทำการบินเดี่ยวระยะทางไกลสุด โดยไม่มีหยุดพัก หรือหยุดเติมน้ำมัน นางฟอสเซ็ตต์กล่าวว่า ครอบครัวหวังว่าสิ่งที่สามีทำไว้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นสานต่อการท้าทายจิตวิญญานของมนุษย์ต่อไปแบบไม่มีขีดจำกัด ซึ่งเป็นสิ่งที่สามีของเธอต้องการ