โจรกรรมรถ ภัยใกล้ตัวที่ผู้มีรถพึงระวัง

การ โจรกรรมรถ ถือเป็นภัยที่สร้างความหวาดผวาให้กับเจ้าของรถเป็นอย่างมาก

เพราะไม่ว่าจะมีระบบล็อคดีแค่ไหน แต่เพียงไม่เกิน 10 นาที รถของคุณก็อาจจะกลายเป็นของคนอื่นได้ และหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน เจ้าของรถจะเริ่ม “ถอดใจ” เพราะคาดการณ์ไปว่ารถสุดที่รักคงถูกดัดแปลง หรืออาจกลายเป็นเศษเหล็กส่งขายประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว แต่อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถือเป็นความ “โชคดี” ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกันบ่อย ๆ


เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา

นายธนกร ผจงจิตสม นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังกำลังจะขับรถปิดอัพอีซูซุดีแมคซ์ ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน จ-0361 กลับบ้านในเขตทุ่งครุ ขณะขับมาถึงบริเวณถนนสายบางนา-ตราด จึงจอดแวะปัสสาวะ จากนั้นก็ได้มีคนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็น “ตำรวจ” มาจับตัวนายธนกร พร้อมกับอ้างว่า นายธนกร ไปมีความสัมพันธ์กับภรรยาของเจ้านาย เลยจะพาไปยิงทิ้ง โดยไม่ฟังเสียงนายธนกรที่ร้องขอชีวิต

หลังจากนั้นก็นำนายธนกรขึ้นรถ พร้อมกับ “ซ้อม” จนน่วม

ระหว่างทางที่คนร้ายขับรถของนายธนกรไปนั้นก็ยังใช้เท้ากดตัวลงไปกับพื้นด้านล่างของรถ เพื่อไม่ให้เงยขึ้นมาเห็นหน้า และได้พานายธนกรในสภาพใบหน้าบวมช้ำ ฟันหักโยกหลายซี่ ไปปล่อยทิ้งไว้ริมถนน จากนั้นก็ “เชิดรถ” คันแรกที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงระหว่างเรียนหนีไป สร้างความเจ็บแค้นให้กับเจ้าของรถเป็นอย่างมาก


แต่ ตำรวจ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเรื่องการโจรกรรมรถถือเป็นเรื่องที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.วิชิต ปักษา ผกก.2 บก.ป. ได้รับรายงานจากสายลับมาว่า จะมีคนนำรถกระบะอีซูซุดีแมคซ์มาขายถูก ๆ ในราคา 100,000 บาท จึงตั้งข้อสังเกตว่ารถรุ่นนี้ไม่น่าจะมีการซื้อขายในราคาที่ต่ำถึงขนาดนี้ หลังทราบเรื่องจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ และได้มีการวางแผนร่วมกับ พ.ต.ต.เมธา วงศ์อนันต์นนท์ พ.ต.ต.รัฐพล น้อยช่างคิด สว.กก.2 บก.ป. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อปลอมตัวเป็นพ่อค้าไปติดต่อซื้อรถ โดยมีการนัดดูรถในซอยพหลโยธิน 35 แขวงจอมพล เขตจตุจักร

เมื่อถึงเวลานัดหมาย คนร้ายกลับโยกเวลา และเปลี่ยนสถานที่นัดหมายอีกหลายครั้ง เหตุยังไม่ไว้ใจพ่อค้าในคราบของตำรวจมากนัก

แต่ในที่สุด เวลา 23.00 น. คนร้ายก็ได้นำรถมาที่จุดนัดหมาย บริเวณโต๊ะสนุกในซอบพหลโยธิน 37 โดยมีนางชุติมณฑ์พร บุดดานอก อายุ 52 ปี มากับพรรคพวกอีกจำนวน 4 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำทีดูสภาพรถ เมื่อมั่นใจว่าน่าจะเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา จึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มอยู่จู่โจมเข้าจับกุมคนร้าย แต่คนร้ายไหวตัวทันจึงได้มีการยิงต่อสู้ คนร้าย 3 คนถูกจับกุมตัวได้ในที่เกิดเหตุ ส่วนอีก 2 คนสามารถหลบหนีไปได้


คนร้ายที่สามารถควบคุมตัวได้คือ

นางชุติมณฑ์พร บุดดานอก อายุ 52 ปี นายทนงศักดิ์ ทาลัย อายุ 29 ปี และนายบัญชา ขาวผิว อายุ 37 ปี ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ที่สามารถหลบหนีไปได้ ทราบชื่อคือ นายเทพฤทธิ์ เด่นดวง อายุ 33 ปี และนายมณี โสขำ อายุ 34 ปี

จากการสอบสวนนายทนงศักดิ์ และนายบัญชา รับสารภาพโดยอ้างว่า

เพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยรถที่โจรกรรมมาได้ จะนำมาขายต่อให้นางชุติมณฑ์พร ในราคา 1 แสนบาท และเมื่อตำรวจตรวจสอบหมายเลขเครื่องยนต์ก็พบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนายธนกร ที่แจ้งความรถหายไว้ที่สน.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงรีบประสานนายธนกรให้มาตรวจสอบรถของกลางทันที

หลังจากนายธนกรเดินทางมาตรวจสอบรถคันดังกล่าวด้วยความดีใจ ก็ยืนยันว่าเป็นรถของตนที่ถูกโจรกรรมไปจริง

เพราะมีตำหนิที่จำได้ และหมายเลขเครื่องก็ตรง จึงขอบคุณตำรวจชุดจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มาให้นายธนกรชี้ตัว ซึ่งนายธนกรก็สามารถชี้ตัวได้อย่างแม่นยำ เพราะเป็นผู้ที่สร้างทั้งแผลกาย และแผลใจไว้ให้ จนทำให้ระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ปรี่เข้าชกหน้าของนายบัญชา จนร่างกระเด็นล้มทั้งยืน เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาห้ามทัพกันชุลมุน

อีกหนึ่ง “ความโชคดี” ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย หลายเหตุการณ์ไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำงาน แต่ยากที่จะตามตัวของกลาง และคนร้าย ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของรถเองก็ต้องป้องกันเบื้องต้น ล็อครถทุกครั้งก่อนลงจากรถ ขณะขับรถก็คอยระแวงระวังรอบด้าน แต่ก็อย่าให้ถึงกับหวาดระแวง.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์