เคนย่าฆ่าวัยรุ่นกว่า8,000คน ช่วง 5ปีที่ปราบลัทธิต้องห้าม

กลุ่มทนายความเคนย่าระบุ ตำรวจเคนย่าสังหารวัยรุ่นไปกว่า 8,000 คน ช่วง 5 ปีที่ปราบปรามกลุ่มลัทธิมันกิคี

(26พย.) คณะทนายความสิทธิมนุษยชนกลุ่ม"มูลนิธิออสการ์"ของเคนย่า เปิดเผยรายงานชื่อ"สเตท รีเพรสชั่น" หรือ"การปราบปรามโดยรัฐ"วานนี้ ระบุว่าในช่วง 5 ปี นับจากเดือนสิงหาคมปี 2545 ซึ่งตำรวจเริ่มรณรงค์ปราบปรามลัทธิ"มันกิคี" ซึ่งเป็นลัทธิต้องห้ามที่เกี่ยวข้องกับการเมือง จนถึงเดือนสิงหาคมปีนี้ มีชาวเคนย่า 8,040 คน ถูกสังหารหรือถูกทรมาณจนเสียชีวิตโดยสายลับของรัฐบาล กับสูญหายไปอีก4,070 คน หลังถูกตำรวจควบคุมตัว แต่รายงานไม่ได้ระบุรายละเอียดหรือหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหา

ข้อกล่าวหานี้มีขึ้นในขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนหน้า

ซึ่งประธานาธิบดีเอ็มวาอีคีบาคี จะลงสมัครสมัยที่ 2 ซึ่งเป็นสมัยสุดท้ายขณะที่ผู้ท้าชิงคนสำคัญสุด คือนายไรล่า โอดิงก้าประกาศจะกวาดล้างลัทธินี้ให้หมดไปภายใน 1 เดือนหากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี นายอีริค คิไรเท โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงว่า ไม่อาจให้ความเห็น ต่อรายงานฉบับนี้ซึ่งเต็มไปด้วยความรุนแรง และเขียนขึ้นโดยกลุ่มบุคคลที่น่าสงสัย และว่ารายงานไม่ได้ระบุหลักฐานหรือรายละเอียดเช่น ชื่อผู้ถูกสังหาร,สถานที่ถูกสังหารหรือชื่อผู้ต้องสงสัย ที่จะช่วยให้ตำรวจและประชาคมนานาชาติสามารถเข้าตรวจสอบได้ทั้งในปัจจุบัน หรือในอนาคต
 

กองกำลังความมั่นคงเคนย่าเริ่มรณรงค์ปราบลัทธินี้ หลังถูกประกาศเป็นลัทธินอกกฏหมายเมื่อมีนาคม 2545

เพราะกลุ่มนี้ปะทะกับกลุ่มคู่อริในสลัมของกรุงไนโรบี มีผู้เสียชีวิต 20 คน เจ้าหน้าที่ระบุว่ากลุ่มนี้เคยเป็นกลุ่มศาสนาของเยาวชน ผู้ทำผมทรงเดรดล้อค และมีพิธีกรรมตามธรรมเนียมแต่ปัจจุบันได้กลายเป็นแก็งค์โหดเหี้ยม ที่ก่ออาชญากรรมต่างๆรวมทั้งกรรโชกทรัพย์และฆาตกรรม เมื่อต้นเดือนนี้ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเคนย่า ซึ่งเป็นของทางการ ระบุว่าตำรวจเคนย่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารในลักษณะประหารชีวิตของชายเกือบ 500 คน ช่วงเดือนมิถุนายนและตุลาคมที่ผ่านมา ในการปราบปราบลัทธินี้ แต่ทางตำรวจปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน